เกิด วันที่ 1 สิงหาคม 1984
ส่วนสูง 180 เซนติเมตร
น้ำหนัก 76 กิโลกรัม
ตำแหน่ง กองกลาง
สโมสรต้นสังกัด บาเยิร์น มิวนิค
ติดทีมชาตินัดแรก วันที่ 6 มิถุนายน 2004
เยอรมนี พบกับ ฮังการี

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ หรือที่แฟนลูกหนังรู้จักกันในชื่อเล่นอย่าง “บาสตี้” หรือ ”ชไวนี่” เป็นนักฟุตบอลเยาวชนที่เติบโตมากับทีมลูกหนังรุ่นเล็กของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค โดยกองกลางจอมเทคนิครายนี้เริ่มค้าแข้งกับยอดทีมแห่งบุนเดสลีกา เมื่อปี 1998 และก็อยู่โยงกับสโมสรแห่งนี้เรื่อยมา
ซึ่งหลังจากดันมิดฟิลด์ดาวรุ่งรายนี้ ขึ้นมาซ้อมร่วมกับผู้เล่นทีมเสือใต้ชุดใหญ่ อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ กุนซือทีมในขณะนั้นก็จัดการส่งดาวเตะวัยรุ่นลงเล่นในฐานะตัวสำรองเป็นเกมแรกในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2002 กับสโสโมสรเลนส์
โดยหลังจากนั้น บาสตี้ ก็ได้รับโอกาสจาก ฮิตซ์เฟลด์ เรื่อยมา มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่โอกาสจะอำนวย อย่างไรก็ตาม ในทีมเสือใต้ ภายใต้การคุมทัพของ เฟลิก มากัธ กุนซือคนใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อฤดูกาล 2004/2005 นักเตะวัย 22 ปี รายนี้ก็ระเบิดฟอร์มสุดยอด พร้อมกับคว้าตำแหน่งตัวจริงในสโมสรได้
ขณะที่ผลงานในนามทีมชาติ ชไวนี่ นั้นก้าวจากทีมชาติระดับอายุไม่เกิน 19 ปี ขึ้นมาอยู่ในชุดอายุไม่เกิน 21 ปี และฝีเท้าของยอดดาวรุ่งรายนี้ก็ไปสะดุดตา “เชฟเป็ด” รูดี้ โฟลเลอร์ กุนซือทีมชาติเยอรมนีในขณะนั้น จนถูกเรียกตัวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ไปลุยศึก ยูโร 2004 ที่โปรตุเกส
ถึงแม้ว่าผลงานของทีมชาติเยอรมนีในศึกยูโร 2004 จะไม่น่าประทับใจนัก เมื่อร่วงเพียงแค่รอบแรก แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชไวน์สไตเกอร์ ก็สามารถพัฒนาฝีเท้าได้อย่างน่าเกรงขาม จนกลายเป็น 1 ในขุนพลอินทรีเหล็กในยุค เจอร์เก้น คลินส์มันน์
ซึ่งนักเตะรายนี้มีจุดเด่นที่การสังหารฟรีคิก การทำประตูจากลูกยิงไกล และการจ่ายบอลที่เฉียบคม จนได้รับการยกย่องให้เป็น “นิว เอฟเฟ่” สเตฟาน เอฟเฟนแบร์ก คนใหม่ของวงการฟุตบอลอินทรีเหล็ก
ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ในบ้านเกิด แม้ว่า “ชไวนี่” จะโชว์ฟอร์มฝืดในรอบแรกๆ เนื่องจากถูกจับโยกเป็นเล่นทางริมเส้นฝั่งซ้าย ทั้งที่ตัวเองถนัดเท้าขวา แต่อย่างไรก็ตาม เพชรก็ยังเป็นเพชร เมื่อยอดมิดฟิลด์ดาวรุ่งรายนี้มาฉายแววเก่งในรอบชิงอันดับที่ 3 ด้วยผลงานการยิงถึง 2 ประตู และการผ่านบอลที่ทำให้กองหลังทีมชาติโปรตุเกสต้องสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง ทำให้ชื่อของดาวรุ่งรายนี้กลับมาได้รับการยกย่องอีกครั้งทางหน้าสื่อมวลชนเมืองเบียร์
