เกิด 4 มิถุนายน 1985
ส่วนสูง 180 เซ็นติเมตร
น้ำหนัก 81 กิโลกรัม
ตำแหน่ง กองหน้า
สโมสรต้นสังกัด เอฟซี โคโลญจน์
ติดทีมชาตินัดแรก 6 มิถุนายน 2004 เยอรมนี พบ ฮังการี

ลูคัส โพโดลสกี้ ศูนย์หน้าดาวรุ่งวัย 21 ปี ของทีมชาติเยอรมนี ไม่ได้เป็นคนสัญชาติเยอรมันโดยกำเนิด หากแต่มีบ้านเกิดอยู่ที่ประเทศโปแลนด์ เช่นเดียวกับคู่หูในแดนหน้า มิโรสลาฟ โคลเซ่ แต่ครอบครัวได้โยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานบนแผ่นดินดอยช์ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์จึงได้รับสัญชาติเบียร์ในที่สุด
ทั้งนี้ "หนุ่มโพลดี้" ถือเป็นเด็กสร้างของสโมสร "แพะบ้า" โคโลญจน์ ด้วยผลงานการประเดิมสนามนัดแรกให้กับต้นสังกัดในปี 2003 และซัดได้ถึง 10 ประตู จากการลงสนาม 19 นัด แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ทีมรอดพ้นการตกชั้นในปี 2004 สู่ลีกา 2 และจากสถิตินี้เอง นับว่าเป็นสถิติการยิงประตูที่ดีที่สุดของนักเตะวัย 18 ปี ในประวัติศาสตร์ 43 ปี ของวงการฟุตบอลเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม โพโดลสกี้ ก็สามารถพาทีม "แพะบ้า" กลับสู่บุนเดสลีกาได้อีกครั้งในฤดูกาล 2005 ด้วยผลงานการซัดประตูไปถึง 24 ประตู จากผลงานการซัลโวอย่างต่อเนื่องนี่เอง ทำให้ชื่อของ ลูคัส โพโดลสกี้ ได้รับความสนใจจาก รูดี้ โฟลเลอร์ กุนซือทีม "อินทรีเหล็ก" เรียกไปติดธงชาติเป็นครั้งแรกในวัย 19 ปี โดยถือเป็นนักเตะคนแรกที่ยังเล่นอยู่ในลีกา 2 แล้วถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมัน นับตั้งแต่ปี 1975 เป็นต้นมา
สำหรับสถิติการทำประตูของ โพโดลสกี้ ในสีเสื้อทีมชาตินั้น ทำไปแล้ว 10 ประตู จากการลงเล่น 20 นัด ซึ่งดาวรุ่งรายนี้สามารถแจ้งเกิดได้จากทัวร์นาเม้นท์ คอนเฟรเดอเรชั่น คัพ 2005 ที่เยอรมนี ซึ่ง "โพลดี้" สามารถทำได้ 3 ประตู
นอกจากนี้ โพโดลสกี้ ยังได้รับฉายา "ปริ้นซ์ โพลดี้" ในวัย 20 ปี ได้รับการขนานนามจากสื่อมวลชนและผู้คนในแวดวงฟุตบอลเยอรมันว่ามีฝีเท้าเทียบเท่ากับ โยฮัน ครัฟฟ์, ไรอัน กิ๊กส์ และ เวย์น รูนี่ย์ เนื่องจากสถิติการทำประตูที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง
สำหรับผลงานในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2006 บนแผ่นดินเยอรมัน โพโดลสกี้ ลงเล่นไปแล้ว 4 นัด พร้อมกับซัดไป 3 ประตู โดย 2 ประตู เกิดขึ้นในเกมที่ทีมอินทรีเหล็กเอาชนะ สวีเดน ได้ในรอบ 2 พร้อมพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบกับอาร์เจนติน่า ในวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2549
การถล่มประตูของ โพลดี้ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้สร้างความสนใจให้กับทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป อาทิ บาร์เซโลน่า และ รีล มาดริด อย่างไรก็ตาม เต็ง 1 ที่จะคว้าตัวยอดหัวหอกรายนี้ยังคงเป็นยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีกาอย่าง บาเยิร์น มิวนิค นั่นเอง โดยหนุ่มน้อยเลือดโปลก็ได้ออกมาแย้มพรายให้ได้ทราบกันแล้วว่ารักทีมเสือใต้สุดหัวใจ แต่คงต้องรอให้จบฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปก่อนที่จะดำเนินการย้ายทีมกันต่อไป
นอกจากนี้ "ปริ้นซ์ โพลดี้" ยังมีโอกาสคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเม้นท์นี้อีกด้วย เมื่อซัดไปแล้ว 3 ประตู เท่ากับ เฟอร์นันโด ตอร์เรส จากสเปน, เฮอร์นัน เครสโป และ มักซี่ โรดิเกวซ จากอาร์เจนติน่าแต่ก็ยังเป็นรอง "ไมโร" มิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวยิงเพื่อนร่วมชาติที่นำเดี่ยว 4 ประตู
