“ยูเอสโอเพ่น” เฟดเอ็กซ์-นาดาล และฉากสุดท้ายของ ‘อากัสซี่’

การแข่งขันเทนนิส แกรนด์สแลมรายการสุดท้ายของปี ยูเอส โอเพ่น บนสนามฮาร์ดคอร์ "บิลลี่ จีน คิง เนชั่นแนล เทนนิส เซ็นเตอร์" อันเป็นชื่อใหม่ของ ฟลัชชิ่ง เมโดว์ ที่ถูกตั้งตามตำนานนักเทนนิสหญิงชื่อดังชาวสหรัฐฯ กำลังจะบันทึกประวัติศาสตร์หน้าแรกภายหลังเปลี่ยนชื่อสนามด้วยการต่อสู้ของสองยอดนักเทนนิสแห่งยุคอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ผู้ครองตำแหน่งหมายเลขหนึ่งของโลก กับคู่ปรับสุดแกร่งจากสเปน ราฟาเอล นาดาล นอกจากนี้ บิลลี่ จีน คิง เนชั่นแนล เทนนิส เซ็นเตอร์ จะเป็นฉากสุดท้ายในการอำลาชีวิตนักเทนนิสอาชีพของ อังเดร อากัสซี่ เจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 8 ครั้ง ที่ขอปิดตำนานของตนเองด้วยวัย 36 ปี

สำหรับไฮไลท์ระหว่างเฟเดอเรอร์ ในฐานะมือวางอันดับหนึ่งของโลก ที่อาจต้องลงดวลแรกเก็ตกับ นาดาล ในฐานะมือวางอันดับสอง ซึ่งจะถูกจัดให้อยู่ในสายล่างและโอกาสที่จะได้ประฝีมือกันนั้นหมายถึงรอบชิงชนะเลิศเพียงประการเดียว ผลงานของทั้งคู่ตลอดฤดูกาล 2006 ทั้งเฟด-เอ็กซ์ และ นาดาล พบกันมาแล้วในรอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมสองรายการ จาก โรลังก์ การ์ลอส ไปจนถึง วิมเบิลดัน หากทั้งคู่จะพบกันอีกใน ยูเอส โอเพ่น ก็จะนับเป็นแกรนด์สแลมรายการที่สามที่ทั้งคู่ต้องปะทะฝีมือกัน

ย้อนไปที่สถิติการแข่งขันแกรนด์สแลมทั้งหกครั้งที่ผ่านมา (นับจากเฟรนช์ โอเพ่นปี 2005) เฟเดอเรอร์ และ นาดาลคือสองนักเทนนิสที่ผลัดกันคว้าแชมป์มาโดยตลอดและทั้งคู่ก็ผ่านการประแรกเก็ตมาแล้วถึง 3 ครั้งนับตั้งแต่ เฟรนช์ โอเพ่น ที่โรงลังก์ การ์ลอส ซึ่งนาดาล เป็นฝ่ายพิชิตชัย ในขณะที่ เฟด-เอ็กซ์ มาแก้มือได้สำเร็จในแกรนด์สแลม บนสนามออลอิงแลนด์รายการวิมเบิลดัน

สำหรับ เฟเดอเรอร์ หากคว้าชัยชนะบนสนามยูเอส โอเพ่นในครั้งนี้ได้สำเร็จเท่ากับเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่สามติดต่อกันของนักเทนนิสหนุ่มวัยเบญจเพศ และจะเป็นแกรนด์สแลมครั้งที่ 9 ของในฐานะนักเทนนิสอาชีพ ส่วน นาดาล นักเทนนิสหนุ่มวัย 20 ปีที่ฟอร์มแรงมาตั้งแต่ฤดูกาล 2005 นอกจากนี้ยังทำผลงานคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพ่นมาครองได้ถึงสองสมัย และแทบจะเป็นนักเทนนิสในวงการลูกสักหลาดขณะนี้ที่สามารถต่อกรกับเฟเดอเรอร์ได้ ด้วยสถิติพบกัน 8 ครั้งและนาดาล เป็นฝ่ายกำชัยถึง 6 ครั้ง รวมไปถึงชัยชนะสองในสามครั้งของการพบกันบนพื้นสนามแบบฮาร์ดคอร์ต ก็คาดหวังว่าจะปราบเฟเดอเรอร์ บนสนามแห่งนี้เพื่อครองแชมป์แกรนด์สแลมยูเอส โอเพ่นให้ได้เป็นครั้งแรกเช่นกัน

นอกจากการปะทะกันระหว่าง เฟเดอเรอร์ และ นาดาล ในศึกยูเอส โอเพ่นครั้งนี้แล้ว ยูเอส โอเพ่น 2006 คือการลงสนามแกรนด์สแลมครั้งสุดท้ายของอดีต "หนุ่มบลูยีนส์" อังเดร อากัสซี่ ในวัย 36 ปีที่กำลังจะอำลาวงการลูกสักหลาดหลังจบการแข่งขันรายการนี้

