การเดินทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006 ของทีมฝรั่งเศสอาจจะเป็นเรื่องเกินฝัน ก่อนหน้านี้หลายๆคนไม่เคยแม้แต่จะคิด แม้กระทั่งแฟนบอลตราไก่หรือเหล่านักเตะเอง แต่บัดนี้ทุกอย่างเป็นความจริงแล้ว เมื่อพวกเขาเล่นงานทีม “ฝอยทอง” โปรตุเกส จนกลายเป็นเพียง “ฝอยขัดหม้อ” ที่ยิงทีมตราไก่ยังไงก็ไม่ได้ประตู
ที่จริงเส้นทางของฝรั่งเศสเกือบจะจบตั้งแต่รอบคัดเลือก หากไม่ได้อัศวินขี่ม้าขาวอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่อุตส่าห์รวบรวมสมัครพรรคพวก Daddy’s Army หรือกองทัพรุ่นคุณพ่ออย่างตัวเขาเอง ลิลิยง ตูราม และ โคล้ด มาเกเลเล่ ที่ตัดสินใจอำลาทีมชาติกันไปหมดแล้ว ให้กลับมาช่วย “เลอ เบลอส์” อีกคำรบ

พอฝรั่งเศสได้ “ซิซู” กลับมาคุมทัพ องค์ประกอบของทีมดูดีขึ้นทันตาเห็น พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายสำเร็จ และเดินทางมาเยอรมนี โดยตั้งเป้าหมายจะล้างอายจากฟุตบอลโลก 2002 เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่พวกเขาตกรอบแรก แบบยิงประตูใครไม่ได้เลย
เมื่อการแข่งขันในรอบแรกเริ่มต้นขึ้นดูเหมือนฟอร์มลูกทีมของ เรย์มงด์ โดเมอเน็ค จะยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ แต่กุนซือมาดเนี๊ยบค่อยๆปรับค่อยๆจูนจนหาระบบที่ลงตัวให้กับทีมได้นั่นก็คือ 4-2-3-1 มีหัวหอกตัวเป้าคนเดียวนั่นก็คือ เธียร์รี่ อองรี
ระบบนี้ทำให้ ซีเนอดีน ซีดาน ยิ่งมีอิสระในการเล่นมากขึ้น เมื่อเขาได้ยืนสูงอยู่หลังหัวหอกอย่างอองรี และมีน้องหนุ่มๆคือปีกสองข้างคอยวิ่งไปเอาบอลอย่าง ฟร้องค์ ริเบรี่ และ ฟลอรองต์ มาลูด้า แถมยังมีมิดฟิลด์ตัวรับคอยรองบอลอีกสองคนนั่นก็คือ ปาทริค วิเอร่า และ โคล้ด มาเกเลเล่ ทำให้ “ซิซู” กลายเป็นซูเปอร์แมน รีเทิร์นส์ ที่กลับมาโชว์ฟอร์มผงาดได้อีกครั้ง หลังจากซบเซากับต้นสังกัด รีล มาดริด มาตลอดในช่วงหลัง
การคืนฟอร์มของซีดาน คือโชคดีของฝรั่งเศสที่กลายเป็นทีมอัศวินชุดขาว (ตั้งแต่รอบสองเป็นต้นมาตราไก่เลือกใส่ชุดขาวมาตลอด) เขี่ยทีมหินๆอย่าง สเปน, บราซิล และ โปรตุเกส ร่วงกันเป็นแถว แฟนๆตราไก่ได้ซู๊ดปาก เมื่อลีลาโยกคลึง ล็อคและคล้องบอลของซีดาน ที่เคยเห็นเจนตาในอดีตกลับมาอีกครั้ง
ถึงขนาด เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่ายังออกปากชมว่า ซีดาน คือนักเตะแห่งทัวร์นาเม้นต์นี้ และเราก็เชื่อด้วยว่า “ซิซู” คงไม่พลาดเป็น 1 ในดรีมทีมฟุตบอลโลกครั้งนี้จากการจัดของทุกสำนัก
