xs
xsm
sm
md
lg

เส้นทาง “ตูร์ฯ 2006” การขับเคี่ยวหนีเงา“แลนซ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เดสซิล และ เมอร์คาโด ขับเคี่ยวก่อนเข้าเส้นชัยในสเตจที่ 10
ครั้งหนึ่ง แลนซ์ อาร์มสตรอง แชมป์จักรยานทางไกลตูร์ เดอ ฟรองซ์ 7 สมัยเคยกล่าวไว้ว่า “ไม่มีโชคช่วยในการแข่งขันรายการนี้” และถึงแม้ว่าการแข่งขันในฤดูกาล 2006 จะไร้เงาของ แลนซ์ ในเส้นทางการแข่งขันแต่ดูเหมือนความจริงดังกล่าวจะถูกนักปั่นชาวฝรั่งเศส และ สเปน พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นความจริง เมื่อการแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์ ในครั้งนี้ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น เพราะผู้ชนะในครั้งนี้นอกจากจะเป็นแชมป์ในยุคสมัยที่พ้นจากเงาความยิ่งใหญ่ของนักปั่นชาวสหรัฐฯแล้ว หากผลงานของผู้ชนะเป็นที่ยอมรับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตูร์ เดอ ฟรองซ์ ที่ไร้เงาของ แลนซ์ อาร์มสตรอง ก็จะเริ่มต้นขึ้น
เมอร์คาโด นักปั่นชาวสเปนที่คว้าแชมป์ในสเตจที่ 10 ได้เป็นครั้งที่สองในรายการตูร์ฯ
การแข่งขันจักรยานทางไกลตูร์ เดอ ฟรองซ์ ประจำปี 2006ซึ่งเสร็จสิ้นสเตจที่ 10 เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเป็นเส้นทางสุดท้ายสำหรับสนามทางเรียบ ซึ่งต่อจากนี้คือเส้นทางขึ้นเขาอันท้าทายและยากยิ่งสำหรับนักปั่นที่เข้าร่วมการแข่งขัน เพราะนอกจากจะต้องใช้ความอดทนมากกว่าเก่า การต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกตลอดเส้นทางอาจหมายถึงการเปลี่ยนตำแหน่งของผู้นำและผู้ตามได้ตลอดเวลา

แม้ว่า ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ที่ขาดเงาของ แลนซ์ อาร์ม สตรอง จะขาดสีสันในการเรียกความสนใจลงไปไม่น้อย แต่เหล่านักปั่นที่พยายามจะแจ้งเกิดให้ได้ในฤดูกาลนี้ก็พยายามกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองนักปั่นในตำแหน่งที่มีสิทธิ์คั่วแชมป์อย่าง เดสซิล และ เมอร์คาโด โดยการแข่งขันของเส้นทางถนน เดสซิล นักปั่นจากฝรั่งเศสซึ่งดูจะชำนาญมากที่สุดได้ขึ้นเป็นผู้นำในเวลารวมพร้อมกับสวมเสื้อเหลือง ที่สำคัญประสบการณ์ของเดสซิล ในตูร์ เดอ ฟรองซ์ นั้นเคยสวมเสื้อโพลคา-ดอท ซึ่งให้กับผู้ที่ทำเวลาขึ้นเขาได้ดีที่สุดมาแล้ว

ทางด้าน นักปั่นชาวสเปน ฮวน มิเคล เมอร์คาโด ที่แซง เดสซิล คว้าชัยในสเตจที่ 10 ยังคงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวด้วยประสบการณ์และความแข็งแกร่งทำให้ เมอร์คาโด มีเวลารวมอยู่ในอันดับสอง ตามหลัง เดสซิลอยู่ 2.34 นาที

