xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอโก้แสบตีทดเจ็บประเดิมเบ็คส์คืนธง สิงโตอุ่นเจ๊าแซมบ้า 1-1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดีเอโก้ กองกลางตัวสำรองกลายเป็นตัวแสบของอังกฤษ เมื่อจัดการโหม่งตีเสมอให้ บราซิล ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ หลังจากที่ เดวิด เบ็คแฮม เปิดฟรีคิกให้ จอห์น เทอร์รี่ โขกนำก่อน ทำให้แมตช์อุ่นเครื่องประเดิมนิว เวมบลีย์ ลงเอยที่ผลเสมอ 1-1 เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน

ฟุตบอลทีมชาติ นัดกระชับมิตร ที่สนามนิว เวมบลีย์วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2550
อังกฤษ 1 – 1 บราซิล

เดวิด เบ็คแฮม มิดฟิลด์เท้าชั่งทองกลับมาลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง
แมตช์ประเดิมสนามนิว เวมบลีย์ ของทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ได้เชิญแชมป์โลก 5 สมัยอย่างทีมชาติบราซิลมาเป็นคู่ลับแข้ง ซึ่งเกมนี้ถือเป็นการเตรียมทีมของพลพรรคสิงโตคำรามก่อนจะลงทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2008 รอบคัดเลือก กลุ่มอี และเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนลงลุยทัวร์นาเมนต์โคปา อเมริกาของแซมบ้าด้วย

ก่อนเกมผู้เล่นทั้ง 2 ทีม รวมทั้งแฟนบอลได้มีการร่วมยืนไว้อาลัยให้กับ อลัน บอลล์ ที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ซึ่งนัดนี้ สตีฟ แม็คลาเรน กุนซือทรีไลออนส์ จัดการส่ง เดวิด เบ็คแฮม ที่เพิ่งเรียกตัวคืนสู่ทำเนียบทีมชาติลงประจำการทางกราบขวา พร้อมทั้งใส่ ไมเคิล โอเว่น ที่กลับมาฟิตสมบูรณ์หลังจากเจ็บเข่าล่าตาข่ายร่วมกับ อลัน สมิธ นอกจากนั้นยังให้ นิคกี้ ชอรี่ย์ แบ็กซ้ายจากเรดดิ้งลงประเดิมเป็นครั้งแรกด้วย

ทางด้านบราซิล คาร์ลอส ดุงก้า จัดทีมผสมผสานระหว่างตัวจริงกับตัวสำรอง แต่มี โรนัลดินโญ่ และ กาก้า สองเพลย์เมกเกอร์ระดับเวิลด์คลาสเป็นตัวชูโรงใน 11 คนแรกส่วน ดาเนียล อัลเวส แบ็กขวาจอมบุกก็มีชื่อออกสตาร์ทเป็นตัวจริงด้วย

เริ่มเกมมา 5 นาที กาก้า ก็ได้โอกาสทักทายก่อน เมื่อจัดการโชว์ทักษะอันเหนือชั้นหลอกล่อ โจ โคล และ จอห์น เทอร์รี่ จนเสียจังหวะก่อนตัดสินใจยิงด้วยซ้าย แต่โดนบอลไม่เต็มหลังเท้าจึงหลุดออกข้างเสาไป ก่อนที่อังกฤษจะเริ่มหาช่องเข้าทำบ้างใน 6 นาทีต่อมาโดย เบ็คแฮม เหลือบไปเห็น โอเว่น พยายามส่ายหาช่อง จึงตักบอลเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ แต่ เฮลตัน นายทวารบราซิลออกมาคว้าลูกเข้าอ้อมอก