ส่วนสูง 180 เซ็นติเมตร
น้ำหนัก 81 กิโลกรัม
ตำแหน่ง กองหน้า
สโมสรต้นสังกัด เอฟซี โคโลญจน์
ติดทีมชาตินัดแรก 6 มิถุนายน 2004 เยอรมนี พบ ฮังการี
ลูคัส โพโดลสกี้ ศูนย์หน้าดาวรุ่งวัย 21 ปี ของทีมชาติเยอรมนี ไม่ได้เป็นคนสัญชาติเยอรมันโดยกำเนิด หากแต่มีบ้านเกิดอยู่ที่ประเทศโปแลนด์ เช่นเดียวกับคู่หูในแดนหน้า มิโรสลาฟ โคลเซ่ แต่ครอบครัวได้โยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานบนแผ่นดินดอยช์ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์จึงได้รับสัญชาติเบียร์ในที่สุด
ทั้งนี้ "หนุ่มโพลดี้" ถือเป็นเด็กสร้างของสโมสร "แพะบ้า" โคโลญจน์ ด้วยผลงานการประเดิมสนามนัดแรกให้กับต้นสังกัดในปี 2003 และซัดได้ถึง 10 ประตู จากการลงสนาม 19 นัด แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ทีมรอดพ้นการตกชั้นในปี 2004 สู่ลีกา 2 และจากสถิตินี้เอง นับว่าเป็นสถิติการยิงประตูที่ดีที่สุดของนักเตะวัย 18 ปี ในประวัติศาสตร์ 43 ปี ของวงการฟุตบอลเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม โพโดลสกี้ ก็สามารถพาทีม "แพะบ้า" กลับสู่บุนเดสลีกาได้อีกครั้งในฤดูกาล 2005 ด้วยผลงานการซัดประตูไปถึง 24 ประตู จากผลงานการซัลโวอย่างต่อเนื่องนี่เอง ทำให้ชื่อของ ลูคัส โพโดลสกี้ ได้รับความสนใจจาก รูดี้ โฟลเลอร์ กุนซือทีม "อินทรีเหล็ก" เรียกไปติดธงชาติเป็นครั้งแรกในวัย 19 ปี โดยถือเป็นนักเตะคนแรกที่ยังเล่นอยู่ในลีกา 2 แล้วถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมัน นับตั้งแต่ปี 1975 เป็นต้นมา
สำหรับสถิติการทำประตูของ โพโดลสกี้ ในสีเสื้อทีมชาตินั้น ทำไปแล้ว 10 ประตู จากการลงเล่น 20 นัด ซึ่งดาวรุ่งรายนี้สามารถแจ้งเกิดได้จากทัวร์นาเม้นท์ คอนเฟรเดอเรชั่น คัพ 2005 ที่เยอรมนี ซึ่ง "โพลดี้" สามารถทำได้ 3 ประตู
นอกจากนี้ โพโดลสกี้ ยังได้รับฉายา "ปริ้นซ์ โพลดี้" ในวัย 20 ปี ได้รับการขนานนามจากสื่อมวลชนและผู้คนในแวดวงฟุตบอลเยอรมันว่ามีฝีเท้าเทียบเท่ากับ โยฮัน ครัฟฟ์, ไรอัน กิ๊กส์ และ เวย์น รูนี่ย์ เนื่องจากสถิติการทำประตูที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง
สำหรับผลงานในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2006 บนแผ่นดินเยอรมัน โพโดลสกี้ ลงเล่นไปแล้ว 4 นัด พร้อมกับซัดไป 3 ประตู โดย 2 ประตู เกิดขึ้นในเกมที่ทีมอินทรีเหล็กเอาชนะ สวีเดน ได้ในรอบ 2 พร้อมพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบกับอาร์เจนติน่า ในวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2549
การถล่มประตูของ โพลดี้ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้สร้างความสนใจให้กับทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป อาทิ บาร์เซโลน่า และ รีล มาดริด อย่างไรก็ตาม เต็ง 1 ที่จะคว้าตัวยอดหัวหอกรายนี้ยังคงเป็นยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีกาอย่าง บาเยิร์น มิวนิค นั่นเอง โดยหนุ่มน้อยเลือดโปลก็ได้ออกมาแย้มพรายให้ได้ทราบกันแล้วว่ารักทีมเสือใต้สุดหัวใจ แต่คงต้องรอให้จบฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปก่อนที่จะดำเนินการย้ายทีมกันต่อไป
นอกจากนี้ "ปริ้นซ์ โพลดี้" ยังมีโอกาสคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเม้นท์นี้อีกด้วย เมื่อซัดไปแล้ว 3 ประตู เท่ากับ เฟอร์นันโด ตอร์เรส จากสเปน, เฮอร์นัน เครสโป และ มักซี่ โรดิเกวซ จากอาร์เจนติน่าแต่ก็ยังเป็นรอง "ไมโร" มิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวยิงเพื่อนร่วมชาติที่นำเดี่ยว 4 ประตู