ทั้งนี้ เดสซิล กล่าวถึงผลงานที่พ่ายในสเตจที่ 10 แต่สามารถคว้าชัยในเวลารวมได้ว่า “ในการแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์ นั้นคุณไม่มีทางที่จะคว้าชัยชนะในทุกสเตจได้ แต่ถ้าผลงานในเวลารวมเป็นที่น่าพอใจโอกาสที่จะคว้าแชมป์ก็มีไม่น้อย" แต่ถึงแม้ เดสซิล จะไม่สามารถคว้าชัยชนะในสเตจที่ 10 ได้แต่การขึ้นเป็นผู้นำในเวลารวม ทำให้ ซีรีล เดสซิล เป็นนักปั่นชาวฝรั่งเศสคนแรกที่ทำได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าตัวกล่าวถึงผลงานด้วยความภูมิใจว่า "มันเหมือนกับฝันที่เป็นจริง" ส่วนเมอร์คาโด ก็สามารถคว้าชัยชนะในสเตจได้เป็นครั้งที่สอง หลังจากทำได้สำเร็จมาแล้วในปี 2004
ซีริล เดสซิล นักปั่นชาวฝรั่งเศสคนแรกที่สามารถสวมเสื้อเหลืองได้สำเร็จ
สำหรับเส้นทางต่อจากนี้คือเส้นทางขึ้นเขา ซึ่งในอดีต แลนซ์ อาร์มสตรอง แชมป์ 7 สมัยจากเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเส้นทางนี้มากที่สุด ถึงเวลานี้สองนักปั่นที่คั่วตำแหน่งแชมป์จะต้องพิสูจน์ฝีมือของตนเองว่าจะสามารถลบเงาของ แลนซ์ ออกจากเส้นทางการแข่งขันได้สำเร็จหรือไม่ เพราะเส้นทางขึ้นเขา สามารถเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำได้

ทางด้านผู้นำในช่วงแรกอย่าง ฟลอยด์ แลนดิส นักปั่นชาวสหรัฐฯ, อันเดรียส โคลเดน จากเยอรมนี และ คาเดล อีแวนส์ จากออสเตรเลีย รวมไปถึง เซอร์ไฮย์ ฮอนชาร์ จากยูเครน และ นักปั่นอีกกว่า 70 ชีวิตนั้นจบการแข่งขันโดยมีเวลาตามหลัง เมอร์คาโด และ เดสซีลอยู่ที่ 7 นาที 23 วินาที

นอกจากตูร์ เดอ ฟรองซ์ จะเป็นการขับเคี่ยวระหว่างนักปั่นจักรยานทางไกลแล้ว ยังเป็นการลงสนามสู้กันระหว่างทีมใหญ่และ ทีมเล็กชนิดถึงพริกถึงขิงเพราะจวบจนการแข่งขันในวันที่ 10 สิ้นสุดลง ทีมเล็กๆของ เดสซิล อย่าง เอจีทูอาร์ (AG2R) ได้ครอบครองเสื้อเหลืองอันเป็นสัญลักษณ์ผู้นำของการแข่งขันไปแล้ว ในขณะที่
ทีมใหญ่อย่าง ที – โมบายล์ ซึ่งหวังจะคว้าแชมป์ในการแข่งขันวันสุดท้าย 23 กรกฎาคม 49 ยังไม่สามารถครองเสื้อเหลืองได้สักครั้งเดียว โดยที-โมบายล์ ซึ่งนำทีมโดย แจน อูลลิช แชมป์รายการตูร์ฯ ในปี 1997 และ ออสก้า เซบิลญ่า แต่ทั้งคู่ถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันเนื่องจากผลการตรวจสารกระตุ้นในการแข่งขันจักรยานทางไกลที่สเปนมามีผลในการแข่งขันรายการนี้ด้วย

ปัญหาดังกล่าวทำให้เหล่านักปั่นในทีมที-โมบายล์ ต้องทุ่มกันสุดตัวแต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอโดย มิคาเคล โรเจอร์ หัวหน้าทีมในช่วงการแข่งขันที่เหลือกล่าวถึงสภาพของทีม ที-โมบายล์ ในเวลานี้ว่า "ถึงตอนนี้เราไม่สามารถเสียพลังงาน หรือ เสียนักปั่นไปได้แม้เพียงคนเดียว สิ่งที่ดีที่สุดในเวลานี้คือทำผลงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้"

สำหรับเส้นทางในช่วงสเตจที่ 11 ซึ่งนักปั่นทุกคนจะต้องขับเคี่ยวในเส้นทางเริ่มต้นของการขึ้นเขานั้นมีระยะทาง 206.5 กิโลเมตร จาก ทาร์เบส ซึ่งจะต้องข้ามภูเขาถึง 5 ครั้งก่อนจะเข้าสู่เส้นทางอันเลื่องชื่อเรื่องความหฤโหดอย่าง พิเรเนียน ก่อนที่จะปั่นในช่วง 16 กิโลเมตรสุดท้าย เพื่อเข้าสู่เส้นชัยที่ พลาท์ - เดอ - เบเรต์ ซึ่งต่อจากนี้อีก 9 วันโฉมหน้าของแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ คนใหม่จะปรากฏขึ้นแต่จะเป็นที่จดจำเหมือนกับแลนซ์ อาร์มสตรอง หรือไม่นั้นยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น