นอกจากนั้น ฟลอรองต์ มาลูดา ปีกซ้ายเพื่อนร่วมทีม “ตราไก่” ยังตอกย้ำด้วยการออกโรงมายกย่อง ซีดานให้เป็นตัวนำโชคของทีม และระบุว่าเมื่อ ซีดาน เล่นดีเมื่อไร ทีมจะชนะเมื่อนั้น
แม้ฝรั่งเศส เปิดตัวในศึกฟุตบอลโลก 2006 ได้ไม่ดีนัก โดยต้องไปลุ้นหนักในนัดสุดท้ายของรอบแรกกับโตโก แต่ก็สามารถเอาชนะได้ 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีม สามารถเอาชนะสเปน 3-1 ต่อด้วยการคว่ำบราซิล 1-0 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเฉือนโปรตุเกส 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับอิตาลี โดยฟอร์มการเล่นในแต่ละนัดที่สุดยอดเพลย์เมกเกอร์ ซีเนอดีน ซีดาน ลงสนามสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น และมีส่วนในชัยชนะของทีมชาติฝรั่งเศสในหลายๆ นัด
“ซิซู เป็นผู้เล่นที่แสดงให้เห็นตลอด ว่า เราควรจะเล่นอย่างไร เขาเป็นผู้เล่นที่ไว้ใจได้ และเป็นผู้นำของพวกเรา เขาถือเป็นตัวนำโชคของทีม เวลาที่ซีดาน เล่นดี ฝรั่งเศสก็จะเล่นดีตามไปด้วย นั่นเป็นทั้งหมดที่ผมอยากจะยกย่องเขา” มาลูดา ทิ้งท้าย
สำหรับคู่ชิงชนะเลิศที่ฝรั่งเศสจะประฝีเท้าด้วยนั่นก็คืออิตาลี ซึ่งถือว่าเป็นคู่ชิงที่สมน้ำสมเนื้อเป็นอย่างยิ่ง โดยล่าสุด “ตราไก่” เคยฝากรอยแค้นให้กับทีม “อัซซูรี่” มาหมาดๆในนัดชิงฟุตบอลยูโร 2000 ที่ฝรั่งเศสคว้าชัยไปด้วยโกลเด้นโกลของ ดาวิด เทรเซเกต์
อิตาลีเอง ก็เป็นอีกทีมที่ไม่ได้รับการกะเก็งว่าจะเป็นแชมป์ก่อนทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มต้นขึ้นเช่นเดียวกัน ทีม “อัซซูรี่” ไม่ได้ติดอยู่เป็นทีมเต็งใน 4 อันดับแรกด้วยซ้ำ แต่แข่งไปแข่งมาเกิดยิ่งเล่นยิ่งดี
ขุนพลนักเตะแดนมะกะโรนี อิตาลี ทำศึกในฟุตบอลโลกรอบแรกอยู่ในสายอี ทำผลงานได้ค่อนข้างดีด้วยการ ชนะกานา 2-0, เสมอ อเมริกา 1-1 และชนะเช็ก 2-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพบกับออสเตรเลีย สามารถชนะได้ 1-0 จากนั้นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายพบกับ ยูเครนก็สามารถชนะไปได้อย่างท่วมท้น 3-0 ต่อด้วยการหักด่านเจ้าภาพเยอรมนี ในรอบรองชนะเลิศ 2-0 เข้าชิงชนะเลิศกับทีมชาติฝรั่งเศส ในวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคมนี้
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่ากองหลังอิตาลีซึ่งเหนียวแน่นขนาดกระเบื้องตราช้างยังอาย จะจัดการกับ ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพของทีม “ตราไก่” ได้อยู่หมัดหรือไม่ในนัดชิงฯ เพราะอย่างที่ ฟลอรองต์ มาลูด้า ได้กล่าวไปแล้วว่า ถ้าวันไหนซีดานเล่นดี ฝรั่งเศสทั้งทีมก็จะดีตามไปด้วย และหากเป็นเช่นนั้นจริงแฟนๆตราไก่ก็มีสิทธิ์ได้เฮ
