ศึกซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 41 หรือ Super Bowl XLI ที่กำลังจะระเบิดศึกในสนาม ดอลฟิน สเตเดี้ยม เช้าตรู่วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 (ตามเวลาในเมืองไทย) นับเป็นคู่เข้าชิงที่ต่างก็รอเวลาแห่งความยิ่งใหญ่นี้มานานหลายปี โดยชิคาโก้ แบร์ส นั้นขึ้นเป็นแชมป์สายเอ็นเอฟซี และเข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปีซึ่งครั้งสุดท้ายที่ “ทีมพญาหมี” ได้เข้าสู่ศึกอันเป็นที่สุดของเอ็นเอฟแอลนั้นอยู่ในปี 1985 ขณะที่ทีมแชมป์สายเอเอฟซี อินเดียนาโปลิส โคลต์ส นั้นเดินเข้าสู่การชิงชัยเพื่อชิงถ้วย วินซ์ ลอมบาดี นี้เป็นครั้งแรกหลังจากที่เป็นทีมเต็งมานานหลายปี
ก่อนที่การแข่งขันจะระเบิดขึ้นในเวลา 06.00 น. ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 (ตามเวลาในประเทศไทย) เหล่าโต๊ะพนัน และ นักวิจารณ์กีฬาต่างยกให้ โคลต์ส เป็นทีมเต็งที่จะได้แหวนซูเปอร์โบว์ลไปสวมนิ้ว ส่วนผู้เชี่ยวชาญอเมริกันฟุตบอลในเมืองไทยให้ทัศนะอย่างไรบ้างนั้น ทีมข่าวกีฬาผู้จัดการรายวันได้มีโอกาสพูดคุยกับสองกูรูที่แฟนกีฬาคนชนคนคุ้นเสียงกันดี เริ่มจาก อาจารย์ ศุภพร มาพึ่งพงษ์ ผู้คร่ำหวอดมาตั้งแต่เล่นเป็นตัวเตะให้กับทีมมหาวิทยาลัยครั้งเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่วอชิงตัน จนกระทั่งกลับมาเป็นผู้บรรยายการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุค 80 ได้แสดงความคิดเห็นถึงสองทีมที่เข้าชิงซูเปอร์โบว์ลในครั้งนี้ว่า
“คงต้องออกตัวก่อนว่าผมแฟนตัวยงของทีม วอชิงตัน เรดสกินส์ ส่วนคู่ชิงซูเปอร์โบว์ลในครั้งนี้ก็ได้ให้ทางก่อนที่พวกเขาจะมาถึง “ไมอามี่ สเตเดี้ยม” ซึ่งน่าจะถึงเวลาเสียทีหากต้องเลือกเชียร์ทีมใดทีมหนึ่งในซูเปอร์โบว์ลหนนี้คงเป็นทางฝั่ง แบร์ส ทีมที่อยู่ทางฝั่งเอ็นเอฟซีด้วยกัน”
จากการได้สัมผัสคลุกคลีกับ (อเมริกัน) ฟุตบอล ตั้งแต่ครั้งไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 60 อาจารย์ยอมรับว่าปรัชญาอเมริกันฟุตบอลที่รู้จักนั้นมีพื้นฐานสำคัญอยู่ที่เกมรับ “วินซ์ ลอมบาร์ดี” ตำนานหัวหน้าโค้ชของ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าฝ่ายตรงข้ามทำแต้มคุณไม่ได้ อย่างแย่ที่สุดก็เสมอกัน”
“ดังนั้น ‘ทีมรับ’ มิใช่เป็นเพียงแต่ทีมรับขณะที่เล่นเกมป้องกันคุณสามารถฉกช่วยความผิดพลาดของคู่แข่งเปลี่ยนเป็นแต้มให้ทีมของตนได้ และดูเหมือนว่า ชิคาโก้ แบร์ส ในปีนี้จะสามารถทำได้แบบนั้นหลายครั้งหลายหน ส่วนฟอร์มของ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส นั้นแม้จะเป็นต่อพอสมควรเพราะมีการเล่นที่ครบเครื่องกว่าหากทีมรับของโคลต์ส ลุกขึ้นมาทำงานได้ก็ชนะค่อนข้างแน่”
