“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นักฟุตบอลชื่อดังของทีมชาติไทย ซึ่งไม่ได้ร่วมทัพลูกหนังไปตะลุยศึกฟุตบอลอาเซียน คัพ 2007 หรือ Asean Football Championship รอบชิงชนะเลิศนัดแรกที่สนาม เคลัง ประเทศสิงค์โปร์ ออกปากเสียดายที่ไม่ได้อยู่ในสนามแข่งขันร่วมกับนักฟุตบอลรุ่นน้อง และยังแสดงความเชื่อมั่นว่า แม้ทีมไทยจะถูกปล้นชัยชนะไปจากจุดโทษปัญหา แต่การแข่งขันเลกที่สองซึ่งมีจะขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2550 ณ สนามศุภชลาศัย ทีมไทยน่าจะเป็นฝ่ายล้างแค้นคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
หลังจากการแข่งขันฟุตบอลอาเซียน คัพ 2007 รอบชิงชนะนัดแรก ณ สนามเคลัง ประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งทีมชาติไทยเป็นฝ่ายเดินทางไปเยือนก่อน และพ่ายไปด้วยสกอร์ 1-2 ประตูหลังจากเกิดลูกโทษเจ้าปัญหาโดยการแข่งขันนัดนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลเกือบทั้งประเทศ ในขณะที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ศูนย์หน้าชื่อดังต้องถอนตัวอย่างกะทันหัน เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าและทางบ้านแจ้งให้ทราบว่าลูกสาวไม่สบาย
โดย ศูนย์หน้าจอมตีลังกา ซึ่งหวนกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง ได้กล่าวถึงเกมการแข่งขันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่า “ส่วนตัวแล้วรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ร่วมทีมไปกับน้องๆ เพราะวันที่เดินทางไปสิงค์โปร์ก็โหลดกระเป๋าเตรียมขึ้นเครื่องแล้ว แต่เมื่อได้รับข่าวจากทางบ้านประกอบกับที่รู้ตัวว่าสภาพร่างกายลงสนามไม่ได้อย่างแน่นอนก็ตัดสินใจถอนตัว” เมื่อผู้สื่อข่าวผู้จัดการออนไลน์ถามถึงเกมการแข่งขันที่ผ่านมา ซิโก้ กล่าวว่า
“ทีมชาติไทยสู้เขาได้ เพียงแต่การเล่นนอกบ้านนั้น อาจจะสร้างความกดดันให้กับนักฟุตบอลที่เป็นทีมเยือน แต่เกมการแข่งขันนั้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง สำหรับเกมการแข่งขันระหว่าง ไทยกับสิงค์โปร์ เมื่อคืนวันพุธนั้น ต้องยอมรับว่า กรรมการมีส่วนสร้างความได้เปรียบให้กับเจ้าบ้านเป็นอย่างยิ่ง ให้ใบเหลืองทั้งที่ไม่น่าให้ หรือแม้กระทั่งนักเตะสิงค์โปร์เข้าบอลแรง ก็ไม่เป่า เรื่องแบบนี้มันกดดันนักฟุตบอลทุกคน และพอให้ลูกจุดโทษทั้งที่ภาพรีเพลย์ ฟ้องว่ากองหลังไทยไม่ได้ทำฟาล์ว ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์มันบานปลาย”
นอกจากนี้ ซิโก้ ยังกล่าวถึงการคัดเลือกกรรมการผู้ตัดสินในทัวร์นาเมนต์นี้ว่า “ต้องยอมรับว่า การแข่งขันอาเซียน คัพ ในปีนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง แฟนบอลทุกประเทศให้ความสนใจ มาตรฐานนักฟุตบอลก็สูงขึ้น แต่กรรมการที่ทางเอเอฟซี เลือกมาตัดสิน ซึ่งเป็นกรรมการที่ได้รับการคัดเลือกมาจากสมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศนั้น บางรายยังไม่ได้มาตรฐาน อย่างผมเคยค้าแข้งอยู่ในเวียดนาม กรรมการบางคนที่ตัดสินในรายการนี้ เราก็เคยเห็นว่าเขาถูกคนดูโห่มาก่อน ก็ยังได้สิทธิมาทำหน้าที่ในอาเซียนคัพ”