ที่จริงเส้นทางของฝรั่งเศสเกือบจะจบตั้งแต่รอบคัดเลือก หากไม่ได้อัศวินขี่ม้าขาวอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน ที่อุตส่าห์รวบรวมสมัครพรรคพวก Daddy’s Army หรือกองทัพรุ่นคุณพ่ออย่างตัวเขาเอง ลิลิยง ตูราม และ โคล้ด มาเกเลเล่ ที่ตัดสินใจอำลาทีมชาติกันไปหมดแล้ว ให้กลับมาช่วย “เลอ เบลอส์” อีกคำรบ
พอฝรั่งเศสได้ “ซิซู” กลับมาคุมทัพ องค์ประกอบของทีมดูดีขึ้นทันตาเห็น พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายสำเร็จ และเดินทางมาเยอรมนี โดยตั้งเป้าหมายจะล้างอายจากฟุตบอลโลก 2002 เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่พวกเขาตกรอบแรก แบบยิงประตูใครไม่ได้เลย
เมื่อการแข่งขันในรอบแรกเริ่มต้นขึ้นดูเหมือนฟอร์มลูกทีมของ เรย์มงด์ โดเมอเน็ค จะยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ แต่กุนซือมาดเนี๊ยบค่อยๆปรับค่อยๆจูนจนหาระบบที่ลงตัวให้กับทีมได้นั่นก็คือ 4-2-3-1 มีหัวหอกตัวเป้าคนเดียวนั่นก็คือ เธียร์รี่ อองรี
ระบบนี้ทำให้ ซีเนอดีน ซีดาน ยิ่งมีอิสระในการเล่นมากขึ้น เมื่อเขาได้ยืนสูงอยู่หลังหัวหอกอย่างอองรี และมีน้องหนุ่มๆคือปีกสองข้างคอยวิ่งไปเอาบอลอย่าง ฟร้องค์ ริเบรี่ และ ฟลอรองต์ มาลูด้า แถมยังมีมิดฟิลด์ตัวรับคอยรองบอลอีกสองคนนั่นก็คือ ปาทริค วิเอร่า และ โคล้ด มาเกเลเล่ ทำให้ “ซิซู” กลายเป็นซูเปอร์แมน รีเทิร์นส์ ที่กลับมาโชว์ฟอร์มผงาดได้อีกครั้ง หลังจากซบเซากับต้นสังกัด รีล มาดริด มาตลอดในช่วงหลัง
การคืนฟอร์มของซีดาน คือโชคดีของฝรั่งเศสที่กลายเป็นทีมอัศวินชุดขาว (ตั้งแต่รอบสองเป็นต้นมาตราไก่เลือกใส่ชุดขาวมาตลอด) เขี่ยทีมหินๆอย่าง สเปน, บราซิล และ โปรตุเกส ร่วงกันเป็นแถว แฟนๆตราไก่ได้ซู๊ดปาก เมื่อลีลาโยกคลึง ล็อคและคล้องบอลของซีดาน ที่เคยเห็นเจนตาในอดีตกลับมาอีกครั้ง
ถึงขนาด เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่ายังออกปากชมว่า ซีดาน คือนักเตะแห่งทัวร์นาเม้นต์นี้ และเราก็เชื่อด้วยว่า “ซิซู” คงไม่พลาดเป็น 1 ในดรีมทีมฟุตบอลโลกครั้งนี้จากการจัดของทุกสำนัก
นอกจากนั้น ฟลอรองต์ มาลูดา ปีกซ้ายเพื่อนร่วมทีม “ตราไก่” ยังตอกย้ำด้วยการออกโรงมายกย่อง ซีดานให้เป็นตัวนำโชคของทีม และระบุว่าเมื่อ ซีดาน เล่นดีเมื่อไร ทีมจะชนะเมื่อนั้น
