คอลัมน์ "EYE ON SPORTS" โดย กษิติ กมลนาวิน
ปี 1989 ตอนนั้นผมยังอยู่ที่กรุงปารีส จำได้ว่า นับตั้งแต่ที่ฝรั่งเศสเปิดโอกาสให้นักเทนนิสสมัครเล่นเข้าร่วมแข่งขันกับมืออาชีพ ทำให้โรล็อง การ์โรสเป็นรายการเทนนิส โอเพนอย่างแท้จริงตั้งแต่ปี 1968 ผ่านมา 20 กว่าปี ก็ยังไม่มีนักหวดอเมริกันคนไหนคว้าแชมป์บนคอร์ตดินแห่งนี้ได้เลย อย่างเฉียดสุดก็แค่รองแชมป์
แล้วในที่สุด ไมเคิล ชาง เด็กหนุ่มสัญชาติอเมริกัน แต่ผิวเหลือง หัวดำ หน้าตี๋ชัดๆ เพราะพ่อแม่เป็นชาวจีน ย้ายจากไต้หวัน มาเล่าเรียนและตั้งรกรากอยู่ในนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา ทำให้เขาถือกำเนิดที่นั่นในปี 1972 และกลายเป็นนักเทนนิสอเมริกันคนแรก แถมอายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์ชายเดี่ยวเทนนิสแกรนด์ สแลม โรล็อง การ์โรสได้ในปี 1989 เมื่ออายุเพียง 17 ปี 3 เดือน ซึ่งก็ดันเป็นแกรนด์ สแลมเดียวในชีวิตซะด้วย
ไมเคิล ชาง เอาชนะ สเตฟาน เอ็ดเบิร์กในนัดชิงชนะเลิศ เฟรนช์ โอเพน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 3–2 เซ็ต 6-1,3-6,4-6,6-4 และ 6-2 เป็นการดับฝันของนักหวดชาวสวีเดนในการคว้าแชมป์แกรนด์ สแลมให้ครบทั้ง 4 รายการ แต่ว่าแมตช์ที่อยู่ในความทรงจำของแฟนๆเทนนิสทั่วโลกนั้น เกิดขึ้นก่อนหน้า 1 สัปดาห์ เป็นการดวลกันในรอบ 4 กับอีวาน เลนเดิล นักเทนนิสหมายเลข 1 ของโลกขณะนั้น ซึ่งช่วงนั้นเขายังมีสัญชาติเช็กโกสโลวาเกีย ต่อมาภายหลังจึงได้สัญชาติอเมริกัน ย้ายไปพำนักอยู่ในคอนเน็คติกัต สหรัฐอเมริกา เลนเดิลเป็นแชมป์เก่ารายการนี้มาถึง 3 สมัยด้วย
ตอนนั้น ใครๆก็เชื่อว่า ไมเคิล ชาง ยังห่างชั้นอยู่มาก เขาเพิ่งเทิร์นโปรปีก่อนนี่เอง และเป็นมือวางตั้งอันดับ 15 ของรายการ เมื่อเปรียบเทียบฟอร์มกันแล้ว เรื่องจะเอาชนะเลนเดิลนั้น ไม่ต้องคิด ซึ่งการแข่งขันก็เริ่มต้นอย่างที่ทุกคนคาดเดาเอาไว้เปี๊ยะเลย โดยเลนเดิลเก็บ 2 เซ็ตแรกไปก่อน 6-4 และ 6-4 แถมเริ่มเซ็ตที่ 3 ชางยังถูกเบรคเกมเสริฟอีก ไปกันใหญ่เลย
แต่แล้วชางกลับเบรคเกมเสริฟของเลนเดิลคืนได้ทันควัน และชนะไปในเซ็ตนั้นเฉยเลย ด้วยสกอร์ 6-3 ถึงตอนนั้นมังกรอเมริกันชักมีกำลังใจขึ้นมาแล้ว แต่...อ้าว...ขาเจ้ากรรมเกิดตะคริวกินขึ้นมาซะอีก ชางต้องกัดฟันสู้ เฝ้าคิดค้นหาวิธีที่จะพาตัวเองให้รอดพ้นสถานการณ์อันไม่เป็นใจนี้ให้ได้ เขาเริ่มดึงเกมให้ช้าลงด้วยการล็อบบอลขึ้นสูง กะให้ไปลงแถวเส้นหลัง เรียกว่า มูน บอลส์ ( moon balls ) บางครั้งก็ถ่วงเวลาด้วยการกินกล้วยหอมบ้าง ดื่มน้ำบ้าง หรือบางทีก็ขอวิ่งเข้าห้องน้ำดื้อๆ