สำหรับเหตุการณ์ประท้วงเดินออกจากสนามเป็นเวลา 13.45 นาที ของนักฟุตบอลทีมชาติไทยนั้น ซิโก้ มีมุมมองว่า “ถ้าผมอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ อาจารย์ ชาญวิทย์ ผมก็คงทำเหมือนกัน เพราะมันเป็นสิทธิที่ทุกทีมทำได้ เพียงแต่การเดินออกจากสนามนั้นต้องไม่เกิน 15 นาที มิฉะนั้นจะถูกปรับแพ้ อย่างกรณีของทีมชาติไทยก็มีสิทธิถูกปรับแพ้ 2-0 ถ้าประท้วงเกินเวลา และการเดินออกจากสนามในช่วงเวลาดังกล่าวก็ยังช่วยเบรกอารมณ์ของนักเตะในทีมให้เย็นลงด้วย แต่ก็คงต้องมองไปที่กรรมการซึ่งตัดสินผิดพลาด ทำให้สถานการณ์บานปลายมาถึงขนาดนี้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเกมของสิงค์โปร์ ว่า น่ากลัวขนาดไหน ศูนย์หน้าทีมชาติไทย วัย 33 ปี กล่าวว่า “สำหรับผมแล้วนักเตะสิงค์โปร์ชุดนี้ฝีเท้าพื้นๆ ที่สำคัญ ผู้เล่นกว่าครึ่งก็เป็นนักฟุตบอลที่โอนสัญชาติมา ซึ่งก็ดูว่าคนสิงคโปร์ก็ยังภูมิใจกับทีมชาติในลักษณะนี้” ส่วนการลงสนามในนัดที่สอง ซึ่งทีมชาติไทยจะได้กลับมาเล่นในบ้านนั้น ซิโก้ กล่าวว่า ฝากไปถึงแฟนบอลทิ้งท้ายว่า “สำหรับผมคงไม่สามารถลงเล่นให้ได้ แต่จะไปให้กำลังใจกับน้องๆ ตั้งแต่วันซ้อม ส่วนแฟนบอลชาวไทยนั้นอยากให้ไปให้กำลังใจทีมชาติกันมากๆ และแสดงสปิริตที่ดี เพราะถึงแม้จะเป็นสงครามการกีฬา แต่การเชียร์ก็ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น”
ทางด้านความเคลื่อนไหวล่าสุด ระหว่างสมาคมฟุตบอลไทย กับทางสมาคมฟุตบอลสิงค์โปร์ นั้น ล่าสุด ทางสถานทูตสิงค์โปร์ ได้ร้องขอให้เพิ่มความปลอดภัยให้กับนักเตะของตนเอง โดยต้องการให้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดนับตั้งแต่เหล่านักเตะจากแดนลอดช่องเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จนกระทั่งออกจากสนามแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2550
ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ในสิงค์โปร์พากันพาดหัวเรื่องการประท้วงของนักฟุตบอลไทยในนัดที่ผ่านมาโดยบางฉบับใช้คำว่า “เป็นการกระทำที่น่าละอาย” แต่ในเนื้อความนั้นก็ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าทีมไทยทำฟาวล์ เพียงแต่ให้ทัศนะว่าทีมชาติไทยควรจะมีสปิริตไม่วอล์กเอาต์
ส่วนความหวังของทีมชาติไทย ในการคว้าแชมป์อาเซียน คัพ นั้น ยังมี หากทีมไทยชนะสองลูกขึ้นไป แต่ถ้าชนะเพียงลูกเดียวต้องต่อเวลาเพื่อยิงจุดโทษ ในทางกลับกันหากทำได้เพียงสกอร์เสมอ สิงค์โปร์ จะครองแชมป์รายการนี้ไปในทันที
สำหรับข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องการขึ้นราคาบัตรเข้าชมการแข่งขันนั้น มีเพียงการปรับราคาบัตรเข้าชม จากบัตรราคา 50 บาท เป็น 100 บาท ทำให้บัตรเข้าชมการแข่งขันในครั้งนี้มีราคาที่ 100, 200 และ 300 บาท ซึ่งแฟนบอลชาวไทยสามารถสั่งซื้อได้ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ภายในสนามศุภชลาศัย หรือหาซื้อได้ในวันแข่งขันหน้าสนาม