สำหรับอากัสซี่ ซึ่งเป็นเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลมรายการนี้ถึงสองครั้งและเป็นเจ้าของแกรนด์สแลม 8 ครั้ง ทำผลงานในการแข่งขันเมื่อฤดูกาล 2005 ด้วยการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ก่อนจะพ่ายให้กับ เฟเดอเรอร์ แต่ผลงานในฤดูกาล 2006 ของ อากัสซี่ ที่ต้องผจญกับปัญหาอาการบาดเจ็บมาโดยตลอด ทำให้เขาต้องลงสนามโดยไม่ได้ถูกจัดเป็นมือวางโดยรอบแรก

ในนัดเปิดสนามนักเทนนิสระดับตำนานในวัย 36 ปีต้องลงสนามพบกับ แอนเดรีย พาเวล หากผ่านไปได้ อากัสซี่ อาจต้องพบกับงานหนักอย่าง มากอส แบกดาติส ดาวรุ่งจากไซปรัส และปีนี้สามารถเข้าได้ถึงรอบชิงชนะเลิศ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น และ รอบรองชนะรองชนะเลิศในการแข่งขันวิมเบิลดัน หากผ่านไปได้จนถึงรอบสี่โอกาสที่ อากัสซี่ อาจจะต้องพบกับ แอนดี้ ร็อดดิก เจ้าของแชมป์ปี 2003

การพบกันระหว่าง เฟด-เอ็กซ์ และ นาดาล รวมไปถึงฉากสุดท้ายของ อากัสซี่ ทำให้ ยูเอส โอเพ่นประจำฤดูกาลนี้กลายเป็นแกรนด์สแลมที่แฟนเทนนิสทั่วโลกต่างจับตามากที่สุด เพราะการได้ชมสองยอดนักเทนนิสที่มีฟอร์มแตกต่างกันดังเช่นในอดีตที่ จอห์น แมคแอนโร ต้องพบกับ บิยอร์น บอร์ก รวมไปถึง อังเดร อากัสซี่ และ พีท แซมพราส เป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ อากัสซี่ เองก็มีแฟนประจำที่ติดตามผลงานอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย

นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่ายังมีนักเทนนิสขวัญใจเจ้าถิ่นอีกหนึ่งรายที่ต้องจับตามองในการแข่งขันครั้งนี้มากที่สุดอย่าง แอนดี้ ร็อดดิก ซึ่งระยะหลังผลงานไม่ค่อยหวือหวาเหมือนช่วง 2003 -04 โดยปีนี้ เอ-ร็อด ถูกจัดให้เป็นมือวางอันดับ 9 ของรายการและการลงสนามครั้งนี้จอมเสิร์ฟหนักมาในมาดใหม่พร้อมกับโค้ชที่มีชื่อว่า จิมมี่ คอร์นเนอร์ ผู้ทำให้เกมการเล่นของ เอ-ร็อดเปลี่ยนไปจนคว้าแชมป์ที่ ซินซินเนติ เมื่อเดือนที่ผ่านมา

แพทริก แมคแอนโร กัปตันทีมเดวิส คัพสหรัฐฯ กล่าวถึงฟอร์มการเล่นที่เปลี่ยนไปของร็อดดิก ว่า "เขาสร้างเกมได้เร็วและรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ สเตปการวิ่งของเอ-ร็อด ก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ที่สำคัญมีความพยายามมากขึ้นในการโต้กลับลูกเสิร์ฟเอซ และที่สำคัญ ร็อดดิก นั้นขึ้นเล่นหน้าเน็ตได้มากกว่าเดิม รวมไปถึงสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งพร้อมสู้มากขึ้น"

ส่วนนักเทนนิสรายอื่นที่อาจสร้างผลงานพลิกล็อกได้คงต้องจับตามไปที่ แอนดี้ เมอร์เรย์ หนุ่มวัย 19 ปีจากอังกฤษ ที่สร้างผลงานบนฮาร์ดคอร์ตได้อย่างยอดเยี่ยมหลังจากได้ร่วมงานกับอดีตโค้ชของอากัสซี่ และ ร็อดดิก อย่าง แบรด กิลเบิร์ต ผลงานที่ผ่านมา หนุ่มวัย 19 ปีเชื้อสายสก๊อต นั้นผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่วอชิงตัน และ รอบรองชนะเลิศที่โตรอนโต ก่อนจะปิดท้ายการอุ่นเครื่องด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม ที่ซินซินเนติ เมื่อโค่นเฟเดอเรอร์ และกลายเป็นนักเทนนิสรายที่สองในรอบหลายปีนับจากนาดาลที่ทำได้สำเร็จ

ทั้งหมดนี้คือภาพรวมก่อนที่การแข่งขัน แกรนด์สแลม รายการสุดท้ายของปีจะเริ่มต้นขึ้นแม้ว่ามือวางอย่าง เฟเดอเรอร์ และ นาดาล หรือ แม้กระทั่งอากัสซี่จะเป็นเต็งแชมป์ แต่ท้ายที่สุดแล้วผลการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นจริงในระยะเวลาสองสัปดาห์หลังจากนี้คือสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุดว่าผู้ใดเหมาะสมที่จะคว้าชัยชนะในรายการนี้