อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์หลังดวลจุดโทษชนะ ฝรั่งเศส 5-3 โดยใน 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพตราไก่ จบเส้นทางค้าแข้งไม่สวยเนื่องจากโดนใบแดงไล่ออกในช่วงต่อเวลา ในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี นัดชิงชนะเลิศ ณ โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในเมืองเบอร์ลิน
อิตาลี 1 - 1 ฝรั่งเศส (120 นาทีเสมอกัน 1-1 อิตาลี ชนะจุดโทษ 5-3)
อิตาลี แชมป์โลก 3 สมัยเกมนี้ยังไม่มี อเลสซานโดร เนสต้า กองหลังคนสำคัญเนื่องจากยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ส่วนนักเตะยังเป็นชุดเดิมทั้งหมดเหมือนในรอบรองชนะเลิศที่เอาชนะ เยอรมนี ด้าน ฝรั่งเศส อดีตแชมป์ในปี 1998 ใช้นักเตะชุดนี้ถือเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันเข้าให้แล้ว
เกมเริ่มมาได้แค่นาทีเดียว เธียร์รี่ อองรี กองหน้าของ ฝรั่งเศส ก็ลงไปกองกับพื้นหลังชนกับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ แต่ยังเล่นต่อไปไหว จากนั้นนาทีที่ 5 ใบเหลืองแรกก็ออกมาแต่หัววันโดยเป็นของ จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า ที่เติมขึ้นมาแล้วเสียบอลก่อนพุ่งไปเสียบใส่ ปาทริก วิเอร่า
แต่ในนาทีที่ 7 ฟลอร็องต์ มาลูด้า หลุดเข้าไปในเขตโทษแต่ว่าถูก มาร์โก มาเตรัซซี่ วิ่งเข้ามาสะกิดจากทางด้านหลังล้มลง กรรมการไม่รอช้าเป่าเป็นจุดโทษทันทีและเป็น ซีเนอดีน ซีดาน รับหน้าที่ชิปชนคานก่อนเด้งข้ามเส้นเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น ฝรั่งเศส นำ 1-0
นาทีที่ 11 วิลลี่ ซาญอล รับใบเหลืองไปเป็นคนที่สองของเกมนี้เมื่อพุ่งเข้าไปอัดใส่ ฟาบิโอ กรอสโซ่ แบบไม่ยั้ง อิตาลี ยังเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องนาทีที่ 19 อันเดรีย ปิร์โล่ เปิดลูกเตะมุมด้านขวาให้ มาร์โก มาเตรัซซี่ อาศัยความใหญ่โขกเข้าประตูไป อิตาลี ตีเสมอเป็น 1-1
ฝรั่งเศส ดูจะมีปัญหากับลูกเตะมุมเมื่อนาทีที่ 28 ปล่อยให้ มาเตรัซซี่ ได้โหม่งอีกครั้งดีที่ติดกองหลัง แต่ถัดมาอีก 7 นาที ปิร์โล่ คนเดิมเปิดเตะมุมด้านขวาให้กับ ลูก้า โทนี่ โหม่งแต่ว่าชนคานเต็มๆ ครบ 45 นาที อิตาลี เสมอกับ ฝรั่งเศส 1-1
ช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลังเป็น ฝรั่งเศส ที่เล่นได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดมีโอกาสหลุดเข้าไปลุ้นประตูหลายต่อหลายครั้งแต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินๆ จากนั้นนาทีที่ 57 ปาทริก วิเอร่า โชคร้ายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าต้องเปลี่ยนตัวออกและส่ง อาลู ดิยาร์ร่า ลงมาเล่นแทน
อิตาลี ตัดสินใจเปลี่ยนตัวนาที 60 หลังเกมสู้ไม่ได้โดยส่ง วินเซนโซ่ ยาควินต้า และ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ลงมาแทน ฟรานเชสโก้ ต็อตติ และ ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า ที่เล่นไม่ออก เกมรับของ อิตาลี ยังมีช่องนาทีที่ 63 อองรี หลุดไปดวลตัวต่อตัวกับ คันนาวาโร่ ก่อนเบี่ยงตัวยิงแต่ว่า บุฟฟ่อน เซฟเอาไว้ได้
เกมในช่วงครึ่งหลัง อิตาลี ตกเป็นรองโดยตลอดแต่ว่าเกมรับยังเหนียวแน่น แต่มีการเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 86 โดยส่ง อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่ ลงมาแทน เมาโร คาโมราเนซี่ ท้ายเกม ฝรั่งเศส ยังบุกหนักแต่ครบ 90 นาทียังเสมอกับ อิตาลี 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป 30 นาที
