ภาพจบการแข่งขันระหว่าง ดิโอเพ่น ที่ ฮอยเลค กับ ยูเอส พีจีเอ ที่สนาม เมดิน่าห์ นั้นแม้จะเป็นการคว้าแชมป์รายการเมเจอร์เหมือนกัน แต่รายละเอียดช่วงสุดท้ายก่อนขึ้นรับด้วยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่ฮอยเลค วู้ดส์ ซึ่งคว้าชัยชนะภายใต้ความกดดันขึ้นรับถ้วยภายใต้ฟ้าสีหม่นในสนามฮอยเลค เมืองลิเวอร์พูล เป็นชัยชนะหลังการจากไปของ เอิร์ล วู้ดส์ ได้เพียง 2 เดือนทำให้ วู้ดส์ ในเวลานั้นเก็บเอาความรู้สึกแบบมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่อยู่ ชายหนุ่มในวัย 30 ปีแสดงอาการยินดีด้วยการโผเข้าไปซบไหล่ของแคดดี้ คู่ใจ สตีฟ วิลเลี่ยมส์ เป็นการหลั่งน้ำตาให้กับชัยชนะภายใต้หัวใจอันสูญเสีย นับเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ชมทั่วโลกไม่น้อย
แต่กับชัยชนะที่ เมเมดิน่าห์ นั้นบรรยากาศแตกต่างออกไป ไทเกอร์ วู้ดส์ กลับมาเป็นพญาเสือที่แข็งแกร่ง สกอร์ชนะขาดถึง 5 สโตรกในวันสุดท้าย ได้แปรเปลี่ยนน้ำตาที่ ดิโอเพ่น เป็นรอยยิ้มแห่งความยินดีที่ดูจะเป็นนัยบอกกับแฟนกอล์ฟทั่วโลกว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับภารกิจ ทำลายสถิติเมเจอร์ 18 ครั้งของ แจ็ก นิกคลอส ก่อนที่ยอดโปรจะขึ้นรับถ้วย "วานาเมคเกอร์" สำหรับแชมป์ยูเอส พีจีเอทัวร์ประจำฤดูกาล 2006
สำหรับการแข่งขันรอบสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 49 ที่ผ่านมา วู้ดส์ นั้นเริ่มต้นในหลุมแรกด้วยการทำเบอร์ดี้ 10 ฟุตพร้อมกับขึ้นเป็นผู้นำเดี่ยว ก่อนจะเล่นได้อย่างเข้าฝักก่อนจะจบการแข่งขันในรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ 18 อันเดอร์พาร์ 270 รอยยิ้มหลังจบการแข่งขันดูเหมือนจะเป็นนัยของไทเกอร์ วู้ดส์ ที่ต้องการสื่อสารว่า นี่คือเมเจอร์ ที่ไม่ยากเย็นนักสำหรับเขาในการพิชิตชัย
ภายหลังการแข่งขัน วู้ดส์ กล่าวถึงการคว้าแชมป์เมเจอร์ครั้งที่ 12 ของตนเองว่า "อันที่จริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกว่าการเล่นในสนามแห่งนี้ง่ายเหมือนกับที่หลายคนเข้าใจ แม้ว่าหลายครั้งตลอดการแข่งขันทั้ง 4 วันผมจะสามารถวางลูกบนกรีนได้ไม่ยากนัก แต่ดูเหมือนว่าการพัตต์ลูกจะไม่ได้เป็นอย่างที่ปรารถนาสักเท่าไร การลงสนามแข่งขันนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ผมค่อนข้างโชคดีและเล่นได้แน่นอนกว่า"
ชัยชนะในครั้งนี้วู้ดส์ ได้กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ยูเอส พีจีเอได้ในสนามเดียวกันถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกวู้ดส์ มีชัยเหนือ เซอร์จิโอ การ์เซีย หนึ่งสโตรกที่เมดิน่าห์ในปี 1999
