เหลือเวลาอีกเพียงสามวัน การแข่งขันไรเดอร์ คัพ ศึกดวลวงสวิงแห่งศักดิ์ศรีระหว่างทีมยุโรป และ สหรัฐฯ ก็จะเริ่มต้นขึ้น ห้วงเวลาที่นักกอล์ฟเตรียมจะลงสนาม เค คลับ ประเทศไอร์แลนด์ นี่คือโอกาสสำคัญที่แต่ละฝ่ายจะได้กล่าวถึงความพร้อมและการคาดหวังในผลงานครั้งนี้ โดยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไทเกอร์ วู้ดส์ นักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของทีมสหรัฐฯ ภายใต้การนำของผู้จัดการทีม ทอม เลห์แมน ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าทีมสหรัฐฯต้องช่วยกันอย่าฝากความหวังไว้ที่เขาเพียงคนเดียว
มาถึงช่วงสุดสัปดาห์ คอลิน มอนท์โกเมอร์รี่ โปรชาวสกอตแลนด์แห่งทีมยุโรป ผู้ผ่านไรเดอร์ คัพมาถึงเจ็ดครั้งนับเป็นนักกอล์ฟที่ผ่านประสบการณ์การแข่งขันมามากกว่าใครได้ออกมาให้คำแนะนำกับเพื่อนร่วมทีมของตนเองว่า “ถ้าไม่จำเป็นอย่าพูดคุยกับทีมคู่แข่งเป็นอันขาด”
ทั้งนี้ ฮีโร่ชาวสกอตแลนด์ของทีมยุโรปคือผู้เล่นคนสำคัญในการแข่งขันไรเดอร์ คัพปี 2004 ที่ทำให้ทีมยุโรปพลิกกลับมาชนะทีมสหรัฐฯได้ด้วยผลงานในการแข่งขันประเภทเดี่ยว และประสบการณ์ที่โชกโชนกว่าใครทำให้ มอนตี้ เป็นนักกอล์ฟหนึ่งเดียวในทีมยุโรปที่รู้ดีว่าควรจะปฏิบัติตนและประเมินคู่ต่อสู้เช่นใดเพื่อคว้าชัยชนะในศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งนี้
มอนตี้ กล่าวถึงการเตรียมตัวก่อนลงสนามในวันพฤหัสที่ 21 กันยายนกับเพื่อนร่วมทีมว่า "ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาการแข่งขันผมจะไม่พูดคุยกับทีมคู่แข่งเลยเวลาที่เราอยู่ในสนามแต่เมื่อการแข่งขันจบแล้วเราก็จะกลับมาดื่มและพูดคุยกันเหมือนเดิม จากประสบการณ์ที่ลงสนามในไรเดอร์ คัพมาหลายปี ผมได้เรียนรู้ว่าการสนทนากับคู่แข่งระหว่างการแข่งขันอาจสร้างความกดดัน หรือ ทำให้สมาธิของเราไขว้เขวได้"
นอกจากนี้โปรที่ผ่านไรเดอร์คัพมาแล้ว 7 ครั้งยังอธิบายต่อว่า "หากนักกอล์ฟของทีมคู่แข่งยังคงตอแยพยายามจะพูดคุยกับเราให้ได้หนทางที่ดีที่สุดคือตอบเขาเพียงสั้นแบบตัดบทสนนาไปเลยเพียงเท่านี้เขาก็จะรู้ว่าเราไม่ได้ต้องการพูดคุยด้วย”
สำหรับทีมยุโรปปีนี้มีกัปตันทีมชื่อ เอียน วู้สแนม และจากชัยชนะสองครั้งติดต่อกันทำให้ วู้ดส์แน่ม รวมไปถึงลูกทีมของเขาตั้งเป้าหมายที่จะคว้าชัยชนะเหนือทีมสหรัฐฯเป็นสมัยที่สามติดต่อกันให้ได้ แม้ว่าทีมสหรัฐฯจะมีโปรชื่อดังและเป็นแชมป์รายการเมเจอร์ ร่วมทัพอย่าง ไทเกอร์ วู้ดส์, ฟิล มิคเคลสัน หรือ คริส ดิมาโก แต่กัปตันทีมยุโรปมั่นใจว่าประสบการณ์ของลูกทีม ผนวกกับความสามัคคีที่เหนียวแน่นกว่าจะเป็นหมากสำคัญที่ทำให้พวกเขาคว้าชัยชนะมาครองเป็นสมัยที่สามติดต่อกันได้สำเร็จ
