หลังการขึ้นครองบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ชิปอย่างเกรียงไกรเมื่อปี 2004 และสามารถทำสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 49 นัด ถึงเวลานี้ทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสโมสร ทั้งในเรื่องของขุนพลนักเตะ, สเตเดี้ยม และแน่นอนยอดรายได้และงบประมาณทำทีม
ย้อนกลับไปเพียงปีเศษๆ หากมีใครกระซิบบอกแฟน “ปืนใหญ่” ว่าจะต้องสูญเสียนักเตะหลักอย่าง ปาทริค วิเอร่า, เอดู, โรแบร์ ปิแรส, โซล แคมเบลล์, เดนนิส เบิร์กแคมป์ และอาจจะมีแอชลี่ย์ โคล อีกคนที่เดินตามไปในระยะเวลาใกล้เคียงกัน เชื่อว่าแฟนเดอะ กันเนอร์ส คงต้องคิดถึงหายนะเท่านั้น
แต่เชื่อเถอะตราบใดที่พวกเขายังมีกุนซือที่ชื่อ อาร์แซน เวนเกอร์ “วิกฤติ”ที่ว่าหนักๆ อาจกลายเป็น “โอกาส”ได้ในพริบตา
การจากไปของ วิเอร่า เปิดทางให้กับ เชส ฟาเบรกาส อาการฟอร์มตกของ บิ๊กโซล ทำให้ ฟิลลิปส์ เซนเดอรอส ได้แจ้งเกิด นอกจากนั้นนักเตะอย่าง อเล็กซานเดอร์ เคล็บ, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และดาราใหม่อย่าง โทมัส โรซิคกี้ ก็ดูพร้อมแล้วที่จะขึ้นมาอุดรอยโหว่ที่ ปิแรส กับ เบิร์กแคมป์ จากไป
น่าจับตาเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซนอล ดั้นด้นไปถึงรอบชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยแผงหลังดาวรุ่งอย่าง เอบูเอ้, ตูเร่, เซนเดอรอส และ ฟลามินี่ นั่นเป็นผลงานที่ เวนเกอร์ พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“กองหลังที่ไม่เสียประตูในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 10 นัด ไม่มีใครปรามาสได้เลยว่านี่คือผลงานที่ย่ำแย่ ผมเชื่อว่าพวกเขาแข็งแกร่ง เราต้องพัฒนาทีมที่เล่นร่วมกันเมื่อปีที่แล้วขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง”
ถึงเวลานี้ เวนเกอร์เองไม่ได้กังวลถึงการเสริมทัพเพิ่มเติมอีกแล้ว เขาเผยว่าอาจจะซื้อเพิ่มในตำแหน่งกองหลัง แต่หากไม่ได้นักเตะที่ถูกใจ ตัวเขาเองก็ค่อนข้างพอใจกับทรัพยากรที่มีอยู่ในตอนนี้ “ตอนนี้เรามี โคโล่ ตูเร่, โยฮัน ฌูรู, ฟิลิปป์ เซนเดอรอส และ ปาสกาล ซีกอง หากได้มาอีกสักคนจะดีมาก แต่เราก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร”
นอกจากการเปลี่ยนแปลงทัพนักเตะเป็นเจนเนอร์ชั่นเอ็กซ์ โดยมีหัวหอกกัปตันทีมอย่าง เธียร์รี่ อองรี ที่ยอมสวามิศักดิ์กับสโมสรต่อไปเป็นแกนหลักแล้ว อาร์เซนอล ยังเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงย้ายบ้านใหม่มาเล่นที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ความจุ 60,000 คน ซึ่งใช้งบลงทุนไปทั้งสิ้นเกือบ 400 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 28,000 ล้านบาท
เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ถูกเปิดตัวให้แฟนฟุตบอลทุกคนได้เห็นไปแล้วในนัดอำลาสนามของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ถึงเวลานี้ “ปืนใหญ่” สามารถขยายฐานรายได้และแฟนฟุตบอลจากเดิมได้อีกถึงนัดละ 22,000 คน เรียกได้ว่าในพรีเมียร์ชิปเป็นรองก็แค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเดียวนั้นซึ่งมีสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดที่จุได้ถึง 76,000 คน
คีธ อีเดลมัน ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของอาร์เซนอลออกโรงโอ่ว่าสนามแห่งใหม่ของพวกเขาจะสามารถก่อมูลค่าของรายได้มหาศาลที่สุดในโลกก็ว่าได้ “อาร์เซนอลจะมีรายได้เข้าสโมสรมากมายมหาศาล ประตูทางเข้าของเราพร้อมต้อนรับแฟนๆ 6 หมื่นคน จากราคาหน้าตั๋วที่ค่อนข้างแพง อีกทั้งมีตั๋วพิเศษให้เลือกหามากมายที่สุดในอังกฤษ บางทีรายได้ตรงนี้อาจจะมากกว่าทุกๆ สโมสรในโลกเลยก็ว่าได้”
รายได้ที่หลั่งไหลเข้ามาจากสนามแห่งใหม่ ทั้งในเรื่องของตั๋วปี บัตรเข้าชมแต่ละนัด สูจิบัตรการแข่งขัน ของที่ระลึก ซึ่งเมื่อมีคนดูเดินเข้าสนามมากขึ้น ยอดรายได้เหล่านี้ก็จะเพิ่มตามเป็นเงาตามตัว และแน่นอนจะทำให้สโมสรมีศักยภาพด้านการเงินที่ใกล้เคียงกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเชลซี มากขึ้น
ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้กับอาร์แซน เวนเกอร์ ที่เป็นคนสนับสนุนโปรเจ็คท์ย้ายสนามแห่งนี้ตลอดมา เขากระเบียดกระเสียรเรื่องการซื้อนักเตะในช่วงที่สโมสรต้องระดมเงินทุน แถมยังยึดมั่นและมอบความภักดีให้กับสโมสรตลอดมา แม้ตลอดระยะทางจะถูกตามจีบให้ไปคุมสโมสรอื่นหรือทีมชาติเป็นระยะ
อาร์เซนอล ในวันนี้กำลังเดินทางเขาสู่ประวัติศาสตร์บทใหม่ของสโมสร แม้ไม่มีฮีโร่คนอังกฤษในทีมอย่าง โทนี่ อดัมส์ -เดวิด ซีแมน หรือแม้กระทั่งตำนานอย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์ แต่ด้วยมันสมองของเวนเกอร์ สองเท้าของ อองรีบวกกับบรรดาดาวรุ่ง พวกเขาน่าจะมีโอกาสฝันถึงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง