การแข่งขันกอล์ฟรายการเมเจอร์ ที่มีอายุมากที่สุด “ดิ โอเพ่น” ครั้งที่ 135 เพื่อชิงถ้วย “คลาเรต จัก” ประจำฤดูกาล 2006 กำลังจะระเบิดวงสวิงในวันพฤหัสที่ 22 กรกฎาคม 49 ซึ่งในปีนี้ย้ายมาแข่งกันที่สนาม รอยัล ลิเวอร์พูล กอล์ฟคลับ ฮอยเลค ซึ่งถูกปรับระยะเพิ่มขึ้นมาอีก 122 หลารวมเป็น 7,258 หลาเพื่อต้อนรับการแข่งขันเมเจอร์ รายการนี้โดยเฉพาะ

แน่นอนว่า โปรที่จะถูกจับตามากที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้หนีไม่พ้นแชมป์เก่าเมื่อปี 2005 ไทเกอร์ วู้ดส์ และรองแชมป์อย่าง คอลิน มอนท์โกเมอรี่ ที่สร้างเซอร์ไพร์สคนทั้งสนามเซนต์แอนดรูว์สเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังคืนฟอร์มเก่งจนสามารถขึ้นนำ วู้ดส์ ได้ถึงหนึ่งสโตรกในการแข่งขันวันที่สาม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องพ่ายให้กับ “พญาเสือ” ที่ดูจะมีวงสวิงแน่นอนกว่า
สำหรับผลงานของโปรวัย 43 ปีชาวสก๊อตแลนด์ ซึ่งคว้าตำแหน่งรองแชมป์ในรายการเมเจอร์มาแล้วถึง 3 รายการและมีอดีตเป็นโปรทำเงินสูงสุดในยูโรเปี้ยนทัวร์ถึง 8 สมัยนับว่ากำลังคืนฟอร์มเก่งของตนเองเข้ามาทุกขณะและการลงชิงชัยใน ดิ โอเพ่น ซึ่งปีนี้เปลี่ยนจากสนาม โอลด์ คอร์ส มาเป็น รอยัล ลิเวอร์พูล ที่ ฮอยเลค โปรชื่อดังชาวสก๊อตแลนด์ มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม และหวังจะคว้าแชมป์มาจากไทเกอร์ วู้ดส์ให้ได้
ย้อนกลับไปในการแข่งขันเมื่อปี 2005 ที่ โอลด์ คอร์ส สนาม เซนต์แอนดรูว์ส มอนตี้ ที่โชว์ฟอร์มได้เข้าฝักมาตั้งแต่รอบแรกขึ้นนำ วู้ดส์ ในรอบที่สามหนึ่งสโตรกโดยทั้งคู่เดินออกรอบร่วมกัน แต่หลังจากนั้นดูเหมือนว่า วู้ดส์ จะมีความมั่นคงในวงสวิงมากกว่า มอนตี้ ทำให้ "พญาเสือ" ก็เป็นฝ่ายไล่ล่าทำคะแนนจนกลายเป็นแชมป์ได้สำเร็จ
ซึ่งมอนตี้ กล่าวถึงผลงานของตนเองในครั้งนั้นว่า "การแข่งขันฤดูกาลที่แล้ว ผมสามารถขึ้นนำไทเกอร์ได้ และกองเชียร์รอบสนามต่างก็ส่งเสียงเพื่อให้กำลังใจส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็น ไทเกอร์ วู้ดส์ ตกอยู่ในสภาพเป็นรอง มันเป็นสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงรวมไปถึงผมด้วย
"ในช่วงระหว่างการแข่งขันรอบที่สามเราไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะต่างก็รู้ดีว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะห้ำหั่น แม้ว่า วู้ดส์ จะไม่ค่อยพูดอะไรตอนที่เราออกรอบด้วยกัน แต่ความเป็นสุภาพบุรุษในสนามรวมไปถึงน้ำใจนักกีฬาของเขา ทำให้ผมประทับใจที่ได้ออกรอบร่วมกับโปรหมายเลขหนึ่งของโลกเป็นอย่างมาก และหวังว่าในการแข่งขันที่ฮอยเลค บรรยากาศในสนามจะดำเนินไปได้อย่างน่าประทับใจเช่นเดียวกับฤดูกาลที่แล้ว”
นอกจากนี้ มอนตี้ ยังยกย่องไทเกอร์ วู้ดส์ว่ามีความเหมาะสมจะเป็นโปรหมายเลขหนึ่งของโลก "ความจริงอย่างหนึ่งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้คือ ไทเกอร์ วู้ดส์ นั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่สร้างความเครียดให้กับนักกอล์ฟทุกคน ที่สำคัญเขายังเป็นโปรที่เล่นได้ดีที่สุดในยุคสมัยนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตยากจะหาใครมาเทียบได้

"สำหรับผมการพบกับไทเกอร์ วู้ดส์ แม้จะเป็นงานหนักแต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมานานเป็นตัวช่วยที่น่าอัศจรรย์ยามตกอยู่ในสถานการณ์ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากนี้การได้เผชิญหน้ากับ ไทเกอร์ วู้ดส์นั้นนับเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการสร้างพัฒนาการให้กับตนเอง เพราะมันเปรียบเสมือนกับนักเทนนิส ที่ได้ลงสนามแข่งขันกับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เลยทีเดียว"
ประสบการณ์ที่ลงสนามดวลวงสวิงกับ ไทเกอร์ วู้ดส์ ทำให้มอนตี้ ได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความกดดันในการแข่งขัน ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยว่า "ที่ผ่านมาผมได้พูดคุยกับ มาร์ค สไตเนิร์ก ผู้จัดการของไทเกอร์ วู้ดส์ และ กาย คินนิ่ง ผู้จัดการของผมเองถึงการจัดการกับความกดดันในการแข่งขัน ซึ่งโปรหมายเลขหนึ่งเช่น วู้ดส์รับมือได้เป็นอย่างงดี และนั่นคือเคล็ดลับที่ทำให้เขาเป็นนักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเวลานี้"
สำหรับสถานการณ์ของ โปรหมายเลขหนึ่งในเวลานี้แม้จะกลับมาลงสนามหลังพักจากทัวร์นาเมนต์ยาวถึง 9 สัปดาห์นับตั้งแต่การแข่งขันเดอะ มาสเตอร์ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อไว้ทุกข์ให้กับบิดา เอิร์ล วู้ดส์ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง โดยผลงานเมเจอร์รายการ ยูเอส โอเพ่นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนไม่เป็นที่น่าพอใจเมื่อ วู้ดส์ ไม่ผ่านการตัดตัว แต่ผลการแข่งขันล่าสุดในรายการ เวสเทิร์น โอเพ่น วู้ดส์ จบด้วยอันดับที่สอง ซึ่งโปรหมายเลข 13 ของโลก คอลิน มอนท์โกเมอรี่ คาดหมายว่า วู้ดส์ จะกลับมาสู่สุดยอดฟอร์มของตนเองอีกครั้งในการแข่งขันรายการนี้
แม้จะรู้ดีว่า วู้ดส์ คือคู่แข่งที่น่ากลัว แต่ มอนตี้ ก็ยังหวังว่าผลงานในดิ โอเพ่นของเขาน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะคว้าแชมป์เมเจอร์ มาเป็นเกียรติประวัติให้กับตนเองสักหนึ่งรายการ ที่ผ่านมาในการแข่งขันยูเอส โอเพ่น มอนตี้ เกือบทำได้สำเร็จแต่เขาก็ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป หลังทำดับเบิ้ลโบกี้ในหลุมสุดท้าย ซึ่งเจ้าตัวย้อนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“การแข่งขันยูเอส โอเพ่นที่ผ่านมานับเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะคว้าแชมป์โดยที่ไม่ต้องต่อสู้กับไทเกอร์ วู้ดส์ ในสนามแน่นอนว่ามันทำให้นักกอล์ฟทุกคนในสนามรู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก แต่ผมไม่คิดว่าเหตุการณ์ในหลุมสุดท้ายของยูเอส โอเพ่น เป็นการทำลายโอกาสคว้าแชมป์เมเจอร์ของตนเอง ผมเชื่อว่า เมื่อวันหนึ่งเมื่อประตูแห่งชัยชนะเปิดผมก็จะเกินก้าวเข้าไปอย่างสง่างาม สำหรับการแข่งขัน ดิ โอเพ่นในครั้งนี้แม้ว่าจะไม่คุ้นเคยกับสนาม ที่ฮอยเลค สักเท่าไรนัก แต่ความเชื่อมั่นอันมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมน่าจะช่วยให้ผลงานใน ดิ โอเพ่น ปีนี้ไม่น้อยหน้าการแข่งขันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา”