อีวาน เลนเดิล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักเทนนิสที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง แต่มาเสียจังหวะอย่างนี้ บ่อยเข้า ถึงขนาดเกิดอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย เสียศูนย์ไปเลย เขาเริ่มบ่นกับอัมพายร์ แล้วก็กลายเป็นสบถอย่างใส่อารมณ์ ลามไปถึงแฟนๆที่มาชมในสนามก็พลอยโดนไปด้วย เซ็ต 4 ก็เลยกลายเป็นของชาง สกอร์ 6-3
เซ็ตที่ 5 ชางยั่วโมโหด้วยการเสริฟแบบ under-arm serve คือ ปล่อยบอลลงจากมือแล้วตี แทนที่จะโยนบอลขึ้นเหนือศีรษะแล้วหวด ทำให้เลนเดิลฉุนขาด เหมือนกับเป็นการดูถูกกัน ซึ่งความจริงชางเองก็ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดทุกช็อตที่ตีเพราะเป็นตะคริวมาตั้งแต่เซ็ตที่ 3 แล้ว และเล่นกันมาร่วม 4 ชั่วโมงแล้วด้วย อย่างไรก็ตาม ภายหลังเขาก็ออกมาเปิดเผยว่า ได้พยายามทำลายสมาธิของเลนเดิลอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน
ในเซ็ตสุดท้ายนี้ ชางขึ้นนำ 5-3 และได้ 2 แมตช์พอยท์ แต่เลนเดิลเป็นฝ่ายเสริฟ คราวนี้ขอยั่วอีกซักที...น่า... ตามธรรมดา คนจะรับลูกเสริฟแรกก็จะไปยืนหลังเส้น Baseline แต่นี่กลับไปยืนซะกลางคอร์ต ซึ่งก็ได้ผล เลนเดิลเสริฟเสียเองทั้ง 2 ลูก เป็น double-fault ทำให้ไมเคิล ชางได้เซ็ต และคว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ
ไมเคิล ชางแขวนแร็คเก็ตไปแล้วตั้งแต่ปี 2003 รวมคว้าแชมป์ตลอดการเล่นอาชีพ 34 รายการ ทำเงินได้ประมาณ 19 ล้านเหรียญสหรัฐ และเคยรุ่งสุดๆ ขึ้นถึงอันดับ 2 ของโลกเมื่อเดือนกันยายน 1996 นอกจากนั้น ในปี 1999 ภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสขวัญใจชาวไทยของเราก็ยังเคยจับคู่กับหมอนี่ลงแข่งประเภทคู่ในเทนนิส เอทีพี ทัวร์ รายการไฮเนเกน โอเพน ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และในปี 2002 เจ้าบอลก็เคยเอาชนะไมเคิล ชางมาแล้วในการแข่งขันรายการแปซิฟิคไลฟ์ โอเพน ที่เมืองอินเดียนเวลส์ ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา สำหรับโอลิมปิก เกมส์ ในปี 2008 ที่ปักกิ่งเป็นเจ้าภาพ ไมเคิล ชางก็จะรับหน้าที่เป็นโค้ชให้เทนนิสทีมชาติจีนด้วย
