“ทีมจากแดนฝอยทอง” โปรตุเกส อาศัยประตูชัยของ มานิเช่ ริเบโร่ ในครึ่งแรกเฉือนชนะ “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ ไปได้ 1-0 ในเกมที่ทั้งสองทีมเหลือผู้เล่นฝั่งละ 9 คน พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2006 ไปพบกับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ
ศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ฮอลแลนด์ 0-1 โปรตุเกส
มาร์โก แวน บาสเท่น มีการปรับทัพเพียงตำแหน่งเดียวให้ทัพ “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ โดยถอด รุด ฟาน นิสเตลรอย ออกจากทีมชุดตัวจริงพร้อมกับส่ง เดิร์ก ไคท์ ลงยืนเป็นกองหน้าเป้าและจะได้รับการสนับสนุนเกมรุกจากทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ และอาร์เยน ร็อบเบน ส่วนในเกมรับ คาลิด บูลาห์รูซ ลงประจำการในตำแหน่งแบ็กขวาหลังจากทำผลงานได้ดีในเกมนัดสุดท้ายรอบแรก
ด้าน หลุยส์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ กลับมาใช้ 11 ผู้เล่นตัวจริงชุดใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่นัดสุดท้ายรอบแรกมีการพักไปหลายตัว เกมนี้สภาพทีมโปรตุเกสถือว่าสมบูรณ์ทีเดียว ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ คอยค้ำแดนหลัง โดยแดนกลางอาศัยการปั้นเกมของ เดโก้ ซูซ่า ซึ่งมีทีเด็ดในลูกยิงจากแถวสองด้วย ส่วนเกมรุก หลุยส์ ฟิโก้ กัปตันทีมจะคอยปั้นเกมร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อให้ เปโดร เปาเลต้า ลุ้นทำประตู
เริ่มเกมการแข่งขันไปนาทีเศษการต่อบอลอันยอดเยี่ยมของฮอลแลนด์ เกือบนำมาซึ่งประตูขึ้นนำ แต่ลูกยิงจากนอกกรอบเขตโทษของ มาร์ค ฟาน บอมเมล หลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น โอกาสในช่วง 5 นาทีแรกยังเป็นของอัศวินสีส้ม โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สท์ ได้ลองยิงฟรีคิกไกลแต่ ริคาร์โด้ ปาไรร่า ยังรับเอาไว้ได้
15 นาทีผ่านไป โปรตุเกส เริ่มครองบอลได้บ้างโดยพยายามให้ เดโก้ ซูซ่า ขึ้นเกมคอยแจกซ้ายออกขวาให้กับทั้ง หลุยส์ ฟิโก้ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ก็ยังไม่สามารถฝากบอลไปให้ เปโดร เปาเลต้า ลุ้นสกอร์ แต่มาถึงนาทีที่ 23 โปรตุเกส ก็มาได้ประตูนำ 1-0 จากการประสานงานอันยอดเยี่ยมเริ่มจาก โรนัลโด้ แทงออกขวาให้ เดโก้ เปิดเข้ากลาง เปาเลต้า แตะคืนหลังให้ มานิเช่ ริเบร่ แตะหนึ่งจังหวะก่อนอัดด้วยขวาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม
ผ่านครึ่งชั่วโมง หลุยส์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ ต้องทำการเปลี่ยนเอา โรนัลโด้ ที่โดนยันจนบาดเจ็บบริเวณต้นขาออกจากสนามพร้อมกับส่ง ซิเมา ซาโบรซ่า ลงมากระชากลากเลื้อยแทน นาทีที่ 36 ฮอลแลนด์ เกือบได้ประตูตีเสมอเมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ อาศัยความสามารถเฉพาะตัวล็อกในเขตโทษก่อนดีดด้วยซ้ายบอลหลุดเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วงท้าย ฮอลแลนด์ ทำเกมบุกอยู่ดีๆ เกือบจะโดนเล่นงานจากจังหวะสวนกลับของโปรตุเกสเมื่อ มานิเช่ สาดบอลไปให้ ซิเมา เลี้ยงไปทางขวาก่อนตบเข้ากลางให้ เปาเลต้า ยิงเร็วดีที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ซึ่งลงสนามในนามทีมชาติเป็นนัดที่ 113 ใช้เท้าสกัดพ้นอันตรายไปได้ แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ฮอลแลนด์ มามีผู้เล่นได้เปรียบหนึ่งคนเมื่อ ฟรานซิสโก้ คอสตินญ่า ไปโดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม แต่จบ 45 นาทีแรกทีมฝอยทองยังรักษาสกอร์นำไว้ได้