**คลิก! ชมไฮไลต์ เยอรมัน อัด โปรตุเกส 3 -1 คว้าที่ 3 ฟุตบอลโลก 2006 (คืนวันที่ 8 ก.ค.)
(56k) | (256K)
ส่วนสูง 180 เซนติเมตร
น้ำหนัก 76 กิโลกรัม
ตำแหน่ง กองกลาง
สโมสรต้นสังกัด บาเยิร์น มิวนิค
ติดทีมชาตินัดแรก วันที่ 6 มิถุนายน 2004
เยอรมนี พบกับ ฮังการี
บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ หรือที่แฟนลูกหนังรู้จักกันในชื่อเล่นอย่าง “บาสตี้” หรือ ”ชไวนี่” เป็นนักฟุตบอลเยาวชนที่เติบโตมากับทีมลูกหนังรุ่นเล็กของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค โดยกองกลางจอมเทคนิครายนี้เริ่มค้าแข้งกับยอดทีมแห่งบุนเดสลีกา เมื่อปี 1998 และก็อยู่โยงกับสโมสรแห่งนี้เรื่อยมา
ซึ่งหลังจากดันมิดฟิลด์ดาวรุ่งรายนี้ ขึ้นมาซ้อมร่วมกับผู้เล่นทีมเสือใต้ชุดใหญ่ อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ กุนซือทีมในขณะนั้นก็จัดการส่งดาวเตะวัยรุ่นลงเล่นในฐานะตัวสำรองเป็นเกมแรกในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2002 กับสโสโมสรเลนส์
โดยหลังจากนั้น บาสตี้ ก็ได้รับโอกาสจาก ฮิตซ์เฟลด์ เรื่อยมา มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่โอกาสจะอำนวย อย่างไรก็ตาม ในทีมเสือใต้ ภายใต้การคุมทัพของ เฟลิก มากัธ กุนซือคนใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อฤดูกาล 2004/2005 นักเตะวัย 22 ปี รายนี้ก็ระเบิดฟอร์มสุดยอด พร้อมกับคว้าตำแหน่งตัวจริงในสโมสรได้
ขณะที่ผลงานในนามทีมชาติ ชไวนี่ นั้นก้าวจากทีมชาติระดับอายุไม่เกิน 19 ปี ขึ้นมาอยู่ในชุดอายุไม่เกิน 21 ปี และฝีเท้าของยอดดาวรุ่งรายนี้ก็ไปสะดุดตา “เชฟเป็ด” รูดี้ โฟลเลอร์ กุนซือทีมชาติเยอรมนีในขณะนั้น จนถูกเรียกตัวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ไปลุยศึก ยูโร 2004 ที่โปรตุเกส
ถึงแม้ว่าผลงานของทีมชาติเยอรมนีในศึกยูโร 2004 จะไม่น่าประทับใจนัก เมื่อร่วงเพียงแค่รอบแรก แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชไวน์สไตเกอร์ ก็สามารถพัฒนาฝีเท้าได้อย่างน่าเกรงขาม จนกลายเป็น 1 ในขุนพลอินทรีเหล็กในยุค เจอร์เก้น คลินส์มันน์
ซึ่งนักเตะรายนี้มีจุดเด่นที่การสังหารฟรีคิก การทำประตูจากลูกยิงไกล และการจ่ายบอลที่เฉียบคม จนได้รับการยกย่องให้เป็น “นิว เอฟเฟ่” สเตฟาน เอฟเฟนแบร์ก คนใหม่ของวงการฟุตบอลอินทรีเหล็ก
ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ในบ้านเกิด แม้ว่า “ชไวนี่” จะโชว์ฟอร์มฝืดในรอบแรกๆ เนื่องจากถูกจับโยกเป็นเล่นทางริมเส้นฝั่งซ้าย ทั้งที่ตัวเองถนัดเท้าขวา แต่อย่างไรก็ตาม เพชรก็ยังเป็นเพชร เมื่อยอดมิดฟิลด์ดาวรุ่งรายนี้มาฉายแววเก่งในรอบชิงอันดับที่ 3 ด้วยผลงานการยิงถึง 2 ประตู และการผ่านบอลที่ทำให้กองหลังทีมชาติโปรตุเกสต้องสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง ทำให้ชื่อของดาวรุ่งรายนี้กลับมาได้รับการยกย่องอีกครั้งทางหน้าสื่อมวลชนเมืองเบียร์
**คลิก! ชมไฮไลต์ เยอรมัน อัด โปรตุเกส 3 -1 คว้าที่ 3 ฟุตบอลโลก 2006 (คืนวันที่ 8 ก.ค.)
(56k) | (256K)