การเปิดตลาดซื้อขายนักเตะอีกครั้งของวงการฟุตบอลยุโรปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2007 ที่ผ่านมา สำหรับบางทีมเปรียบเสมือนประตูสู่โอกาสแห่งความสำเร็จหรือการอยู่รอด แต่ในอีกทางหนึ่งนั้นมันอาจจะหมายถึงเส้นทางแห่งหายนะ
Transfer Window คือกฎซื้อขายนักเตะอาชีพในฟุตบอลลีกยุโรปซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้การดึงตัวนักฟุตบอลนั้นทำได้สองช่วงเท่านั้นคือหลังจากปิดฤดูกาลจนถึง 31 สิงหาคม และช่วงที่สองคือ 1-31 มกราคมของทุกปี
แต่สำหรับสภาพแข่งขันอันหนักหน่วงของวงการฟุตบอลในปัจจุบัน ทำให้บางสโมสรจำเป็นต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินแห่งอนาคตหรือเป็นหนี้เพื่อให้ได้นักเตะที่ต้องการมาเสริมทัพ จนบางครั้งยอมผิดราคาเหมือนการซื้อผ้าหน้าหนาวซึ่งสินค้ามีน้อยแต่ความต้องการมากกว่า แถมหลายๆทีมมักจะเล็งของชิ้นเดียวกันเข้าให้เสียอีก
มีผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกหลายคนเคยออกมาให้ความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ และล่าสุดกุนซือ เกล็น โรเดอร์ ซึ่งเพิ่งมีข่าวจะคว้าตัว ปีเตอร์ เคราช์ จากลิเวอร์พูล ด้วยราคา 12 ล้านปอนด์กระโดดร่วมวงด้วย
“ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนักตั้งแต่แรกกับการกำหนดให้มีช่วงเวลาในการซื้อขายนักเตะ (Transfer Window) เพราะบางครั้งกฎนี้ได้ทำให้หลายสโมสรจำเป็นต้องรีบควักกระเป๋าใช้จ่ายเงินจนบางครั้งเกินตัวไป เพราะกลัวไม่ได้นักที่ต้องการเข้ามาภายในระยะเวลาที่กำหนด จนก่อหนี้ขึ้นมาและกลายเป็นปัญหาเรื่องสภาพการเงินไปในที่สุด การซื้อขายในช่วงนี้เห็นทีจะมีประโยชน์ต่อทีมระดับท็อปโฟร์เท่านั้น เนื่องจากปัญหาเรื่องอัตราค่าเหนื่อยของนักเตะในพรีเมียร์ลีกซึ่งสูงเสียดฟ้า ทีมที่จะมีปัญญาจ้างนักเตะสร้างทีมใหญ่ๆขึ้นมานั้นก็เห็นจะมีแต่ เชลซี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล แต่สำหรับทีมเล็กๆแล้วไม่พร้อมที่จะแบกภาระค่าเหนื่อย ทำให้จ้างนักเตะดังๆได้จำกัด ก็ต้องภาวนาไม่ให้มีผู้เล่นในทีมโชคร้ายเจ็บขึ้นมา”
ผู้จัดการทีม “สาลิกาดง” ยังให้ความเห็นต่อถึงเรื่องนี้ด้วยว่า “การเปิดตลาดเดือนมกราคมนี้ ผมไม่เชื่อว่าจะมีการซื้อขายรายใหญ่มากนัก เนื่องจากสภาพการเงินอันขัดสน คิดว่ามีเพียงไม่กี่สโมสรเท่านั้นที่พอจะมีงบประมาณเหลือพอ แถมพอทุกคนจ้องแย่งนักเตะคนเดียวกันก็ทำให้โดนโก่งราคาอีก ที่เป็นไปได้น่าจะเป็นการจ้องยืมตัวหรือแลกตัวกันซะมากกว่า ตอนต้นๆของเดือนมกราคม คงยังไม่มากรายนัก แต่พอใกล้ๆจะปิดตลาดก็คงได้วิ่งวุ่นฝุ่นตลบกันอีกครั้ง”
“น่าจะถึงเวลาที่ผู้เกี่ยวข้องในวงการฟุตบอลจะมานั่งจับเข่าคุย ตกลงกันถึงการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ทิ้งไว้อย่างนี้สโมสรเล็กๆยิ่งแย่ ผมเสนอว่าน่าจะเปิดโอกาสให้มีการทำสัญญายืมตัวกันได้ในช่วงที่ตลาดปิด เพื่อช่วยทีมเล็กแก้ปัญหาการขาดแคลนนักเตะในกรณีที่มีการบาดเจ็บกันขึ้น จะได้ไม่ต้องเร่งซื้อผู้เล่นไปสะสมไว้แล้วต้องรับภาระการเงินกันจนหลังแอ่น พอตกชั้นขึ้นมาก็เกิดเป็นปัญหาการเงินอันใหญ่หลวง” เกลน โรเดอร์ กล่าวส่งท้าย
ด้าน เอเดรียน บูธรอยด์ ผู้จัดการทีม “แตนอะละวาด” วัตฟอร์ด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทีมในพรีเมียร์ลีกที่จะต้องเร่งเสริมทัพเพื่อหนีตกชั้นเป็นการด่วนก็ออกมาให้ความเห็นทำนองเดียวกันว่า แม้การเปิดตลาดซื้อขายนักเตะในช่วงกลางฤดูกาล จะเปิดช่องให้ทีมระดับท้ายตารางมีโอกาสรอดชิวิตด้วยการเสริมทัพ แต่ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมต่อสภาพการเงินของสโมสรหากทำอะไรเกินตัว
“การซื้อขายในช่วงนี้ไม่ได้มีผลดีด้านเดียว แต่ถึงจะรู้ว่าเสี่ยงเราก็ต้องยอมลงทุนเพื่อความอยู่รอด ตอนนี้ผมเองยุ่งมากกำลังอยู่ในช่วงติดต่อและตระเตรียมในการทำสัญญาดึงตัวนักเตะมาเพิ่ม ผมต้องการนักเตะมาเสริมทีมให้ได้เร็วที่สุด เพราะสูตรในการอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกนั่นก็คือ คุณต้องเรียนรู้และพัฒนาให้เร็ว ไปพร้อมๆกับการหานักเตะดีๆเข้ามาช่วงพยุงทีมด้วย”
สำหรับสโมสรเล็กๆอย่าง วัตฟอร์ดแล้วทางเลือกของพวกเขาอาจมีไม่มากนัก ต้องพยายามเสี่ยงลงทุนไปเพื่อซื้อโอกาสหนีตกชั้น แต่หากโชคร้ายเสี่ยงแล้วยังไม่รอดอีก ทีนี้คงต้องตัวใครตัวมันนะโยม !!!