ปี 1989 ตอนนั้นผมยังอยู่ที่กรุงปารีส จำได้ว่า นับตั้งแต่ที่ฝรั่งเศสเปิดโอกาสให้นักเทนนิสสมัครเล่นเข้าร่วมแข่งขันกับมืออาชีพ ทำให้โรล็อง การ์โรสเป็นรายการเทนนิส โอเพนอย่างแท้จริงตั้งแต่ปี 1968 ผ่านมา 20 กว่าปี ก็ยังไม่มีนักหวดอเมริกันคนไหนคว้าแชมป์บนคอร์ตดินแห่งนี้ได้เลย อย่างเฉียดสุดก็แค่รองแชมป์
แล้วในที่สุด ไมเคิล ชาง เด็กหนุ่มสัญชาติอเมริกัน แต่ผิวเหลือง หัวดำ หน้าตี๋ชัดๆ เพราะพ่อแม่เป็นชาวจีน ย้ายจากไต้หวัน มาเล่าเรียนและตั้งรกรากอยู่ในนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา ทำให้เขาถือกำเนิดที่นั่นในปี 1972 และกลายเป็นนักเทนนิสอเมริกันคนแรก แถมอายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์ชายเดี่ยวเทนนิสแกรนด์ สแลม โรล็อง การ์โรสได้ในปี 1989 เมื่ออายุเพียง 17 ปี 3 เดือน ซึ่งก็ดันเป็นแกรนด์ สแลมเดียวในชีวิตซะด้วย
ไมเคิล ชาง เอาชนะ สเตฟาน เอ็ดเบิร์กในนัดชิงชนะเลิศ เฟรนช์ โอเพน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 3–2 เซ็ต 6-1,3-6,4-6,6-4 และ 6-2 เป็นการดับฝันของนักหวดชาวสวีเดนในการคว้าแชมป์แกรนด์ สแลมให้ครบทั้ง 4 รายการ แต่ว่าแมตช์ที่อยู่ในความทรงจำของแฟนๆเทนนิสทั่วโลกนั้น เกิดขึ้นก่อนหน้า 1 สัปดาห์ เป็นการดวลกันในรอบ 4 กับอีวาน เลนเดิล นักเทนนิสหมายเลข 1 ของโลกขณะนั้น ซึ่งช่วงนั้นเขายังมีสัญชาติเช็กโกสโลวาเกีย ต่อมาภายหลังจึงได้สัญชาติอเมริกัน ย้ายไปพำนักอยู่ในคอนเน็คติกัต สหรัฐอเมริกา เลนเดิลเป็นแชมป์เก่ารายการนี้มาถึง 3 สมัยด้วย
ตอนนั้น ใครๆก็เชื่อว่า ไมเคิล ชาง ยังห่างชั้นอยู่มาก เขาเพิ่งเทิร์นโปรปีก่อนนี่เอง และเป็นมือวางตั้งอันดับ 15 ของรายการ เมื่อเปรียบเทียบฟอร์มกันแล้ว เรื่องจะเอาชนะเลนเดิลนั้น ไม่ต้องคิด ซึ่งการแข่งขันก็เริ่มต้นอย่างที่ทุกคนคาดเดาเอาไว้เปี๊ยะเลย โดยเลนเดิลเก็บ 2 เซ็ตแรกไปก่อน 6-4 และ 6-4 แถมเริ่มเซ็ตที่ 3 ชางยังถูกเบรคเกมเสริฟอีก ไปกันใหญ่เลย
แต่แล้วชางกลับเบรคเกมเสริฟของเลนเดิลคืนได้ทันควัน และชนะไปในเซ็ตนั้นเฉยเลย ด้วยสกอร์ 6-3 ถึงตอนนั้นมังกรอเมริกันชักมีกำลังใจขึ้นมาแล้ว แต่...อ้าว...ขาเจ้ากรรมเกิดตะคริวกินขึ้นมาซะอีก ชางต้องกัดฟันสู้ เฝ้าคิดค้นหาวิธีที่จะพาตัวเองให้รอดพ้นสถานการณ์อันไม่เป็นใจนี้ให้ได้ เขาเริ่มดึงเกมให้ช้าลงด้วยการล็อบบอลขึ้นสูง กะให้ไปลงแถวเส้นหลัง เรียกว่า มูน บอลส์ ( moon balls ) บางครั้งก็ถ่วงเวลาด้วยการกินกล้วยหอมบ้าง ดื่มน้ำบ้าง หรือบางทีก็ขอวิ่งเข้าห้องน้ำดื้อๆ
