“I’m leaving on the Jet plane…Don’t know when I be back again” เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์แห่งเกาะอังกฤษคงจะอดฮึมฮัมเพลงนี้ไม่ได้ หลังจากตัดสินใจหันหลังให้กับชีวิตลุ่มๆดอนๆในทีม รีล มาดริดของสเปนเพื่อยืดสถานะความเป็นซูเปอร์สตาร์ของตนเองไว้อย่างน้อยอีกสัก 2-3 ปี
แน่นอนหากทนอยู่ในกรุงมาดริด ต่อไป สภาพของเขาก็ไม่ต่างกับดาราตกอับ ต้องทนเล่นหนังเกรดสองที่ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือหน้าตายบรรจงยัดเยียดให้ สู้ไปเปิดตลาดใหม่ที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเบ็คส์เองเคยโยนหินถามทาง ด้วยการแอบไปโชว์ตัวและเปิดโรงเรียนสอนฟุตบอลให้กับเยาวชนมาก่อนหน้านี้ไม่ได้
การจากไปของเดวิด เบ็คแฮม จะเป็นการอำลาของดาวอีกดวงซึ่งเคยเป็นหนึ่งใน “กาแล็คติกอส” นโยบายหาเสียง “ตาดูดาว เท้าไม่เคยติดดิน” ของฟลอเรนติโน่ เปเรซ อดีตประธานสโมสรคนเก่าของทีมชุดขาว
เปเรซ หวังจะใช้นโยบายทุ่มซื้อซูเปอร์สตาร์ฤดูกาลละ 1 คนมาเติมดรีมทีมหรือ “กาแล็คติกอส” กลุ่มดวงดาวพราวแสงของเขา เพื่อจะ “Rule the Galaxy” หรือพาชุดขาวครองโลกลูกหนัง รวมทั้งแฝงนโยบายมาร์เก็ตติ้งเพื่อขยายตลาดสินค้าที่ระลึกของสโมสรและขยายกลุ่มแฟนของ มาดริด ไปทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลางหรือแม้กระทั่งในเอเชียด้วย
สุดท้ายความสำเร็จที่พวกเขาได้รับกลับมานั้นก็เพียงระยะเวลาสั้นๆคือ แชมป์ ลาลี กา สเปนในช่วงปี 2000-01 และ 2002-03 กับถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2000 และ 2002 รวมทั้งแชมป์สโมสรโลกในปี 2002 ด้วย แต่ส่วนหนึ่งคือทีมที่ถูกวางรากฐานมาจากยุคแรกของ คาเปลโล่ ที่เคยสร้างทีมเอาไว้ก่อนอำลาไปคุมโรม่า
หลังจากนั้นพอทีมเริ่มหันมาดึงตัวซูเปอร์สตาร์จากเกาะอังกฤษอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2003 และ ไมเคิล โอเว่น จากลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ในปี 2004 ประกอบกับนโยบายบริหารที่เปลี่ยนแปลงกุนซืออยู่ตลอดเวลา ทำให้ รีล มาดริด ไม่ประสบความสำเร็จอีกเลย ดังนั้นจึงถึงเวลาที่ดวงดาวที่เคยทอแสงต้องหลุดจากวงโคจรไปทีละดวง
โดยก่อนหน้านี้ หลุยส์ ฟิโก้ ดาวดวงแรกที่ทีมซื้อมาตามนโยบายของเปเรซ ถูกเลหลังให้กับอินเตอร์ มิลาน เมื่อสองฤดูกาลก่อนด้วยราคาเพียง 2 ล้านปอนด์ จากราคาที่ถูกซื้อมาถึง 45 ล้านปอนด์ ในเวลาใกล้เคียงกัน ไมเคิล โอเว่น เองก็ตัดสินเดินทางกลับสู่เกาะอังกฤษมาเล่นให้กับทีม “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล หลังจากค้าแข้งกับทีมชุดขาวได้เพียงฤดูกาลเดียว เพราะทนไม่ได้กับสภาพซูเปอร์ซับ
จากนั้นเมื่อสิ้นสุดฟุตบอลโลก 2006 ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพทีมชาติฝรั่งเศสได้ตัดสินใจแขวนสตั้ดอำลาไปอีกคน โดยในอดีตนั้น “ซิซู” นั้น รีล มาดริด ดึงมาจากยูเวนตุสด้วยราคามหาศาลถึง 47 ล้านปอนด์ และยังเป็นสถิตินักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกจวบจนทุกวันนี้
ต่อมาถึงคิวของเดวิด เบ็คแฮม ซึ่งฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือเองถึงกับเสือกไสไล่ส่ง ประกาศจะไม่จัดให้ลงสนามอีกต่อไปในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ซึ่ง เบ็คส์ เองทนอยู่เพียงเพื่อรอหมดสัญญากับทีมเท่านั้น จนเจ้าตัวต้องกลับไปเจรจากับ แอลเอ กาแล็คซี่ เพื่อให้รีบดึงตัวไปจากถิ่นเบอร์นาบิวให้เร็วที่สุด
ดาวอับแสงดวงสุดท้ายที่กำลังจะจากไปเช่นกันนั่นก็คือ โรนัลโด้ หัวหอกทีมชาติบราซิล ซึ่งในอดีตนั้นเป็นลูกรักของฟลอเรนติโน่ เปเรซ แต่พอเปลี่ยนประธานฯเป็น ราม่อน กัลเดรอน และกุนซือเป็นคาเปลโล่ เจ้า “โล้นทองคำ” ก็แทบไม่มีบทบาทกับทีม ประกอบกับสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ไม่มีระเบียบวินัยในตนเองปล่อยน้ำหนักอ้วนฉุ ทำให้รีล มาดริดซึ่งได้ รุด ฟานนิสเตลรอย มาแทนแล้ว ยินดีที่จะยอมปล่อยตัวเขาไปหากได้ราคาเพียง 5 ล้านปอนด์เพื่อจะได้ไม่ต้องทนแบกภาระค่าเหนื่อยมหาศาลของเขาต่อไปอีก
โดยสโมสรที่มีข่าวสนใจในตัว โรนัลโด้ ก็มีทั้งอัล อิตติฮัด ในซาอุดิอาระเบีย แอลเอล กาแล็คซี่ ทีมที่ซื้อเพียนรักอย่าง เบ็คแฮม ไป รวมทั้ง นิวคาสเซิล จากเกาะอังกฤษ
สุดท้ายนโยบาย “กาแล็คติกอส” ของ รีล มาดริด ก็คงจะกลายเป็นอดีต นี่คือบทพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าการเอานักฟุตบอลเก่งๆมารวมกันนั้น ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าทีมจะประสบความสำเร็จเสมอไป