ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ กระหน่ำแฮตทริก ช่วยให้ “สิงห์บลูส์” เชลซี แชมป์เก่าเปิดรังไล่ตะปบ “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด 4-0 ยังรั้งอันดับ 2 ของตารางพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี 4-0 วัตฟอร์ด
โฮเซ่ มูรินโญ่ จัดทัพชุดใหญ่ให้ “แชมป์เก่า” เชลซี ในการรับมือ วัตฟอร์ด โดยเจ้าถิ่นต้องการสามแต้มเพื่อทำคะแนนขึ้นไปทาบ “จ่าฝูง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมนี้ทีมให้ คาร์โล คูดิชินี่ ลงมาเฝ้าเสาเป็นมือ 1 ส่วนในแนวรุก อังเดร เชฟเชนโก้ ได้ไล่ล่าตาข่ายคู่กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ดังเดิม ส่วน เอเดรียน บูธรอยด์ มีปัญหาในการจัดทีม “แตนอาละวาด” เมื่อ มาร์ลอน คิง ดาวยิงตัวเก่งเจ็บยาวต้องส่ง ดาริอุส เฮนเดอร์สัน ลงประสานงาน แอชลี่ย์ ยัง

เริ่มเกมการแข่งขัน วัตฟอร์ด สามารถตั้งเกมสู้กับ เชลซี ได้สูสีในช่วงแรก แต่เจ้าถิ่นได้ลุ้นก่อนเมื่อ เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป เติมขึ้นมาทางกราบขวาก่อนเปิดบอลข้ามหัว เจย์ เดอเมอริต ให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา จับหนึ่งจังหวะก่อนเสียหลักล้มแต่ก็ยังได้ยิง อย่างไรก็ตาม บอลค่อยๆ ไหลหลุดกรอบออกไป 15 นาทีแรกผ่านไป เจ้าบ้านเริ่มเป็นฝ่ายครองเกมบุกได้ดีขึ้น แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตักบอลเข้าเขตโทษ ดร็อกบา วิ่งเข้ามาโหม่งแต่บอลสูงข้ามคาน
หลังทำเกมอย่างต่อเนื่อง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ เติมขึ้นมาเล่นก่อนแทงออกข้างให้ เฌเรมี่ เปิดเข้ากลาง อังเดร เชฟเชนโก้ ตวัดต่อให้ ดร็อกบา วิ่งเข้ามาแปบอลตุงตาข่ายให้ เชลซี ทะยานนำ 1-0 ในนาทีที่ 27 พอได้ประตูนำพลพรรค “สิงห์บลูส์” ดาหน้าเปิดเกมรุกอย่างสนุก แอชลี่ย์ โคล แทงบอลให้ เชฟเชนโก้ ได้ยิงด้วยขวาแต่บอลเหินออกไป
ถึงนาทีที่ 36 สกอร์ไหลเป็น 2-0 จนได้สำหรับ เชลซี เมื่อ ดร็อกบา ทำชิ่งกับ เชฟเชนโก้ ก่อนที่จะยิงบอลผ่านมือ เบน ฟอสเตอร์ เข้าไปเป็นประตูที่สองของศูนย์หน้าทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ก่อนจบครึ่งแรก วัตฟอร์ด น่าจะได้ประตูตีไข่แตกเช่นกันเมื่อ แดนนี่ ซิตตู เติมขึ้นมาเล่นเกมบุกและก็ได้จิ้มบอลในกรอบ 6 หลาแต่เป็น คาร์โล คูดิชินี่ พุ่งเร็วออกมาบล็อกได้ทัน จบ 45 นาทีแรก แชมป์เก่าเล่นได้เหนือกว่าทั้งรูปเกมและสกอร์

เปิดฉากครึ่งหลังยังเป็น เชลซี ที่ลงมาทำเกมรุกเร้า ดร็อกบา ดีดบอลไปข้างหน้าให้ มิชาเอล บัลลัค ตามเข้าไปกระดกบอลก่อนที่ ฟอสเตอร์ จะเข้ามาป้องกันแต่บอลลอยหลุดกรอบไป แต่นาทีที่ 52 “สิงห์บลูส์” ตะปบ “แตนอาละวาด” เป็นแผลที่ 3-0 จากจังหวะที่ ดร็อกบา ดีดบอลให้ เชฟเชนโก้ พักอกหลุดเข้าไปแตะผ่านนายทวารทีมเยือนเข้าไปยิงง่ายๆ แถมอีกห้านาทีถัดมา เชว่า ส่งลูกหนังเข้าไปซุกก้นตาข่ายอีกหน แต่คราวนี้ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าเสียก่อน
เกมยังเป็นไปอย่างวันเวย์และก็นำมาสู่ประตูนำ 4-0 ของเชลซี อาร์เยน ร็อบเบน ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองแทงให้ เฌเรมี่ หลุดขึ้นไปทางขวาก่อนเปิดบอลเข้ากลางให้ ดร็อกบา ยิงเข้าไปในนาทีที่ 70 และก็เป็นการทำแฮตทริกของดาวยิงประจำสโมสร ช่วงท้ายเกม “แชมป์เก่า” ยังทำเกมบุกเอาใจแฟนๆ แต่ไม่สามารถยิงเพิ่มได้ ครบ 90 นาที เชลซี ฟอร์มหรูต้อนตือ วัตฟอร์ด น้องใหม่ขาดลอย แต่ยังรั้งอันดับ 2 ของตาราง เนื่องจากประตูได้-เสียเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : คาร์โล คูดิชินี่ , เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป , จอห์น เทอร์รี่ , ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ , แอชลี่ย์ โคล , โคล้ด มาเกเลเล่ , มิคาเอล เอสเซียง , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , มิชาเอล บัลลัค , ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา , อังเดร เชฟเชนโก้