แน่นอนว่า โปรที่จะถูกจับตามากที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้หนีไม่พ้นแชมป์เก่าเมื่อปี 2005 ไทเกอร์ วู้ดส์ และรองแชมป์อย่าง คอลิน มอนท์โกเมอรี่ ที่สร้างเซอร์ไพร์สคนทั้งสนามเซนต์แอนดรูว์สเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังคืนฟอร์มเก่งจนสามารถขึ้นนำ วู้ดส์ ได้ถึงหนึ่งสโตรกในการแข่งขันวันที่สาม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องพ่ายให้กับ “พญาเสือ” ที่ดูจะมีวงสวิงแน่นอนกว่า
สำหรับผลงานของโปรวัย 43 ปีชาวสก๊อตแลนด์ ซึ่งคว้าตำแหน่งรองแชมป์ในรายการเมเจอร์มาแล้วถึง 3 รายการและมีอดีตเป็นโปรทำเงินสูงสุดในยูโรเปี้ยนทัวร์ถึง 8 สมัยนับว่ากำลังคืนฟอร์มเก่งของตนเองเข้ามาทุกขณะและการลงชิงชัยใน ดิ โอเพ่น ซึ่งปีนี้เปลี่ยนจากสนาม โอลด์ คอร์ส มาเป็น รอยัล ลิเวอร์พูล ที่ ฮอยเลค โปรชื่อดังชาวสก๊อตแลนด์ มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม และหวังจะคว้าแชมป์มาจากไทเกอร์ วู้ดส์ให้ได้
ย้อนกลับไปในการแข่งขันเมื่อปี 2005 ที่ โอลด์ คอร์ส สนาม เซนต์แอนดรูว์ส มอนตี้ ที่โชว์ฟอร์มได้เข้าฝักมาตั้งแต่รอบแรกขึ้นนำ วู้ดส์ ในรอบที่สามหนึ่งสโตรกโดยทั้งคู่เดินออกรอบร่วมกัน แต่หลังจากนั้นดูเหมือนว่า วู้ดส์ จะมีความมั่นคงในวงสวิงมากกว่า มอนตี้ ทำให้ "พญาเสือ" ก็เป็นฝ่ายไล่ล่าทำคะแนนจนกลายเป็นแชมป์ได้สำเร็จ
ซึ่งมอนตี้ กล่าวถึงผลงานของตนเองในครั้งนั้นว่า "การแข่งขันฤดูกาลที่แล้ว ผมสามารถขึ้นนำไทเกอร์ได้ และกองเชียร์รอบสนามต่างก็ส่งเสียงเพื่อให้กำลังใจส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็น ไทเกอร์ วู้ดส์ ตกอยู่ในสภาพเป็นรอง มันเป็นสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงรวมไปถึงผมด้วย
"ในช่วงระหว่างการแข่งขันรอบที่สามเราไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะต่างก็รู้ดีว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะห้ำหั่น แม้ว่า วู้ดส์ จะไม่ค่อยพูดอะไรตอนที่เราออกรอบด้วยกัน แต่ความเป็นสุภาพบุรุษในสนามรวมไปถึงน้ำใจนักกีฬาของเขา ทำให้ผมประทับใจที่ได้ออกรอบร่วมกับโปรหมายเลขหนึ่งของโลกเป็นอย่างมาก และหวังว่าในการแข่งขันที่ฮอยเลค บรรยากาศในสนามจะดำเนินไปได้อย่างน่าประทับใจเช่นเดียวกับฤดูกาลที่แล้ว”
นอกจากนี้ มอนตี้ ยังยกย่องไทเกอร์ วู้ดส์ว่ามีความเหมาะสมจะเป็นโปรหมายเลขหนึ่งของโลก "ความจริงอย่างหนึ่งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้คือ ไทเกอร์ วู้ดส์ นั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่สร้างความเครียดให้กับนักกอล์ฟทุกคน ที่สำคัญเขายังเป็นโปรที่เล่นได้ดีที่สุดในยุคสมัยนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตยากจะหาใครมาเทียบได้
"สำหรับผมการพบกับไทเกอร์ วู้ดส์ แม้จะเป็นงานหนักแต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมานานเป็นตัวช่วยที่น่าอัศจรรย์ยามตกอยู่ในสถานการณ์ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากนี้การได้เผชิญหน้ากับ ไทเกอร์ วู้ดส์นั้นนับเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการสร้างพัฒนาการให้กับตนเอง เพราะมันเปรียบเสมือนกับนักเทนนิส ที่ได้ลงสนามแข่งขันกับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เลยทีเดียว"
ประสบการณ์ที่ลงสนามดวลวงสวิงกับ ไทเกอร์ วู้ดส์ ทำให้มอนตี้ ได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความกดดันในการแข่งขัน ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยว่า "ที่ผ่านมาผมได้พูดคุยกับ มาร์ค สไตเนิร์ก ผู้จัดการของไทเกอร์ วู้ดส์ และ กาย คินนิ่ง ผู้จัดการของผมเองถึงการจัดการกับความกดดันในการแข่งขัน ซึ่งโปรหมายเลขหนึ่งเช่น วู้ดส์รับมือได้เป็นอย่างงดี และนั่นคือเคล็ดลับที่ทำให้เขาเป็นนักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเวลานี้"
สำหรับสถานการณ์ของ โปรหมายเลขหนึ่งในเวลานี้แม้จะกลับมาลงสนามหลังพักจากทัวร์นาเมนต์ยาวถึง 9 สัปดาห์นับตั้งแต่การแข่งขันเดอะ มาสเตอร์ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อไว้ทุกข์ให้กับบิดา เอิร์ล วู้ดส์ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง โดยผลงานเมเจอร์รายการ ยูเอส โอเพ่นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนไม่เป็นที่น่าพอใจเมื่อ วู้ดส์ ไม่ผ่านการตัดตัว แต่ผลการแข่งขันล่าสุดในรายการ เวสเทิร์น โอเพ่น วู้ดส์ จบด้วยอันดับที่สอง ซึ่งโปรหมายเลข 13 ของโลก คอลิน มอนท์โกเมอรี่ คาดหมายว่า วู้ดส์ จะกลับมาสู่สุดยอดฟอร์มของตนเองอีกครั้งในการแข่งขันรายการนี้
แม้จะรู้ดีว่า วู้ดส์ คือคู่แข่งที่น่ากลัว แต่ มอนตี้ ก็ยังหวังว่าผลงานในดิ โอเพ่นของเขาน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะคว้าแชมป์เมเจอร์ มาเป็นเกียรติประวัติให้กับตนเองสักหนึ่งรายการ ที่ผ่านมาในการแข่งขันยูเอส โอเพ่น มอนตี้ เกือบทำได้สำเร็จแต่เขาก็ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป หลังทำดับเบิ้ลโบกี้ในหลุมสุดท้าย ซึ่งเจ้าตัวย้อนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“การแข่งขันยูเอส โอเพ่นที่ผ่านมานับเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะคว้าแชมป์โดยที่ไม่ต้องต่อสู้กับไทเกอร์ วู้ดส์ ในสนามแน่นอนว่ามันทำให้นักกอล์ฟทุกคนในสนามรู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก แต่ผมไม่คิดว่าเหตุการณ์ในหลุมสุดท้ายของยูเอส โอเพ่น เป็นการทำลายโอกาสคว้าแชมป์เมเจอร์ของตนเอง ผมเชื่อว่า เมื่อวันหนึ่งเมื่อประตูแห่งชัยชนะเปิดผมก็จะเกินก้าวเข้าไปอย่างสง่างาม สำหรับการแข่งขัน ดิ โอเพ่นในครั้งนี้แม้ว่าจะไม่คุ้นเคยกับสนาม ที่ฮอยเลค สักเท่าไรนัก แต่ความเชื่อมั่นอันมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมน่าจะช่วยให้ผลงานใน ดิ โอเพ่น ปีนี้ไม่น้อยหน้าการแข่งขันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา”