การพิชิตเส้นชัย "ลิสบอน-ดักการ์2007" แม้จะเป็นอันดับที่ 67 ของมานะ พรศิริเชิด เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นแล้วว่ายอดนักขับผู้นี้ปรับตัวได้ดีเพียงใด เที่ยวนี้ “เจ้าหนึ่ง”ดูมีประสบการณ์มากขึ้นและใช้บทเรียนที่ได้จากการแข่งปีที่แล้วอย่างคุ้มค่าจริงๆ
หากมองย้อนกลับไปสู่การแข่งขันแรลลี่สุดโหด "ลิสบอน-ดักการ์" เมื่อปี 2006 นับว่า "หนึ่ง" มานะ พรศิริเชิด นักขับชาวไทย และ ฌ็อง บรูซี่ เนวิเกเตอร์ชาวฝรั่งเศส ต่างก็รู้สึกผิดหวังพอสมควรกับความผิดพลาดทางเทคนิคจนต้องออกจากการแข่งขันในสเตจที่ 8 อย่างน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่กำลังทำอันดับได้ดีในสนามแข่ง
ในวันนั้นแม้จะต้องออกจากการแข่งขันด้วยปัญหาทางเทคนิค แต่ มานะ พร้อมด้วย บรูซี่ ก็ยังขอสู้ต่อด้วยการขอขับรถตามเส้นทางการแข่งขันเดิมต่อไปจนถึงเส้นชัย เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และเป็นการศึกษาเส้นทางการแข่งขัน
มาในปีนี้แรลลี่หฤโหด "ลิสบอน-ดักการ์" 2007 จากเส้นทาง ณ จุดเริ่มต้นที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส บนแผ่นดินยุโรป ลากผ่านมาสู่จุดหมายสุดท้ายที่เมืองดักการ์ บนแผ่นดินแอฟริกา รวมระยะทาง 7,915 กิโลเมตรที่เหล่าบรรดานักขับจากทั่วโลกต้องผจญกับปัญหาเฉพาะหน้า นานาอุปสรรคที่เผชิญ เป็นระยะเวลากว่า 20 วัน ของการแข่งขัน กับสภาพภูมิประเทศที่ผันแปรเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
กระทั่งหลังจากที่ รถมิตซูบิชิ ไทรทัน อีโวลูชั่น หมายเลข 361 สามารถเข้าสู่เส้นชัยสุดท้ายที่เมืองดักการ์ ในประเทศเซเนกัล ได้สำเร็จ ก็ทำให้ความฝันหนึ่งของนักขับวัยหนุ่มอย่าง "หนึ่ง" มานะ พรศิริเชิด บรรลุความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
นักขับแรลลี่ วัย 28 ปี ชาวไทย ในสังกัดทีม มิตซูบิชิ ที่ร่วมประสานงานหลังพวงมาลัยร่วมกับ ฌ็อง บรูซี่ เนวิเกเตอร์คู่ใจ สามารถนำพารถหมายเลข 361 ผ่านเข้าสู่เส้นชัยรวมผลงาน 15 สเตจ ได้ด้วยผลงานอันดับที่ 67 จากการทำเวลาไป 77 ชั่วโมง 2 นาที 51 วินาที พร้อมกับการก้าวไปรั้งอันดับ 18 จากการแยกประเภทรถและเครื่องยนต์ ในรุ่น คลาส ซูเปอร์โปรดักชั่น 4X4 ดีเซล
โดย “เจ้าหนึ่ง” มานะ ได้เปิดเผยหลังผ่านด่านทั้ง 15 สเตจในปีนี้ว่า “ช่วงเวลาที่อยู่ในสเตจสุดท้ายนั้น มันเป็นความรู้ตื่นเต้นและวิเศษมาก เพราะผ่านสเตจนี้ไปได้มันหมายถึงฝันของผมเป็นจริงแล้ว นั่นคือการพิชิตเส้นชัยจบการแข่งดักการ์ให้ได้และผมก็ทำได้สำเร็จ"
"ตอนนี้ผมมีความสุขมาก ต้องขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และคุณประสาน ดวงวิบูลย์ ผู้จัดการทีม ที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวผมและทุกๆ กำลังใจที่มีให้กับผมมาตลอด และที่สำคัญที่สุด เนวิเกเตอร์คู่ใจ ฌ็อง บรูซี่ ที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้อย่างดีมาตลอดการแข่งขัน นอกจากจะเป็นคนนำทางที่ดีของผมแล้ว เขายังเป็นเพื่อนคุยและให้กำลังใจผมมาตลอดในยามที่ท้อแท้” นักขับชาวไทยกล่าว
สำหรับตำแหน่งแชมป์ในรุ่นทั่วไปจะตกเป็นของ สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล ยอดนักขับชาวฝรั่งเศส ด้วยผลงาน 45 ชั่วโมง 53 นาที 37 วินาที และส่งผลให้ทีมนักขับจากทีมเรปซอล มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต สามารถคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งที่ 12 จากการเข้าร่วมแข่งขันมา 25 ปี ขณะที่อันดับ 2 เป็น ลุค อัลฟองค์ นักขับจอมเก๋า อดีตยอดนักสกีมือ 1 ของโลกที่หันมาเอาดีกับการขับแรลลี่ และยังเป็นเพื่อนร่วมค่าย มิตซูบิชิ ของ ปีเตอร์อองเซล อีกด้วย
การแข่งขันแรลลี่รายการนี้ถือเป็นทัวร์นาเม้นท์ปราบเหล่าบรรดาโคตรเซียนมามาก แต่การที่นักขับชาวไทยสามารถจบการแข่งขันได้ตั้งแต่ปีที่ 2 ที่เข้าร่วมการแข่งขัน มันคงเป็นการยืนยันถึงอนาคตของ "หนึ่ง" มานะ พรศิริเชิด ได้เป็นอย่างดีว่าความเรืองรองกำลังรออยู่...


