xs
xsm
sm
md
lg

ดาวซัลโวเวิลด์คัพ 2006 สานตำนานรองเท้าทองคำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รางวัลรองเท้าทองคำที่มอบให้กับดาวซัลโวสูงสุดในฟุตบอลโลกแต่ละครั้ง ย่อมเป็นที่แย่งชิงเชือดเฉือนกันระหว่างศูนย์หน้าและกองหน้าจากทีมชาติทุกประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันในรอบสุดท้าย ต้องพยายามโชว์พลังอันดุดันระเบิดฟอร์มยิงประตูในทุกรูปแบบให้ได้มากที่สุด เพื่อเกียรติยศของตัวเองได้ถูกบันทึกเป็นตำนานในศึกฟุตบอลโลก และความเจริญก้าวหน้าในอาชีพนักล่าประตู

ชื่อของดาวซัลโวในฟุตบอลโลกครั้งต่างๆ ได้รับการกล่าวและรำลึกถึงอยู่เสมอเมื่อมีการแข่งขันหรือมีการกล่าวถึงตำนานฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลี / ญี่ปุ่น โรนัลโด (บราซิล) ยิงไป 8 ประตู
ฟรองซ์ 1998 ดาเวอร์ ซูเคอร์ (โครเอเชีย) 6 ประตู
สหรัฐอเมริกา 1994 ฮริสโต สตอยช์คอฟ (บัลกาเรีย) กับโอเล็ก ซาเลนโก้ (รัสเซีย) 6 ประตูเท่ากัน
อิตาลี 1990 ซัลวตอเร่ สคิลลาชี่ (อิตาลี) 6 ประตู,
เม็กซิโก 1996 แกรี่ ลินีเกอร์ (อังกฤษ) 6 ประตู
สเปน 1982 เปาโล รอสซี่ (อิตาลี) 6 ประตู
อาร์เจนติน่า 1978 มาริโอ เคมเปส (อาร์เจนติน่า) 6 ประตู
เยอรมนีตะวันตก 1974 จีร์จอร์ซ ลาโต้ (โปแลนด์) 7 ประตู
เม็กซิโก 1970 เกิร์ด มุลเลอร์ (เยอรมนีตะวันตก) 10 ประตู
อังกฤษ 1966 ยูเซบิโอ (โปรตุเกส) 9 ประตู
ชิลี 1962 ฟลอเรียน อัลเบิร์ต (ฮังการี) วาเลนติน อิวานอฟ (สหภาพโซเวียต) ดราเซน เจอร์โควิค (ยูโกสลาเวีย) ลีโอเนล ซานเชซ (ชิลี) วาว่า และการ์รินช่า (บราซิล) 4 ประตูเท่ากัน
สวีเดน 1958 จุสต์ ฟองแตง (ฝรั่งเศส) 13 ประตู
สวิสเซอร์แลนด์ 1954 ซานโดร์ ค็อกซิส (ฮังการี) 11 ประตู
บราซิล 1950 อะดีเมียร์ (บราซิล) 9 ประตู
ฟรองซ์ 1938 ลีโอนิดาส (บราซิล) 8 ประตู
อิตาลี 1934 โอลดริช เนเจดลี (เชคโกสโลวาเกีย) เอ็ดมุนด์ โคเนน (เยอรมนี) และแองเจโล สเชียวิโอ (อิตาลี) 4 ประตูเท่ากัน
อุรุกวัย 1930 กุยล์เลอร์โม สตาบิเล่ (อาร์เจนติน่า) 8 ประตู
ทุกคนกลายเป็นดาวซัลโวที่อยู่เหนือกาลเวลา

ในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนีคราวนี้ ตั้งแต่รอบแรกเป็นต้นมา ไม่มีใครระเบิดฟอร์มการยิงประตูอย่างจัดจ้านร้อนแรงเลยแม้แต่รายเดียว จะมีบ้างก็ในเพียงบางนัดที่สามารถงัดฟอร์มออกมาได้สวยหรู แต่พอนัดต่อมาก็หายไปจากสาระบบของเกม ซึ่งโดยธรรมชาติของเพชฌฆาตนักยิงประตูนั้นจะมีความสม่ำเสมอ มีสัมผัสพิเศษในการยิงประตูทุกสถานการณ์ที่มีโอกาสอำนวย ยิงได้ถูกที่ถูกเวลา และมีผลต่อการแข่งขันในตัวสกอร์ในการตัดสินผู้แพ้หรือชนะ

คนที่ยิงประตูสูงสุดที่ขึ้นเป็นดาวซัลโวในคราวนี้ ได้แก่ศูนย์ทีมเจ้าภาพ เยอรมนี มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่ยิงไป 5 ประตู

ซึ่งถือว่าเป็นการรักษามาตรฐานที่คงเส้นคงวาของตัวเองได้อย่างเหนียวแน่นและยอดเยี่ยม เท่ากับฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลี / ญี่ปุ่น เขายิงได้ 5 ประตูเท่ากับครั้งนี้ จากการลงสนาม 7 นัด แต่ไม่ได้เป็นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์

