ปีเตอร์ เวลัมปัน เลขาธิการสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ “เอเอฟซี” แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ระหว่างเดินทางมาตรวจสอบความพร้อมของสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งจะใช้เป็นสนามในการแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2007 ในประมาณเดือนกรกฎาคม 2550 ที่จะมี 4 ชาติอันประกอบไปด้วย ไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย
ซึ่งจากการตรวจตราความเรียบร้อยต่างๆ แสดงให้เห็นได้ว่า ประเทศไทยไม่ได้มีการเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งนี้แต่อย่างใด จากระยะเวลาการเตรียมการถึง 2 ปี โดยยังมีปัญหาในเรื่องของห้องน้ำนักกีฬา, ห้องสื่อมวลชน, ห้องคณะกรรมการจัดการแข่งขัน และห้องของเจ้าหน้าที่จากเอเอฟซี ที่จะมาปฏิบัติงานในประเทศไทย รวมไปถึงสนามแข่งขันจำเป็นต้องมีเก้าอี้นั่งชมการแข่งขันทั้งหมด ซึ่งฝ่ายไทยยังไม่สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้เรียบร้อยเลย
โดยบอสใหญ่ของเอเอฟซี กล่าวว่า “การทำงานของฝ่ายไทยสร้างความหนักใจให้เอเอฟซีมาก เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่ได้ไปตรวจความพร้อมของ 3 ประเทศ ทั้ง มาเลเซีย, เวียดนาม และ อินโดนีเซีย ต่างก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก เหลือแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่ยังมีปัญหาหลายอย่าง แต่เรายังรอการตอบรับจากรัฐบาลไทยอยู่ ซึ่งหากว่าไม่ต้องการจัด หรือว่าไม่พร้อม เราจะยกสิทธินี้ให้กับสิงคโปร์รับไปทำหน้าที่แทน เนื่องจากมีความพร้อมอยู่แล้ว”
ขณะเดียวกัน นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ สภานายกกิตติมศักดิ์ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย และยังรับหน้าเป็นประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ กล่าวว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของปัญหาที่มาจากงบประมาณ ซึ่งยังต้องรองบจากการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก รวมถึงยังมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเข้ามาอีก จึงทำให้งานต่างๆ สะดุด ซึ่งเตรียมนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับ ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต่อไป”
ซึ่งจากการตรวจตราความเรียบร้อยต่างๆ แสดงให้เห็นได้ว่า ประเทศไทยไม่ได้มีการเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งนี้แต่อย่างใด จากระยะเวลาการเตรียมการถึง 2 ปี โดยยังมีปัญหาในเรื่องของห้องน้ำนักกีฬา, ห้องสื่อมวลชน, ห้องคณะกรรมการจัดการแข่งขัน และห้องของเจ้าหน้าที่จากเอเอฟซี ที่จะมาปฏิบัติงานในประเทศไทย รวมไปถึงสนามแข่งขันจำเป็นต้องมีเก้าอี้นั่งชมการแข่งขันทั้งหมด ซึ่งฝ่ายไทยยังไม่สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้เรียบร้อยเลย
โดยบอสใหญ่ของเอเอฟซี กล่าวว่า “การทำงานของฝ่ายไทยสร้างความหนักใจให้เอเอฟซีมาก เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่ได้ไปตรวจความพร้อมของ 3 ประเทศ ทั้ง มาเลเซีย, เวียดนาม และ อินโดนีเซีย ต่างก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก เหลือแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่ยังมีปัญหาหลายอย่าง แต่เรายังรอการตอบรับจากรัฐบาลไทยอยู่ ซึ่งหากว่าไม่ต้องการจัด หรือว่าไม่พร้อม เราจะยกสิทธินี้ให้กับสิงคโปร์รับไปทำหน้าที่แทน เนื่องจากมีความพร้อมอยู่แล้ว”
ขณะเดียวกัน นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ สภานายกกิตติมศักดิ์ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย และยังรับหน้าเป็นประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ กล่าวว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของปัญหาที่มาจากงบประมาณ ซึ่งยังต้องรองบจากการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก รวมถึงยังมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเข้ามาอีก จึงทำให้งานต่างๆ สะดุด ซึ่งเตรียมนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับ ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต่อไป”