วัตฟอร์ด : เบน ฟอสเตอร์ , ลอยด์ ดอยลี่ย์ , เจย์ เดอเมอริต , แดนนี่ ซิตตู , จอร์แดน สจ๊วร์ต , ทอมมี่ สมิธ , เดเมี่ยน ฟรานซิส , กาวิน มาห์น , อาเมอร์ บูอัซซ่า , แอชลี่ย์ ยัง , ดาริอุส เฮนเดอร์สัน
ผลการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
เชลซี 4-0 วัตฟอร์ด
[1-0 : ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (น.27) , 2-0 : ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (น.36) , 3-0 : อังเดร เชฟเชนโก้ (น.52) , 4-0 : ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (น.70)]
เอฟเวอร์ตัน 0-1 แอสตัน วิลล่า
[0-1 : คริส ซัตตัน (น.42)]
มิดเดิลสโบรช์ 1-0 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
[1-0 : มัสซิโม่ มัคคาโรเน่ (น.74)]
ปอร์ทสมัธ 1-1 ฟูแล่ม
[0-1 : แซต ไนท์ (น.56) , 1-1 : แอนดี้ โคล (น.74)]
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-2 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
[0-1 : เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ (น.36) , 0-2 : เควิน เดวี่ส์ (น.59) , 2-2 : ร็อบบี้ ฮัลส์ (น.70) , 2-2 : โคลิน คาซิม-ริชาร์ดส (น.73)]
วีแกน แอธเลติก 3-2 ชาร์ลตัน แอธเลติก
[1-0 : ลี แม็คคัลลอช (น.15) , 2-0 : อองรี กามาร่า (น.41) , 2-1 : ดาร์เรน เบนท์ (น.52) , 3-1 : มาร์ค แจ๊คสัน (น.78) , 3-2 : มาร์คัส เบนท์ (น.89)]
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
[0-1 : หลุยส์ ซาฮา (น.64)]
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี 4-0 วัตฟอร์ด
โฮเซ่ มูรินโญ่ จัดทัพชุดใหญ่ให้ “แชมป์เก่า” เชลซี ในการรับมือ วัตฟอร์ด โดยเจ้าถิ่นต้องการสามแต้มเพื่อทำคะแนนขึ้นไปทาบ “จ่าฝูง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมนี้ทีมให้ คาร์โล คูดิชินี่ ลงมาเฝ้าเสาเป็นมือ 1 ส่วนในแนวรุก อังเดร เชฟเชนโก้ ได้ไล่ล่าตาข่ายคู่กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ดังเดิม ส่วน เอเดรียน บูธรอยด์ มีปัญหาในการจัดทีม “แตนอาละวาด” เมื่อ มาร์ลอน คิง ดาวยิงตัวเก่งเจ็บยาวต้องส่ง ดาริอุส เฮนเดอร์สัน ลงประสานงาน แอชลี่ย์ ยัง
เริ่มเกมการแข่งขัน วัตฟอร์ด สามารถตั้งเกมสู้กับ เชลซี ได้สูสีในช่วงแรก แต่เจ้าถิ่นได้ลุ้นก่อนเมื่อ เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป เติมขึ้นมาทางกราบขวาก่อนเปิดบอลข้ามหัว เจย์ เดอเมอริต ให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา จับหนึ่งจังหวะก่อนเสียหลักล้มแต่ก็ยังได้ยิง อย่างไรก็ตาม บอลค่อยๆ ไหลหลุดกรอบออกไป 15 นาทีแรกผ่านไป เจ้าบ้านเริ่มเป็นฝ่ายครองเกมบุกได้ดีขึ้น แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตักบอลเข้าเขตโทษ ดร็อกบา วิ่งเข้ามาโหม่งแต่บอลสูงข้ามคาน
หลังทำเกมอย่างต่อเนื่อง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ เติมขึ้นมาเล่นก่อนแทงออกข้างให้ เฌเรมี่ เปิดเข้ากลาง อังเดร เชฟเชนโก้ ตวัดต่อให้ ดร็อกบา วิ่งเข้ามาแปบอลตุงตาข่ายให้ เชลซี ทะยานนำ 1-0 ในนาทีที่ 27 พอได้ประตูนำพลพรรค “สิงห์บลูส์” ดาหน้าเปิดเกมรุกอย่างสนุก แอชลี่ย์ โคล แทงบอลให้ เชฟเชนโก้ ได้ยิงด้วยขวาแต่บอลเหินออกไป
