xs
xsm
sm
md
lg

เรดดิ้งเสียสถิติพ่ายเชลซี 0-1 สังเวยเช็ก-คูดิชินี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรดดิ้ง ทีมน้องใหม่ ต้องสูญเสียสถิติไม่แพ้ใครในบ้านมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว เมื่อเปิดบ้านปราชัยต่อ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 0-1 จากการทำเข้าประตูตนเองของ อิวาร์ อินมากิมาร์สสัน นาที 44 ในขณะเดียวกัน ทีมเยือน ต้องเสียผู้รักษาประตูไป 2 คนคือ ปีเตอร์ เช็ก และ คาร์โล คูดิชินี่ ซึ่งได้รับบาดเจ็บขณะลงเล่น ศึกพรีเมียร์ชิป เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2549
เรดดิ้ง 0-1 เชลซี

ที่สนามมาเดจกี้ สเตเดี้ยม สตีฟ คอปเปลล์ กุนซือเรดดิ้งซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำเดือนกันยายน ไม่มีปัญหาในการจัดทัพผู้เล่นเมื่อได้ แกรม เมอร์ตี้ แบ็กขวาและ เควิน ดอยล์ กองหน้าตัวเก่ง ลงเล่นเป็นตัวจริง หลังทั้งสองคนผ่านความฟิตก่อนลงสนาม พร้อมด้วย อิบราฮิมา ซงโก้, นิกกี้ ชอรี่ย์ และ อิวาร์ อินมากิมาร์สสัน

ด้าน โฮเซ่ มูรินโญ่ โค้ชชาวโปรตุเกสของเชลซี ไม่มี โคล้ด มาเกเลเล่ และ แอชลี่ย์ โคล สองปราการหลัง เนื่องจากเพิ่งไปกรำศึกฟุตบอลยูโร 2008 รอบคัดเลือก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้ง มิชาเอล บัลลัค ที่ติดโทษแบน เป็นนัดสุดท้ายจาก 3 นัด ซึ่ง จอห์น โอบี มิเกล ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริง ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆ เรียงหน้าลงเล่นได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น จอห์น เทอร์รี่ แฟรงก์ แลมพาร์ด, และ อาร์เยน ร็อบเบน โดยคู่กองหน่าล่าตาข่ายเป็น ดิดิเยร์ ดร็อกบาร์ กับ อังเดร เชฟเชนโก้
แฟรงก์ แลมพาร์ด สังหารฟรีคิกพาทีมชนะ 1-0
เริ่มต้นเกมไม่กี่นาที ปีเตอร์ เช็ก ได้รับบาดเจ็บบริเวณศรีษะใกล้กกหู เนื่องจากโดนเข่าของ สตีฟ ฮันท์ กองกลางเรดดิ้ง จากจังหวะล้มตัวไปเก็บบอล ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในนาที 4 และ คาร์โล คูดิชินี่ ลงมารับหน้าที่เฝ้าเสาแทน

เกมผ่านไปนาที 12 อังเดร เชฟเชนโก้ ลองซัดไกลด้วยขวาระยะ 20 หลา แต่ดันไปติดซองของ มาร์คัส ฮาห์นีมันน์ ผู้รักษาประตูของเรดดิ้ง ถัดมานาที 17 เป็นคราวของ อาเยน ร็อบเบน มีจังหวะใกล้เคียงจากหน้าประตูประมาณ 12 หลา บอลหลุดออกนอกกรอบขวาไป

นาที 32 เจ้าบ้าน มาพลาดโอกาสทองในการขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ เควิน ดอยล์ ยืนหลุดตัวประกบแต่กลับตัวซัดไปชนเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้น แกรม เมอร์ตี้ กองหลังซึ่งไม่ค่อยสมบูรณ์ เกิดมีอาการบาดเจ็บต้องเปลี่ยนตัวออกทันที โดย คอปเปลล์ ส่ง อังเดร ไบกี้ย์ ลงมาเล่นแทนในนาที 36