ฝรั่งเศส มีลุ้นประตูขึ้นนำในนาทีที่ 99 เมื่อ ริเบรี่ หลุดขึ้นมาทำชิ่งหนึ่งสองก่อนยิงเรียดเล่นทางผ่านมือ บุฟฟ่อน ไปแล้วแต่ว่าไม่ตรงกรอบ จากนั้นแฟนๆ ตราไก่ เฮลั่นเมื่อมีการเปลี่ยนตัวส่ง ดาวิด เทรเซเก้ต์ ลงมาแทน ริเบรี่ นาทีที่ 104 ฝรั่งเศส มีลุ้นจากการโหม่งคนเดียวของซีดาน แต่ว่า บุฟฟ่อน ปัดออกไปได้
นาทีที่ 106 ฝรั่งเศส เปลี่ยนตัวส่ง ซิลแวง วิลตอร์ ลงไปแทน อองรี เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 110 ซีดาน ปิดฉากไม่สวยงามเมื่อคุมอารมณ์ไม่อยู่ไปเอาหัวชนใส่อก มาเตรัซซี่ กรรมการควักใบแดงไล่ออกจากสนามไป ตราไก่ เหลือ 10 คน แต่ครบ 120 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินแชมป์ด้วยจุดโทษ
ปรากฏว่า อิตาลี ยิงเข้า 5 คนทั้ง อันเดรีย ปิร์โล่, มาเตรัซซี่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เดล ปิเอโร่ และ ฟาบิโอ กรอสโซ่ ส่วน ฝรั่งเศส เข้าแค่ 3 คนคือ ซิลแวง วิลเตอร์, เอริค อบิดัล และ วิลลี่ ซาญอล ส่วนคนที่พลาดคือ ดาวิด เทรเซเกต์ ทำให้ อิตาลี ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส 5-3 หลัง 120 นาทีเสมอกัน 1-1 คว้าแชมป์โลก 2006 ไปครอง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อิตาลี - จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, มาร์โก มาเตรัซซี่, ฟาบิโอ กรอสโซ่, อันเดรีย ปิร์โล่, เจนนาโร่ กัตตูโซ่, ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า, เมาโร คาโมราเนซี่, ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, ลูก้า โทนี่
ฝรั่งเศส - ฟาเบียง บาร์กเตซ, เอริค อบิดัล, วิลลี่ ซาญอล, ลิลิยอง ตูราม, วิลเลียม กัลล่าส์, ปาทริก วิเอร่า, โคล้ด มาเกเลเล่, ฟรองค์ ริเบรี่, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ซีเนอดีน ซีดาน, เธียร์รี่ อองรี
**คลิก! ชมไฮไลต์ประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก 2006 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ฝรั่งเศส - อิตาลี (คืนวันที่ 9 ก.ค.49)
(56k) | (256K)
ศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี นัดชิงชนะเลิศ ณ โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในเมืองเบอร์ลิน
อิตาลี 1 - 1 ฝรั่งเศส (120 นาทีเสมอกัน 1-1 อิตาลี ชนะจุดโทษ 5-3)
อิตาลี แชมป์โลก 3 สมัยเกมนี้ยังไม่มี อเลสซานโดร เนสต้า กองหลังคนสำคัญเนื่องจากยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ส่วนนักเตะยังเป็นชุดเดิมทั้งหมดเหมือนในรอบรองชนะเลิศที่เอาชนะ เยอรมนี ด้าน ฝรั่งเศส อดีตแชมป์ในปี 1998 ใช้นักเตะชุดนี้ถือเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันเข้าให้แล้ว
เกมเริ่มมาได้แค่นาทีเดียว เธียร์รี่ อองรี กองหน้าของ ฝรั่งเศส ก็ลงไปกองกับพื้นหลังชนกับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ แต่ยังเล่นต่อไปไหว จากนั้นนาทีที่ 5 ใบเหลืองแรกก็ออกมาแต่หัววันโดยเป็นของ จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า ที่เติมขึ้นมาแล้วเสียบอลก่อนพุ่งไปเสียบใส่ ปาทริก วิเอร่า
แต่ในนาทีที่ 7 ฟลอร็องต์ มาลูด้า หลุดเข้าไปในเขตโทษแต่ว่าถูก มาร์โก มาเตรัซซี่ วิ่งเข้ามาสะกิดจากทางด้านหลังล้มลง กรรมการไม่รอช้าเป่าเป็นจุดโทษทันทีและเป็น ซีเนอดีน ซีดาน รับหน้าที่ชิปชนคานก่อนเด้งข้ามเส้นเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น ฝรั่งเศส นำ 1-0
นาทีที่ 11 วิลลี่ ซาญอล รับใบเหลืองไปเป็นคนที่สองของเกมนี้เมื่อพุ่งเข้าไปอัดใส่ ฟาบิโอ กรอสโซ่ แบบไม่ยั้ง อิตาลี ยังเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องนาทีที่ 19 อันเดรีย ปิร์โล่ เปิดลูกเตะมุมด้านขวาให้ มาร์โก มาเตรัซซี่ อาศัยความใหญ่โขกเข้าประตูไป อิตาลี ตีเสมอเป็น 1-1