บทบาทของเบ็คส์ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดขึ้น นาทีที่ 17 สิงโตคำรามได้ลูกฟรีคิกนอกเขตโทษ ดาวเตะรีล มาดริด รับอาสาตักเข้าไปถูกกองหลังทีมเยือนโหม่งเคลียร์อกมาตกใส่ โจ โคล พักอกลงก่อนตวัดยิงจากนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลยังไม่ได้น้ำหนักจึงเข้าซอง เฮลตัน แบบสบายแฮ
ไมเคิล โอเว่น ลงล่าตาข่ายด้วย แต่ไม่มีสกอร์
2 นาทีให้หลัง บราซิลเกือบเป็นฝ่ายออกนำไปก่อนจากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมก่อนที่จะหยอดบอลเข้าไปให้ จิลแบร์โต้ ซิลวา สอดขึ้นมาโหม่งย้อยเสียบเสาสองปะทะตาข่าย ทว่า ถูกไลน์แมนสะบัดธงปฏิเสธก่อน เนื่องจาก ว้ากเนอร์ เลิฟ ยืนห้อยอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ทำเอากองเชียร์ฝั่งผู้ดีถึงกับใจหายใจคว่ำไปตามๆ กัน

เกมผ่านมาครึ่งชั่วโมง เบ็คแฮมยังคงแสดงให้เห็นถึงเขี้ยวเล็บ เมื่อได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา จากจังหวะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ถูก คาร์ลอส มิไนโร่ ดักฟาวล์ ซึ่งเบ็คแฮมก็จัดการปั่นบอลเลี้ยวหนีมือ เฮลตัน ไปแล้ว แต่ลูกโค้งมากเกินไปจึงเฉี่ยวเสาไกลแบบได้ลุ้น

จากนั้นอีก 4 นาที บราซิลก็เกือบย้อนรอยทรีไลออนส์ด้วยการปั่นฟรีคิกหน้าเส้น 18 หลาของ โรนัลดินโญ่ บ้าง หลังจากที่ เลิฟ ถูก เล็ดลี่ย์ คิง ดึงล้มลง แต่บอลที่ออกจากเท้าของเหยินน้อยยังเลี้ยวไม่มากพอจึงพุ่งผ่านเสาสองออกไป

รูปเกมโดยรวมถือว่าบราซิลเหนือกว่าเล็กน้อย แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอเช่นเดียวกับ อังกฤษ จึงทำให้ 45 นาทีแรกสกอร์ยังคงไม่ขยับไปไหนที่ 0-0

กลับเข้าสู่ครึ่งเวลาหลัง ขุนพลแดนกาแฟยังคงสร้างสรรค์เกมรุกได้ดุดันกว่าเช่นเคย ก่อนจะมาใกล้เคียงกับการออกนำ เมื่อ กาก้า ดึงบอลในเขตโทษอังกฤษก่อนไหลคืนให้ โรนัลดินโญ่ วิ่งเข้ามายิงไซด์ก้อย บอลไปแฉลบขา คิง เปลี่ยนทางเล็กน้อย แต่ พอล โรบินสัน ยังไม่ถลำไปไกลจึงปัดไว้ได้ด้วยมือซ้าย จากนั้น 3 นาที กาก้า สบโอกาสตะบันไกลจากนอกกรอบโทษ แต่ลูกไต่หลังเท้าพุ่งหนีเสาสอง

นาทีที่ 57 อังกฤษก็เกือบเป็นฝ่ายขยับสกอร์บอร์ดได้เหมือนกัน เมื่อ เบ็คแฮม เปิดลูกตั้งเตะจากริมเส้นด้านขวา บอลเลี้ยวเข้าหา โอเว่น ที่เทคตัวขึ้นโหม่งเบียดกับกองหลังบราซิล แต่ไม่สามารถบังคับทิศทางบอลได้ถนัดนัก ลูกจึงย้อยไปหล่นบนหลังคาแบบมีเสียวพอสมควร ก่อนที่ บิ๊กแม็ค จะแก้เกมด้วยการส่ง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง กับ คีรอน ดายเออร์ ลงมาแทน โจ โคล และ อลัน สมิธ หลังจากเกมผ่านมาครบ 1 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ เอ็ดมิลสัน ก็ได้ลงมาเล่นแทน มิไนโร่
กาก้า ดวลกับ เจอร์ราร์ด อย่างดุเดือด
ให้หลังจากที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาเพียง 3 นาที ดาวนิ่ง ก็ได้จังหวะลุ้นพังประตูจากลูกกระหน่ำเต็มข้อด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษ แต่ถูก เฮลตัน กระโดดปัดข้ามคาน และในจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม เบ็คแฮม ลากตัดเข้าใน ก่อนจะชิปเข้าไปให้ โอเว่น ขึ้นโหม่ง แต่อยู่ในระยะไกลเกินไป บอลจึงเบาและเข้าซอง เฮลตัน