นอกจากนี้ อาจารย์ ศุภพร ยังวิเคราะห์เกมบุกของ โคลต์ส ให้ฟังว่า “จุดเด่นของโคลต์ส คือ เพย์ตัน แมนนิ่ง ผู้นำในเกมบุก ควอเตอร์แบ็กคนนี้ต้องถือเป็นอัจฉริยะเพียงไม่กี่คนของวงการ สามารถปรับเปลี่ยนแผนการเล่นได้ที่แนว อ่านเกมรับคู่แข่งได้ขาดทีเดียว ถ้าบรรดาแนวป้องกัน แมนนิ่ง ได้ดีจะยิ่งอันตรายเพราะมีปีกที่ดีอย่าง มาร์วิน แฮร์ริสัน คอยรับบอล แต่ถ้าทีมรับแบร์ส สามารถกดดันให้ แมนนิ่ง ผิดพลาดได้ก็เรียกได้ว่า แบร์ส ยังมีโอกาส”
“ถ้า แบร์ส จะชนะต้องใช้ลักษณะบอลคอนโทรล หากนำก่อนแล้วพยายามวิ่งทำระยะพร้อมๆ ไปกับการฆ่าเวลาหากพวกเขาชนะสกอร์น่าจะต่ำ แต่ถ้าโคลต์ส จะชนะก็ด้วยเหตุผลข้างต้นและอาจจะชนะแบบถล่มทลาย แต่สำหรับผมให้ โคลต์ส ชนะ แบร์ส ประมาณ 31-20 คะแนน”
ด้าน “พรพรหม จุลกะทัพพะ” ผู้บรรยายเกมอเมริกันฟุตบอลที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในช่วงปี 2000 ได้วิเคราะห์เกมครั้งนี้ให้ทีมข่าวกีฬาผู้จัดการรายวันฟังว่า “ซูเปอร์โบว์ล ครั้งนี้สนุกแน่นอนเพราะเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ซึ่งมีเกมบุกอันร้อนแรงปะทะกับทีมรับอันแข็งแกร่งของ ชิคาโก้ แบร์ส
โดย “พรหรหม” ได้สวมวิญญาณ “โทนี่ ดันจี้” หัวหน้าโค้ชของ โคลต์ส เรียกแผนการเล่นเกมบุกว่า “คงต้องใช้จุดเด่นของทีมอย่าง เพย์ตัน แมนนิ่ง ในการขว้างบอลเป็นลักษณะพยายามขว้างเพื่อเปิดเกมวิ่ง และจะเป็นการขว้างออกข้างเพื่อฉีกหนี ไบรอัน เออร์ลาเคอร์ ถ้าขว้างได้เมื่อไหร่ทั้งกองกลางและกองหลัง แบร์ส จะพะวงคราวนี้ก็ส่ง โจเซป แอดดาย และโดมินิค โรดส์ ลงมาวิ่งทะลวง แต่การเดินเกมจะค่อยเป็นค่อยไป เล่นให้ละเอียดรอบคอบรอให้ แมนนิ่ง ขว้างบิ๊กเพลย์หากนำสัก 2 สกอร์โอกาสโคลต์ส แชมป์สูง”
“ในเรื่องของทีมรับโคลต์ส คงต้องคีย์ไปที่การป้องกันการวิ่งของแบร์ส อาจจะต้องให้ บ็อบ แซนเดอร์ส ซึ่งเป็นเซฟตี้ ดันขึ้นมาช่วยไลน์แบ็กเกอร์อย่าง เคโต้ จูน เพราะแบร์ส คงไม่ให้ เร็กซ์ กรอสส์แมน ออกมาผลีผลามขว้างอะไรมากมาย”
ส่วน แบร์ส นั้น “พรหรหม” วิเคราะห์ว่า “จุดเด่นของทีมนี้คือเรื่องของการวิ่งอาจต้องสลับให้ เร็กซ์ กรอสส์แมน ขว้างบ้างหรือไม่ก็สร้างบิ๊กเพลย์เพื่อช่วยเปิดเกมวิ่งไปในตัว สำหรับทีมรับ คงต้องใช้ประสบการณ์ของ เออร์ลาเคอร์ ให้เป็นประโยชน์ที่สุด คอยแก้เกมแบบเพลย์ต่อเพลย์กับ แมนนิ่ง ที่รอบจัดจริงๆ รวมถึงต้องพยายามทำให้ทีมบุกโคลต์ส เสียเทิร์นโอเวอร์ และถ้าขึ้นนำจะยิ่งเป็นการดีนอกจากจะลดความกดดันของ กรอสส์แมน แถมจะใช้บอลคอนโทรลได้ด้วย แต่ส่วนตัวแล้ว โคลต์ส ยังได้เปรียบและน่าจะเอาชนะ แบร์ส ไปด้วยสกอร์ประมาณ 27-21 คะแนน โอกาสเรียกได้ว่า 70 ต่อ 30 เปอร์เซ็นต์”
แม้ว่า โคลต์ส จะเป็นต่อ แบร์ส อยู่มากหากแต่การแข่งขันยังไม่จบจนกว่าจะหมดเวลาทั้ง 4 ควอเตอร์ ของซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 41 และกว่าจะถึงเวลานั้นเชื่อว่าทั้งสองทีมต่างต้องเอากลเม็ดขึ้นมาสู้กันให้ถึงที่สุดก่อนที่จะให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคว้าแชมป์ไปครองอย่างแน่นอน