นอกจากนี้ความสำเร็จอีกประการหนึ่งของ วู้ดส์ คือการคว้าแชมป์ได้ติดต่อกันถึงสามรายการในฤดูกาลเดียวกันนับจาก ดิ โอเพ่น ในเดือนกรกฎาคม ต่อด้วย บูอิค อินวิเทชั่น ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านและผลงานล่าสุดกับแชมป์เมเจอร์ รายการ ยูเอสพีจีเอ ทั้งหมดนี้นับเป็นผลงานคว้าแชมป์ติดต่อกันสามรายการที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปีของไทเกอร์ วู้ดส์ เลยทีเดียว
แน่นอนว่าผลงานอันยอดเยี่ยมของไทเกอร์ วู้ดส์ อยู่ในสายตาของ แจ็ก นิคคลอส เจ้าของสถิติเมเจอร์ 18 ครั้งท โดยนักกอล์ฟระดับตำนานเฝ้าดูความสำเร็จของโปรหมายเลขหนึ่งของโลกอยู่ในบ้านพักที่ นอร์ธ ปาล์ม บีช ซึ่งภายหลังจบการแข่งขัน นิกคลอส ได้ให้สัมภาษณ์ถึงผลงานของวู้ดส์ ว่า "เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ต้องยอมรับว่าวู้ดส์ เป็นนักกอล์ฟอาชีพที่หาใครเทียบได้ยาก จากที่ผมได้ชมการแข่งขันเขาเล่นได้ดีเหมือนกับสั่งลูกให้วิ่งได้เลยทีเดียว"
สำหรับสกอร์ของวู้ดส์ ตลอดสี่วันของการแข่งขันนั้น พญาเสือ ตีเสียโบกี้ไปเพีง 3 ครั้ง และเป็นเมเจอร์รายการที่ 5 สำหรับไทเกอร์ ที่คว้าแชมป์ด้วยสกอร์นำถึง 5 สโตรก และถ้าหากนับแชมป์เมเจอร์ทั้ง 12 รายการวู้ดส์ทำสกอร์ชนะได้ถึง 56 สโตรก ในขณะที่นิกคลอสนั้นคว้าชัยเมเจอร์ 18 ครั้งพร้อมกับสกอร์ชนะเพียง 44 สโตรก
นอกจากนี้สถิติคว้าแชมป์เมเจอร์ 18 ครั้งของเจ้าหมีทองคำนั้นเป็นการทำผลงานในระยะเวลา 25 แต่สำหรับ วู้ดส์ คว้าแชมป์เมเจอร์ได้ 12 ครั้งภายในเวลา 10 ปีและดูเหมือนว่าจะยังไม่มีโปรคนไหนหยุดยั้งความเป็นยอดฝีมือของ วู้ดส์ ได้ทำให้หลายคนต่างเฝ้ารอว่า เมเจอร์อีก 6 ครั้งที่เหลือนั้น ไทเกอร์ วู้ดส์ จะพิชิตได้เมื่อเขามีอายุเท่าใด
แต่กับชัยชนะที่ เมเมดิน่าห์ นั้นบรรยากาศแตกต่างออกไป ไทเกอร์ วู้ดส์ กลับมาเป็นพญาเสือที่แข็งแกร่ง สกอร์ชนะขาดถึง 5 สโตรกในวันสุดท้าย ได้แปรเปลี่ยนน้ำตาที่ ดิโอเพ่น เป็นรอยยิ้มแห่งความยินดีที่ดูจะเป็นนัยบอกกับแฟนกอล์ฟทั่วโลกว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับภารกิจ ทำลายสถิติเมเจอร์ 18 ครั้งของ แจ็ก นิกคลอส ก่อนที่ยอดโปรจะขึ้นรับถ้วย "วานาเมคเกอร์" สำหรับแชมป์ยูเอส พีจีเอทัวร์ประจำฤดูกาล 2006
สำหรับการแข่งขันรอบสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 49 ที่ผ่านมา วู้ดส์ นั้นเริ่มต้นในหลุมแรกด้วยการทำเบอร์ดี้ 10 ฟุตพร้อมกับขึ้นเป็นผู้นำเดี่ยว ก่อนจะเล่นได้อย่างเข้าฝักก่อนจะจบการแข่งขันในรอบสุดท้ายด้วยสกอร์ 18 อันเดอร์พาร์ 270 รอยยิ้มหลังจบการแข่งขันดูเหมือนจะเป็นนัยของไทเกอร์ วู้ดส์ ที่ต้องการสื่อสารว่า นี่คือเมเจอร์ ที่ไม่ยากเย็นนักสำหรับเขาในการพิชิตชัย