จนกระทั่งนาทีที่ 68 เสียงเชียร์ในสังเวียนนิว เวมบลีย์ ก็ได้ดังกระหึ่ม เมื่อ เบ็คแฮม ที่วันนี้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเกมของอังกฤษก็จัดการโชว์ความฉมังเรื่องลูกนิ่ง ด้วยการเปิดบอลโค้งไปที่เสาไกลให้ เทอร์รี่ เทคตัวขึ้นโขกเหนือ นัลโด้ เต็มศีรษะ ส่งบอลย้อนศรเข้าไปตุงตาข่ายที่เสาไกล จึงเป็นอันว่าอังกฤษขึ้นนำบราซิล 1-0

กระนั้น เวส บราวน์ ที่เพิ่งถูกส่งลงมาเล่นแทน เจที ในนาทีที่ 73 ก็เกือบหยิบยื่นประตูตีเสมอให้กับแซมบ้า เมื่อไปเสียหลักลื่นล้มหน้าเขตโทษตัวเอง จนถูก อัลฟอนโซ่ อัลเวส กองหน้าสำรองของบราซิลขโมยบอลเข้าไปดีดสวนตัว โรบินสัน แต่ยังโชคดีที่ลูกกลิ้งถากเสาออกไปเพียงนิดเดียว

4 นาทีต่อมา แม็คลาเรน ตัดสินใจถอด เบ็คแฮม ออกมาพักแล้วส่ง เจอร์เมน จีนาส ลงสนามแทน ซึ่งในจังหวะที่หนุ่มเบ็คส์เดินออกจากสนามก็เรียกเสียงปรบมือจากสาวกสิงโตคำรามได้อย่างกึกก้อง

หลังจากที่บราซิลออกอาการชอตไปพักหนึ่งก็กลับมาได้ลุ้นตีเสมออีกครั้งในนาทีที่ 80 จากลูกเตะมุมที่ โรนัลดินโญ่ เปิดย้อนไปบริเวณหน้าเขตโทษให้ นัลโด้ โหม่งตั้งเข้าไปให้ อัลฟอนโซ่ อัลเวส โถมเข้าโขกต่อแบบจ่อๆ ในกรอบ 6 หลา ทว่า บอลกลับลอยไปตกบนหลังคาอย่างน่าเสียดาย

อีก 3 นาทีต่อมาก็ถึงคิวของ โอเว่น ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไป โดยมี ปีเตอร์ เคร้าช์ หัวหอกร่างโย่งลงมาค้ำแดนหน้าแทน ก่อนที่โฆษกสนามจะประกาศชื่อ “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ประจำเกมนี้ในนาทีสุดท้าย ซึ่งก็เป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่คว้าตำแหน่งไปครอง

อย่างไรก็ตาม งานฉลองประเดิมสนามนิว เวมบลีย์ของทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ก็มีอันต้องกร่อยลงไปทันที เมื่อ จิลแบร์โต้ ซิลวา จัดการตักลูกเข้าไปให้ ดีเอโก้ ตัวสำรองอีกรายโถมเข้าโหม่งโล่งๆ ชนิดไม่มีใครประกบส่งบอลหนีมือ โรบินสันเข้าไปซุกก้นตาข่ายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนที่จะจบเกมไปด้วยสกอร์นี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อังกฤษ
– พอล โรบินสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอห์น เทอร์รี่, เล็ดลี่ย์ คิง, นิคกี้ ชอรี่ย์, เดวิด เบ็คแฮม, แฟรงค์ แลมพาร์ด, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ โคล, อลัน สมิธ, ไมเคิล โอเว่น

บราซิล – เฮลตัน, ดาเนียล อัลเวส, นัลโด้, ฮวน, จิลแบร์โต้, คาร์ลอส มิไนโร่, จิลแบร์โต้ ซิลวา, กาก้า, โรนัลดินโญ่, โรบินโญ่, ว้ากเนอร์ เลิฟ
กำลังโหลดความคิดเห็น