นอกจากนี้ วู้สแนม เชื่อว่านักกอล์ฟที่ผ่านมากประสบการณ์อย่าง มอนตี้ คือหนึ่งในกำลังหลักของทีมซึ่งโปรวัย 43 ได้กล่าวกับเพื่อนร่วมทีมว่า"ผมยินดีเสมอที่จะให้คำแนะนำกับเพื่อนร่วมทีมทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รู้สึกว่าไม่สะดวกถ้าจะพูดคุยกับกัปตันทีม และในฐานะรุ่นพี่ที่ผ่านการแข่งขันรายการนี้มาแล้วถึง 7 ครั้งมันทำให้ผมรู้ดีว่าในการแข่งขันที่เค คลับ จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง"
ทั้งนี้ มอนตี้ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองให้กับโปรรุ่นน้องฟังว่า "ในการแข่งขันที่ผ่านมาเราตามทีมสหรัฐฯอยู่ 6 อันเดอร์พาร์ หลังผ่านไปได้ 8 หลุมโดยนักกอล์ฟฝั่งสหรัฐฯมีไทเกอร์ วู้ดส์ และ มิคเคลสัน เป็นตัวหลัก แต่เราก็สามารถเอาชนะได้นั่นเป็นเพราะเราทุกคนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันทุกครั้งที่พัตต์ลูกผมไม่ได้คิดว่ากำลังจะทำสกอร์ให้กับตนเอง แต่คิดว่านี่คือการทำแต้มให้กับทีมและเป็นการพัตต์ เพื่อ เดวิด ฮาวล์ เพื่อเซอร์จิโอ การ์เซีย และเพื่อเพื่อนร่วมทีมทุกคน"
ย้อนกลับไปดูผลงานของ มอนตี้ ในปี 2004 ซึ่งการแข่งขันไรเดอร์ คัพซึ่งทำการแข่งขันที่เมือง ดีทรอยท์ ประเทศสหรัฐอเมริกาในเวลานั้น โปรชาวสกอตแลนด์ คือฮีโร่ที่นำชัยชนะมาสู่ทีมยุโรป โดยก่อนหน้าที่จะได้รับเลือกให้ร่วมทีมไรเดอร์ คัพ มอนตี้ เพิ่งจะแยกทางกับภรรยา ไอเมียร์ ได้ไม่นานและมีสภาพจิตใจที่บอบช้ำเป็นอย่างยิ่งแต่สุดท้ายแล้ว เบิร์นฮาร์ด ลังเกอร์ กัปตันทีมยุโรปในเวลานั้นก็ได้เลือกมอนตี้ ให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมโดยให้สิทธิ์ ไวล์การ์ด และ มอนตี้ ก็ไม่ทำให้กัปตันของเขาผิดหวังหลังทำสกอร์ในการแข่งขันประเภทเดี่ยวจนคว้าชัยไรเดอร์คัพ บนแผ่นดินอเมริกาได้สำเร็จ
ในช่วงเวลาดังกล่าวมอนท์โกเมอร์รี่ ได้พลิกชีวิตของตนเองให้กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งให้สัมภาษณ์ไว้ในครั้งนั้นอย่างน่าสนใจว่า "ชีวิตที่ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งโดยลำพังนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้จะผ่านไรเดอร์คัพมาแล้วหกครั้ง แต่ครั้งที่เจ็ดผมต้องเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพังโชคดีที่มีเพื่อนร่วมทีมให้ความสนับสนุน มันทำให้รู้สึกมีพลังเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญคงต้องขอบคุณ เบิร์นฮาร์ด ลังเกอร์ กัปตันทีมที่เลือกให้ผมเข้าร่วมทีม ชัยชนะที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากผมเพียงคนเดียวแต่นั่นเป็นเพราะเราทุกคนเล่นกันเป็นทีม”