ภายหลังการแข่งขัน วู้ดส์ กล่าวถึงการคว้าแชมป์เมเจอร์ครั้งที่ 12 ของตนเองว่า "อันที่จริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกว่าการเล่นในสนามแห่งนี้ง่ายเหมือนกับที่หลายคนเข้าใจ แม้ว่าหลายครั้งตลอดการแข่งขันทั้ง 4 วันผมจะสามารถวางลูกบนกรีนได้ไม่ยากนัก แต่ดูเหมือนว่าการพัตต์ลูกจะไม่ได้เป็นอย่างที่ปรารถนาสักเท่าไร การลงสนามแข่งขันนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ผมค่อนข้างโชคดีและเล่นได้แน่นอนกว่า"
ชัยชนะในครั้งนี้วู้ดส์ ได้กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ยูเอส พีจีเอได้ในสนามเดียวกันถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกวู้ดส์ มีชัยเหนือ เซอร์จิโอ การ์เซีย หนึ่งสโตรกที่เมดิน่าห์ในปี 1999
นอกจากนี้ความสำเร็จอีกประการหนึ่งของ วู้ดส์ คือการคว้าแชมป์ได้ติดต่อกันถึงสามรายการในฤดูกาลเดียวกันนับจาก ดิ โอเพ่น ในเดือนกรกฎาคม ต่อด้วย บูอิค อินวิเทชั่น ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านและผลงานล่าสุดกับแชมป์เมเจอร์ รายการ ยูเอสพีจีเอ ทั้งหมดนี้นับเป็นผลงานคว้าแชมป์ติดต่อกันสามรายการที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปีของไทเกอร์ วู้ดส์ เลยทีเดียว
แน่นอนว่าผลงานอันยอดเยี่ยมของไทเกอร์ วู้ดส์ อยู่ในสายตาของ แจ็ก นิคคลอส เจ้าของสถิติเมเจอร์ 18 ครั้งท โดยนักกอล์ฟระดับตำนานเฝ้าดูความสำเร็จของโปรหมายเลขหนึ่งของโลกอยู่ในบ้านพักที่ นอร์ธ ปาล์ม บีช ซึ่งภายหลังจบการแข่งขัน นิกคลอส ได้ให้สัมภาษณ์ถึงผลงานของวู้ดส์ ว่า "เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ต้องยอมรับว่าวู้ดส์ เป็นนักกอล์ฟอาชีพที่หาใครเทียบได้ยาก จากที่ผมได้ชมการแข่งขันเขาเล่นได้ดีเหมือนกับสั่งลูกให้วิ่งได้เลยทีเดียว"
สำหรับสกอร์ของวู้ดส์ ตลอดสี่วันของการแข่งขันนั้น พญาเสือ ตีเสียโบกี้ไปเพีง 3 ครั้ง และเป็นเมเจอร์รายการที่ 5 สำหรับไทเกอร์ ที่คว้าแชมป์ด้วยสกอร์นำถึง 5 สโตรก และถ้าหากนับแชมป์เมเจอร์ทั้ง 12 รายการวู้ดส์ทำสกอร์ชนะได้ถึง 56 สโตรก ในขณะที่นิกคลอสนั้นคว้าชัยเมเจอร์ 18 ครั้งพร้อมกับสกอร์ชนะเพียง 44 สโตรก
นอกจากนี้สถิติคว้าแชมป์เมเจอร์ 18 ครั้งของเจ้าหมีทองคำนั้นเป็นการทำผลงานในระยะเวลา 25 แต่สำหรับ วู้ดส์ คว้าแชมป์เมเจอร์ได้ 12 ครั้งภายในเวลา 10 ปีและดูเหมือนว่าจะยังไม่มีโปรคนไหนหยุดยั้งความเป็นยอดฝีมือของ วู้ดส์ ได้ทำให้หลายคนต่างเฝ้ารอว่า เมเจอร์อีก 6 ครั้งที่เหลือนั้น ไทเกอร์ วู้ดส์ จะพิชิตได้เมื่อเขามีอายุเท่าใด