อีวาน เลนเดิล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักเทนนิสที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง แต่มาเสียจังหวะอย่างนี้ บ่อยเข้า ถึงขนาดเกิดอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย เสียศูนย์ไปเลย เขาเริ่มบ่นกับอัมพายร์ แล้วก็กลายเป็นสบถอย่างใส่อารมณ์ ลามไปถึงแฟนๆที่มาชมในสนามก็พลอยโดนไปด้วย เซ็ต 4 ก็เลยกลายเป็นของชาง สกอร์ 6-3
เซ็ตที่ 5 ชางยั่วโมโหด้วยการเสริฟแบบ under-arm serve คือ ปล่อยบอลลงจากมือแล้วตี แทนที่จะโยนบอลขึ้นเหนือศีรษะแล้วหวด ทำให้เลนเดิลฉุนขาด เหมือนกับเป็นการดูถูกกัน ซึ่งความจริงชางเองก็ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดทุกช็อตที่ตีเพราะเป็นตะคริวมาตั้งแต่เซ็ตที่ 3 แล้ว และเล่นกันมาร่วม 4 ชั่วโมงแล้วด้วย อย่างไรก็ตาม ภายหลังเขาก็ออกมาเปิดเผยว่า ได้พยายามทำลายสมาธิของเลนเดิลอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน
ในเซ็ตสุดท้ายนี้ ชางขึ้นนำ 5-3 และได้ 2 แมตช์พอยท์ แต่เลนเดิลเป็นฝ่ายเสริฟ คราวนี้ขอยั่วอีกซักที...น่า... ตามธรรมดา คนจะรับลูกเสริฟแรกก็จะไปยืนหลังเส้น Baseline แต่นี่กลับไปยืนซะกลางคอร์ต ซึ่งก็ได้ผล เลนเดิลเสริฟเสียเองทั้ง 2 ลูก เป็น double-fault ทำให้ไมเคิล ชางได้เซ็ต และคว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ
ไมเคิล ชางแขวนแร็คเก็ตไปแล้วตั้งแต่ปี 2003 รวมคว้าแชมป์ตลอดการเล่นอาชีพ 34 รายการ ทำเงินได้ประมาณ 19 ล้านเหรียญสหรัฐ และเคยรุ่งสุดๆ ขึ้นถึงอันดับ 2 ของโลกเมื่อเดือนกันยายน 1996 นอกจากนั้น ในปี 1999 ภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสขวัญใจชาวไทยของเราก็ยังเคยจับคู่กับหมอนี่ลงแข่งประเภทคู่ในเทนนิส เอทีพี ทัวร์ รายการไฮเนเกน โอเพน ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และในปี 2002 เจ้าบอลก็เคยเอาชนะไมเคิล ชางมาแล้วในการแข่งขันรายการแปซิฟิคไลฟ์ โอเพน ที่เมืองอินเดียนเวลส์ ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา สำหรับโอลิมปิก เกมส์ ในปี 2008 ที่ปักกิ่งเป็นเจ้าภาพ ไมเคิล ชางก็จะรับหน้าที่เป็นโค้ชให้เทนนิสทีมชาติจีนด้วย