ถึงนาทีที่ 36 สกอร์ไหลเป็น 2-0 จนได้สำหรับ เชลซี เมื่อ ดร็อกบา ทำชิ่งกับ เชฟเชนโก้ ก่อนที่จะยิงบอลผ่านมือ เบน ฟอสเตอร์ เข้าไปเป็นประตูที่สองของศูนย์หน้าทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ก่อนจบครึ่งแรก วัตฟอร์ด น่าจะได้ประตูตีไข่แตกเช่นกันเมื่อ แดนนี่ ซิตตู เติมขึ้นมาเล่นเกมบุกและก็ได้จิ้มบอลในกรอบ 6 หลาแต่เป็น คาร์โล คูดิชินี่ พุ่งเร็วออกมาบล็อกได้ทัน จบ 45 นาทีแรก แชมป์เก่าเล่นได้เหนือกว่าทั้งรูปเกมและสกอร์
เปิดฉากครึ่งหลังยังเป็น เชลซี ที่ลงมาทำเกมรุกเร้า ดร็อกบา ดีดบอลไปข้างหน้าให้ มิชาเอล บัลลัค ตามเข้าไปกระดกบอลก่อนที่ ฟอสเตอร์ จะเข้ามาป้องกันแต่บอลลอยหลุดกรอบไป แต่นาทีที่ 52 “สิงห์บลูส์” ตะปบ “แตนอาละวาด” เป็นแผลที่ 3-0 จากจังหวะที่ ดร็อกบา ดีดบอลให้ เชฟเชนโก้ พักอกหลุดเข้าไปแตะผ่านนายทวารทีมเยือนเข้าไปยิงง่ายๆ แถมอีกห้านาทีถัดมา เชว่า ส่งลูกหนังเข้าไปซุกก้นตาข่ายอีกหน แต่คราวนี้ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าเสียก่อน
เกมยังเป็นไปอย่างวันเวย์และก็นำมาสู่ประตูนำ 4-0 ของเชลซี อาร์เยน ร็อบเบน ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองแทงให้ เฌเรมี่ หลุดขึ้นไปทางขวาก่อนเปิดบอลเข้ากลางให้ ดร็อกบา ยิงเข้าไปในนาทีที่ 70 และก็เป็นการทำแฮตทริกของดาวยิงประจำสโมสร ช่วงท้ายเกม “แชมป์เก่า” ยังทำเกมบุกเอาใจแฟนๆ แต่ไม่สามารถยิงเพิ่มได้ ครบ 90 นาที เชลซี ฟอร์มหรูต้อนตือ วัตฟอร์ด น้องใหม่ขาดลอย แต่ยังรั้งอันดับ 2 ของตาราง เนื่องจากประตูได้-เสียเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : คาร์โล คูดิชินี่ , เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป , จอห์น เทอร์รี่ , ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ , แอชลี่ย์ โคล , โคล้ด มาเกเลเล่ , มิคาเอล เอสเซียง , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , มิชาเอล บัลลัค , ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา , อังเดร เชฟเชนโก้
วัตฟอร์ด : เบน ฟอสเตอร์ , ลอยด์ ดอยลี่ย์ , เจย์ เดอเมอริต , แดนนี่ ซิตตู , จอร์แดน สจ๊วร์ต , ทอมมี่ สมิธ , เดเมี่ยน ฟรานซิส , กาวิน มาห์น , อาเมอร์ บูอัซซ่า , แอชลี่ย์ ยัง , ดาริอุส เฮนเดอร์สัน
ผลการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
เชลซี 4-0 วัตฟอร์ด
[1-0 : ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (น.27) , 2-0 : ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (น.36) , 3-0 : อังเดร เชฟเชนโก้ (น.52) , 4-0 : ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (น.70)]
เอฟเวอร์ตัน 0-1 แอสตัน วิลล่า
[0-1 : คริส ซัตตัน (น.42)]
มิดเดิลสโบรช์ 1-0 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
[1-0 : มัสซิโม่ มัคคาโรเน่ (น.74)]
ปอร์ทสมัธ 1-1 ฟูแล่ม
[0-1 : แซต ไนท์ (น.56) , 1-1 : แอนดี้ โคล (น.74)]
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-2 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
[0-1 : เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ (น.36) , 0-2 : เควิน เดวี่ส์ (น.59) , 2-2 : ร็อบบี้ ฮัลส์ (น.70) , 2-2 : โคลิน คาซิม-ริชาร์ดส (น.73)]
วีแกน แอธเลติก 3-2 ชาร์ลตัน แอธเลติก
[1-0 : ลี แม็คคัลลอช (น.15) , 2-0 : อองรี กามาร่า (น.41) , 2-1 : ดาร์เรน เบนท์ (น.52) , 3-1 : มาร์ค แจ๊คสัน (น.78) , 3-2 : มาร์คัส เบนท์ (น.89)]
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
[0-1 : หลุยส์ ซาฮา (น.64)]