แม้ฝรั่งเศส เปิดตัวในศึกฟุตบอลโลก 2006 ได้ไม่ดีนัก โดยต้องไปลุ้นหนักในนัดสุดท้ายของรอบแรกกับโตโก แต่ก็สามารถเอาชนะได้ 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีม สามารถเอาชนะสเปน 3-1 ต่อด้วยการคว่ำบราซิล 1-0 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และเฉือนโปรตุเกส 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับอิตาลี โดยฟอร์มการเล่นในแต่ละนัดที่สุดยอดเพลย์เมกเกอร์ ซีเนอดีน ซีดาน ลงสนามสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น และมีส่วนในชัยชนะของทีมชาติฝรั่งเศสในหลายๆ นัด
“ซิซู เป็นผู้เล่นที่แสดงให้เห็นตลอด ว่า เราควรจะเล่นอย่างไร เขาเป็นผู้เล่นที่ไว้ใจได้ และเป็นผู้นำของพวกเรา เขาถือเป็นตัวนำโชคของทีม เวลาที่ซีดาน เล่นดี ฝรั่งเศสก็จะเล่นดีตามไปด้วย นั่นเป็นทั้งหมดที่ผมอยากจะยกย่องเขา” มาลูดา ทิ้งท้าย
สำหรับคู่ชิงชนะเลิศที่ฝรั่งเศสจะประฝีเท้าด้วยนั่นก็คืออิตาลี ซึ่งถือว่าเป็นคู่ชิงที่สมน้ำสมเนื้อเป็นอย่างยิ่ง โดยล่าสุด “ตราไก่” เคยฝากรอยแค้นให้กับทีม “อัซซูรี่” มาหมาดๆในนัดชิงฟุตบอลยูโร 2000 ที่ฝรั่งเศสคว้าชัยไปด้วยโกลเด้นโกลของ ดาวิด เทรเซเกต์
อิตาลีเอง ก็เป็นอีกทีมที่ไม่ได้รับการกะเก็งว่าจะเป็นแชมป์ก่อนทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มต้นขึ้นเช่นเดียวกัน ทีม “อัซซูรี่” ไม่ได้ติดอยู่เป็นทีมเต็งใน 4 อันดับแรกด้วยซ้ำ แต่แข่งไปแข่งมาเกิดยิ่งเล่นยิ่งดี
ขุนพลนักเตะแดนมะกะโรนี อิตาลี ทำศึกในฟุตบอลโลกรอบแรกอยู่ในสายอี ทำผลงานได้ค่อนข้างดีด้วยการ ชนะกานา 2-0, เสมอ อเมริกา 1-1 และชนะเช็ก 2-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพบกับออสเตรเลีย สามารถชนะได้ 1-0 จากนั้นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายพบกับ ยูเครนก็สามารถชนะไปได้อย่างท่วมท้น 3-0 ต่อด้วยการหักด่านเจ้าภาพเยอรมนี ในรอบรองชนะเลิศ 2-0 เข้าชิงชนะเลิศกับทีมชาติฝรั่งเศส ในวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคมนี้
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่ากองหลังอิตาลีซึ่งเหนียวแน่นขนาดกระเบื้องตราช้างยังอาย จะจัดการกับ ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพของทีม “ตราไก่” ได้อยู่หมัดหรือไม่ในนัดชิงฯ เพราะอย่างที่ ฟลอรองต์ มาลูด้า ได้กล่าวไปแล้วว่า ถ้าวันไหนซีดานเล่นดี ฝรั่งเศสทั้งทีมก็จะดีตามไปด้วย และหากเป็นเช่นนั้นจริงแฟนๆตราไก่ก็มีสิทธิ์ได้เฮ