ช่วงท้ายเกมในนาที 44 เชลซี มาได้ฟรีคิกระยะหวังผล แฟรงก์ แลมพาร์ด ตะบันสุดแรงเกิดส่งบอลแฉลบ อิบราฮิมา ซงโก้ ในจังหวะแรก และโดนขาของ อิวาร์ อินมากิมาร์สสัน กองหลังของเรดดิ้งเข้าประตูไป เชลซีขึ้นนำ 1-0 และจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมไม่ค่อยมีโอกาสในการทำประตูมากนัก นอกเหนือจากการทำฟาวล์ และเป็นทีมเยือนที่โชคร้ายต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ จอห์น โอบี มิเกล โดนใบเหลืองใบที่สอง เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม นาที 61 จากการยื่นมือไปเหนี่ยวด้านหลังซงโก้ ส่งผลให้ โฮเซ่ มูรินโญ่ ต้องส่ง โจ โคล ลงมาเพื่อปรับแทคติก พร้อมถอด เชฟเชนโก้ ออกไป

เกมดำเนินไปได้นาที 71 เรดดิ้งมีลุ้นจากจังหวะของ สตีฟ ซิดเวลล์ ได้ยิงแต่บอลหลุดออกไปทางขวา จากนั้น เจ้าบ้านยังคงไม่สามารถใช้ความได้เปรียบในเรื่องจำนวนผู้เล่นที่มากกว่าได้ ทำให้ คอปเปลล์ ต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นคนสุดท้าย โดยส่ง เชน ลอง กองหน้าดาวรุ่งชาวไอริช แทน เลอรอย ริต้า

ทว่า ช่วงท้ายเกมของการแข่งขัน เจ้าบ้าน มาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ อังเดร ไบกี้ย์ ตัวสำรอง โดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนามเช่นกัน

นาที 90 เรดดิ้ง มีโอกาสใกล้เคียงที่จะได้ประตูตีเสมอมากที่สุดจากจังหวะรับลูกเตะมุมของ ลิตเติ้ล แต่ดันยิงออกนอกกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะเดียวกัน สิงโตน้ำเงินครามต้องเหลือผู้เล่น 9 คน เมื่อ คูดิชินี่ ได้รับบาดเจ็บโดนปะทะเข้าบริเวณลำคอ นอนนิ่ง ทำให้ต้องเปลี่ยนตำแหน่งผู้รักษาประตูอีกครั้ง โดย จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม รับหน้าที่สวมถุงมือแทน

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทีมยังคงไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติม หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี บุกมาชนะ เรดดิ้ง 1-0 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกของทีมน้องใหม่นับตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา

จากชัยชนะในครั้งนี้ทำให้ เชลซี มี 19 คะแนน เท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่รั้งรองจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ชิป อังกฤษ เนื่องจากลูกได้เสียน้อยกว่า

รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

เรดดิ้ง: มาร์คัส ฮาห์นีมันน์, อิวาร์ อินมากิมาร์สสัน, แกรม เมอร์ตี้ (อังเดร ไบกี้ย์ น.36,โดนใบเหลือง-แดง น.82), นิกกี้ ชอรี่ย์, อิบราฮิมา ซงโก้, เจมส์ ฮาร์เปอร์, สตีเฟ่น ฮันท์, โซล คี ฮอน(เกรน ลิตเติ้ล น.64), สตีฟ ซิดเวลล์, เควิน ดอยล์, เลอรอย ลิต้า(เชน ลอง น.72)

เชลซี: ปีเตอร์ เช็ก (คาร์โล คูดิชินี่ น.4), คาลิด บูลาห์รูซ, เวย์น บริดจ์, เรนาโต้ เปาโล แฟร์ไรร่า, จอห์น เทอร์รี่, มิคาเอล เอสเตียง, แฟรงก์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล(โดนใบเหลือง-แดง น.61), อาร์เยน ร็อบเบน(โซโลมอน คาลู น.81), ดิดิเยร์ ดร็อกบาร์, อังเดร เชฟเชนโก้(โจ โคล น.63)
กำลังโหลดความคิดเห็น