ฝรั่งเศส ดูจะมีปัญหากับลูกเตะมุมเมื่อนาทีที่ 28 ปล่อยให้ มาเตรัซซี่ ได้โหม่งอีกครั้งดีที่ติดกองหลัง แต่ถัดมาอีก 7 นาที ปิร์โล่ คนเดิมเปิดเตะมุมด้านขวาให้กับ ลูก้า โทนี่ โหม่งแต่ว่าชนคานเต็มๆ ครบ 45 นาที อิตาลี เสมอกับ ฝรั่งเศส 1-1
ช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลังเป็น ฝรั่งเศส ที่เล่นได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดมีโอกาสหลุดเข้าไปลุ้นประตูหลายต่อหลายครั้งแต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินๆ จากนั้นนาทีที่ 57 ปาทริก วิเอร่า โชคร้ายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าต้องเปลี่ยนตัวออกและส่ง อาลู ดิยาร์ร่า ลงมาเล่นแทน
อิตาลี ตัดสินใจเปลี่ยนตัวนาที 60 หลังเกมสู้ไม่ได้โดยส่ง วินเซนโซ่ ยาควินต้า และ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ลงมาแทน ฟรานเชสโก้ ต็อตติ และ ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า ที่เล่นไม่ออก เกมรับของ อิตาลี ยังมีช่องนาทีที่ 63 อองรี หลุดไปดวลตัวต่อตัวกับ คันนาวาโร่ ก่อนเบี่ยงตัวยิงแต่ว่า บุฟฟ่อน เซฟเอาไว้ได้
เกมในช่วงครึ่งหลัง อิตาลี ตกเป็นรองโดยตลอดแต่ว่าเกมรับยังเหนียวแน่น แต่มีการเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 86 โดยส่ง อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่ ลงมาแทน เมาโร คาโมราเนซี่ ท้ายเกม ฝรั่งเศส ยังบุกหนักแต่ครบ 90 นาทียังเสมอกับ อิตาลี 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป 30 นาที
ฝรั่งเศส มีลุ้นประตูขึ้นนำในนาทีที่ 99 เมื่อ ริเบรี่ หลุดขึ้นมาทำชิ่งหนึ่งสองก่อนยิงเรียดเล่นทางผ่านมือ บุฟฟ่อน ไปแล้วแต่ว่าไม่ตรงกรอบ จากนั้นแฟนๆ ตราไก่ เฮลั่นเมื่อมีการเปลี่ยนตัวส่ง ดาวิด เทรเซเก้ต์ ลงมาแทน ริเบรี่ นาทีที่ 104 ฝรั่งเศส มีลุ้นจากการโหม่งคนเดียวของซีดาน แต่ว่า บุฟฟ่อน ปัดออกไปได้
นาทีที่ 106 ฝรั่งเศส เปลี่ยนตัวส่ง ซิลแวง วิลตอร์ ลงไปแทน อองรี เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 110 ซีดาน ปิดฉากไม่สวยงามเมื่อคุมอารมณ์ไม่อยู่ไปเอาหัวชนใส่อก มาเตรัซซี่ กรรมการควักใบแดงไล่ออกจากสนามไป ตราไก่ เหลือ 10 คน แต่ครบ 120 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินแชมป์ด้วยจุดโทษ
ปรากฏว่า อิตาลี ยิงเข้า 5 คนทั้ง อันเดรีย ปิร์โล่, มาเตรัซซี่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เดล ปิเอโร่ และ ฟาบิโอ กรอสโซ่ ส่วน ฝรั่งเศส เข้าแค่ 3 คนคือ ซิลแวง วิลเตอร์, เอริค อบิดัล และ วิลลี่ ซาญอล ส่วนคนที่พลาดคือ ดาวิด เทรเซเกต์ ทำให้ อิตาลี ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส 5-3 หลัง 120 นาทีเสมอกัน 1-1 คว้าแชมป์โลก 2006 ไปครอง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อิตาลี - จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, มาร์โก มาเตรัซซี่, ฟาบิโอ กรอสโซ่, อันเดรีย ปิร์โล่, เจนนาโร่ กัตตูโซ่, ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า, เมาโร คาโมราเนซี่, ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, ลูก้า โทนี่
ฝรั่งเศส - ฟาเบียง บาร์กเตซ, เอริค อบิดัล, วิลลี่ ซาญอล, ลิลิยอง ตูราม, วิลเลียม กัลล่าส์, ปาทริก วิเอร่า, โคล้ด มาเกเลเล่, ฟรองค์ ริเบรี่, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ซีเนอดีน ซีดาน, เธียร์รี่ อองรี
**คลิก! ชมไฮไลต์ประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก 2006 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ฝรั่งเศส - อิตาลี (คืนวันที่ 9 ก.ค.49)
(56k) | (256K)