การเป็นคนหน้าใหม่ในฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว ทำให้โคลเซ่ไม่เป็นที่ถูกจับตาและจับตายจากเหล่ากองหลังแต่ละทีมมากนัก เขาสามารถโชว์ความถนัดด้วยการโหม่งทำประตูเพียงอย่างเดียวถึง 5 ประตู และได้รองแชมป์โลกกลับมา

มาคราวนี้ในฐานะทีมเจ้าภาพ รวมถึงเขากลายเป็นศูนย์ในระดับชั้นแถวหน้าของบุนเดสลีกาและยุโรป โคลเซ่ จึงต้องแบกรับความกดดัน รวมถึงการล็อกแบบกัดไม่ปล่อยจากตัวประกบในแต่ละเกมด้วย แต่เขาสามารถทำได้ดีมาก ยิงประตูด้วยเท้าไปถึง 4 ประตู แสดงให้เห็นพัฒนาการในการเล่นเผด็จศึกด้วยเท้าทั้งสองของเขามีประสิทธิภาพไม่แพ้ลูกหัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าลูกโหม่งของเขาก็ยังเยี่ยมยอดสั่งการได้จากการโหม่งประตูตีเสมอทีมอาร์เจนติน่าในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

มิโรสลาฟ โคลเซ่ จึงเป็นดาวซัลโวที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกคราวนี้ แม้ไม่ร้อนแรงหรือมหัศจรรย์แบบสุดๆ ก็ตาม แต่มาตรฐานที่ยอดเยี่ยมเชื่อใจได้ รวมถึงการทำทางและป้อนลูกผ่านบอลให้เพื่อทำประตูได้สวยๆ เขาจึงเหมาะกับรางวัลนี้

สำหรับคู่แข่งก็ไม่มีใครที่โดดเด่นขึ้นมาชัดเจน ส่วนมากทำท่าสวยในรอบแรกๆ พอเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์บรรดาศูนย์หน้าที่ร้อนแรงกลับไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก และทีมก็ตกรอบไป อย่าง โรนัลโด้ อดีตดาวซัลโวในฟุตบอลโลกคราวที่แล้ว แม้มายิง 3 ลูกในทัวร์นาเมนท์นี้ สามารถขึ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลจากการติดทีมชาติบราซิลสู้ศึกฟุตบอลโลก 4 ครั้ง รวมแล้วยิงไป 15 ลูก ทำลายสถิติของเกิร์ด มุลเลอร์ที่ทำไว้ 14 ลูก แต่ก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ

ดาวยิงที่ลงสนามได้ 7 นัด คือนัดชิงที่ 3 และนัดชิงชนะเลิศ ที่พอมีลุ้นยิงได้ถึง 5 ประตูก็มีแค่ลูคัส โพโดลสกี้ ศูนย์หน้าคู่ขาของโคลเซ่ในทีมชาติเยอรมนี กับเธียรี่ อองรี ศูนย์ตัวเป้าของฝรั่งเศสเพียงเท่านั้น แต่ก็ไม่มีใครทำประตูเพิ่มขึ้นได้

หากย้อนไปในอดีตของฟุตบอลโลกยุคใกล้ คนที่เป็นดาวซัลโวในฟุตบอลโลกในแต่ละทัวร์นาเมนท์ก็ตกอยู่ที่ค่าเฉลี่ยประมาณ 6 ประตู ซึ่งอยู่ในมาตรฐานระดับนี้มาเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร แสดงให้เห็นว่าศูนย์หน้าที่จะขึ้นเป็นดาวซัลโวได้ต้องยิงให้ได้เฉลี่ยนัดละ 1 ประตู

จุดที่น่าสังเกตก็คือแชมป์โลกในปีนี้ อิตาลีที่ยิงได้ 12 ประตูนั้นใช้นักเตะถึง 10 คนทีเดียว มีแค่ลูก้า โทนี่ ศูนย์หน้าที่ยิงได้ กับกองหลัง มาร์โก มาเตรัซซี่ 2 ประตู แสดงให้เห็นว่า การเป็นดาวซัลโวในฟุตบอลโลกเริ่มยากขึ้นทุกที

หรือมองอีกมุมก็สะท้อนให้เห็นว่า นักเตะที่เกิดมาเพื่อยิงประตูมีสัญชาตญาณเพชฌฆาต มีสัมผัสพิเศษในการยืนอย่างถูกที่ถูกเวลา พร้อมเสมอที่จะทำประตู รวมถึงความมหัศจรรย์ในการยิงประตูนับวันก็ยิ่งน้อยลงๆ ทุกทีจนแทบจะไม่มีอีกแล้ว ซึ่งในฟุตบอลโลก 2006 เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความเป็นอมตะนิรันดร์กาลของดาวซัลโวก็คือ เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของฟุตบอลโลกทุกสมัย
กำลังโหลดความคิดเห็น