เปิดฉากครึ่งหลัง สโคลารี่ จำเป็นต้องแก้เกมเพราะโปรตุเกสเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน จึงส่งเอา อาร์มันโด้ เปอตีย์ ไปช่วยตัดเกมแดนกลางและก็ลงทุนถอด เปาเลต้า ออกไปทำให้ทีมฝอยทองไม่มีตัวเป้าไว้ใช้งานต้องให้ ฟิโก้ และซิเมา คอยเติมขึ้นไปป่วนเกมรับดัตช์ แต่เป็นฮอลแลนด์ ที่เริ่มขึงเกมบุก ร็อบเบน ได้เปิดจากฝั่งซ้ายเข้ากลาง เดิร์ก ไคท์ เข้าไม่ถึงแต่เป็น ฟิลิป โคคู ได้วอลเล่ย์แต่บอลดันพุ่งไปชนคานเต็มๆ
ขุนพลแข้งอัศวินสีส้มยังคงเดินหน้าบุกเป็นการใหญ่ ฟาน บอมเมล ได้ลองยิงไกลแต่ ริคาร์โด้ ปัดบอลพ้นเสาไปได้อย่างหวุดหวิด ผ่านไปสิบนาที มาร์โก แวน บาสเท่น เห็นว่าโปรตุเกสมีตัวรุกค่อนข้างน้อยเลยจัดการถอด มาไธจ์เซ่น ออกพร้อมกับเติม ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่เป็นกองกลางตัวปั้นเกมลงไปช่วยเกมบุก แต่มาถึงหนึ่งชั่วโมง โปรตุเกสได้ฟรีคิกระยะทำการ ซิเมา ปั่นบอลเฉียดคานไปนิดเดียว
เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 63 ความได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่นของฮอลแลนด์หมดไปเมื่อ บูลาห์รูซ ไปชักศอกใส่หน้า ฟิโก้ ทำให้ วาเลนติน อิวานอฟ ผู้ตัดสินจากรัสเซีย ชักใบเหลือง-แดงไล่กองหลังดัตช์ออกจากสนามไป ทำให้ แวน บาสเท่น ต้องแก้เกมอีกหนส่งเอา จอห์นนี่ ไฮติงก้า ซึ่งเป็นกองหลังไปเล่นแทน ฟาน บอมเมล
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เกมเริ่มจะเดือด เชิ้ตดำจากแดนหมีขาวต้องควักใบเหลืองแจกนักเตะทั้งสองฝ่ายระนาว และในที่สุด เดโก้ ซึ่งพยายามไปถ่วงเวลามาโดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนามทำให้ โปรตุเกส เหลือผู้เล่นในสนามแค่ 9 คน และฮอลแลนด์ก็เกือบได้ประตูเมื่อ ไคท์ ไม่ล้ำหน้าแต่จังหวะจะไปถึงบอลโดน ริคาร์โด้ พุ่งตัวมาเคลียร์บอลไปได้ก่อน
ช่วงท้าย ไคท์ ได้หมุนตัวสะบัดเกือกยิงแต่ก็ไปตรงตัว ริคาร์โด้ จนแล้วจนรอดหลังต่อเวลาบาดเจ็บไป 6 นาที ผู้ตัดสินยังมาแจกเหลือง-แดงไล่ ฟาน บรองฮอร์สท์ ออกไป และก็เป่านกหวีดจบเกมการแข่งขัน โปรตุเกส รักษาสกอร์เอาชนะ ฮอลแลนด์ ไปได้ 1-0 พร้อมกับผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายโดยจะพบกับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ในคืนวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม ที่เกลเซ่นเคียร์เช่น ต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฮอลแลนด์ : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , คาลิด บูลาห์รูซ , อังเดร ออยเยอร์ , โยริส มาไธจ์เซ่น , โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สท์ , เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ , มาร์ค ฟาน บอมเมล , ฟิลิป โคคู , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ , เดิร์ก ไคท์ , อาร์เยน ร็อบเบน
โปรตุเกส : ริคาร์โด้ ปาไรร่า , มิเกล มอนเตโร่ , เฟอร์นานโด ไมร่า , ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ , นูโน่ วาเลนเต้ , มานิเช่ ริเบโร่ , ฟรานซิสโก้ คอสตินญ่า , หลุยส์ ฟิโก้ , เดโก้ ซูซ่า , คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , เปโดร เปาเลต้า
**คลิก! เพื่อชมวิดีโอคลิป ผลการแข่งขัน คู่ อังกฤษ-เอกวาดอร์ และ โปรตุเกส – เนเธอร์แลนด์
(56k) | (256K)
ศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ฮอลแลนด์ 0-1 โปรตุเกส
มาร์โก แวน บาสเท่น มีการปรับทัพเพียงตำแหน่งเดียวให้ทัพ “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ โดยถอด รุด ฟาน นิสเตลรอย ออกจากทีมชุดตัวจริงพร้อมกับส่ง เดิร์ก ไคท์ ลงยืนเป็นกองหน้าเป้าและจะได้รับการสนับสนุนเกมรุกจากทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ และอาร์เยน ร็อบเบน ส่วนในเกมรับ คาลิด บูลาห์รูซ ลงประจำการในตำแหน่งแบ็กขวาหลังจากทำผลงานได้ดีในเกมนัดสุดท้ายรอบแรก
ด้าน หลุยส์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ กลับมาใช้ 11 ผู้เล่นตัวจริงชุดใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่นัดสุดท้ายรอบแรกมีการพักไปหลายตัว เกมนี้สภาพทีมโปรตุเกสถือว่าสมบูรณ์ทีเดียว ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ คอยค้ำแดนหลัง โดยแดนกลางอาศัยการปั้นเกมของ เดโก้ ซูซ่า ซึ่งมีทีเด็ดในลูกยิงจากแถวสองด้วย ส่วนเกมรุก หลุยส์ ฟิโก้ กัปตันทีมจะคอยปั้นเกมร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อให้ เปโดร เปาเลต้า ลุ้นทำประตู
เริ่มเกมการแข่งขันไปนาทีเศษการต่อบอลอันยอดเยี่ยมของฮอลแลนด์ เกือบนำมาซึ่งประตูขึ้นนำ แต่ลูกยิงจากนอกกรอบเขตโทษของ มาร์ค ฟาน บอมเมล หลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น โอกาสในช่วง 5 นาทีแรกยังเป็นของอัศวินสีส้ม โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สท์ ได้ลองยิงฟรีคิกไกลแต่ ริคาร์โด้ ปาไรร่า ยังรับเอาไว้ได้
15 นาทีผ่านไป โปรตุเกส เริ่มครองบอลได้บ้างโดยพยายามให้ เดโก้ ซูซ่า ขึ้นเกมคอยแจกซ้ายออกขวาให้กับทั้ง หลุยส์ ฟิโก้ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ก็ยังไม่สามารถฝากบอลไปให้ เปโดร เปาเลต้า ลุ้นสกอร์ แต่มาถึงนาทีที่ 23 โปรตุเกส ก็มาได้ประตูนำ 1-0 จากการประสานงานอันยอดเยี่ยมเริ่มจาก โรนัลโด้ แทงออกขวาให้ เดโก้ เปิดเข้ากลาง เปาเลต้า แตะคืนหลังให้ มานิเช่ ริเบร่ แตะหนึ่งจังหวะก่อนอัดด้วยขวาส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม
ผ่านครึ่งชั่วโมง หลุยส์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ ต้องทำการเปลี่ยนเอา โรนัลโด้ ที่โดนยันจนบาดเจ็บบริเวณต้นขาออกจากสนามพร้อมกับส่ง ซิเมา ซาโบรซ่า ลงมากระชากลากเลื้อยแทน นาทีที่ 36 ฮอลแลนด์ เกือบได้ประตูตีเสมอเมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ อาศัยความสามารถเฉพาะตัวล็อกในเขตโทษก่อนดีดด้วยซ้ายบอลหลุดเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วงท้าย ฮอลแลนด์ ทำเกมบุกอยู่ดีๆ เกือบจะโดนเล่นงานจากจังหวะสวนกลับของโปรตุเกสเมื่อ มานิเช่ สาดบอลไปให้ ซิเมา เลี้ยงไปทางขวาก่อนตบเข้ากลางให้ เปาเลต้า ยิงเร็วดีที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ซึ่งลงสนามในนามทีมชาติเป็นนัดที่ 113 ใช้เท้าสกัดพ้นอันตรายไปได้ แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ฮอลแลนด์ มามีผู้เล่นได้เปรียบหนึ่งคนเมื่อ ฟรานซิสโก้ คอสตินญ่า ไปโดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม แต่จบ 45 นาทีแรกทีมฝอยทองยังรักษาสกอร์นำไว้ได้
เปิดฉากครึ่งหลัง สโคลารี่ จำเป็นต้องแก้เกมเพราะโปรตุเกสเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน จึงส่งเอา อาร์มันโด้ เปอตีย์ ไปช่วยตัดเกมแดนกลางและก็ลงทุนถอด เปาเลต้า ออกไปทำให้ทีมฝอยทองไม่มีตัวเป้าไว้ใช้งานต้องให้ ฟิโก้ และซิเมา คอยเติมขึ้นไปป่วนเกมรับดัตช์ แต่เป็นฮอลแลนด์ ที่เริ่มขึงเกมบุก ร็อบเบน ได้เปิดจากฝั่งซ้ายเข้ากลาง เดิร์ก ไคท์ เข้าไม่ถึงแต่เป็น ฟิลิป โคคู ได้วอลเล่ย์แต่บอลดันพุ่งไปชนคานเต็มๆ
ขุนพลแข้งอัศวินสีส้มยังคงเดินหน้าบุกเป็นการใหญ่ ฟาน บอมเมล ได้ลองยิงไกลแต่ ริคาร์โด้ ปัดบอลพ้นเสาไปได้อย่างหวุดหวิด ผ่านไปสิบนาที มาร์โก แวน บาสเท่น เห็นว่าโปรตุเกสมีตัวรุกค่อนข้างน้อยเลยจัดการถอด มาไธจ์เซ่น ออกพร้อมกับเติม ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่เป็นกองกลางตัวปั้นเกมลงไปช่วยเกมบุก แต่มาถึงหนึ่งชั่วโมง โปรตุเกสได้ฟรีคิกระยะทำการ ซิเมา ปั่นบอลเฉียดคานไปนิดเดียว
เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 63 ความได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่นของฮอลแลนด์หมดไปเมื่อ บูลาห์รูซ ไปชักศอกใส่หน้า ฟิโก้ ทำให้ วาเลนติน อิวานอฟ ผู้ตัดสินจากรัสเซีย ชักใบเหลือง-แดงไล่กองหลังดัตช์ออกจากสนามไป ทำให้ แวน บาสเท่น ต้องแก้เกมอีกหนส่งเอา จอห์นนี่ ไฮติงก้า ซึ่งเป็นกองหลังไปเล่นแทน ฟาน บอมเมล
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เกมเริ่มจะเดือด เชิ้ตดำจากแดนหมีขาวต้องควักใบเหลืองแจกนักเตะทั้งสองฝ่ายระนาว และในที่สุด เดโก้ ซึ่งพยายามไปถ่วงเวลามาโดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนามทำให้ โปรตุเกส เหลือผู้เล่นในสนามแค่ 9 คน และฮอลแลนด์ก็เกือบได้ประตูเมื่อ ไคท์ ไม่ล้ำหน้าแต่จังหวะจะไปถึงบอลโดน ริคาร์โด้ พุ่งตัวมาเคลียร์บอลไปได้ก่อน
ช่วงท้าย ไคท์ ได้หมุนตัวสะบัดเกือกยิงแต่ก็ไปตรงตัว ริคาร์โด้ จนแล้วจนรอดหลังต่อเวลาบาดเจ็บไป 6 นาที ผู้ตัดสินยังมาแจกเหลือง-แดงไล่ ฟาน บรองฮอร์สท์ ออกไป และก็เป่านกหวีดจบเกมการแข่งขัน โปรตุเกส รักษาสกอร์เอาชนะ ฮอลแลนด์ ไปได้ 1-0 พร้อมกับผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายโดยจะพบกับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ในคืนวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม ที่เกลเซ่นเคียร์เช่น ต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฮอลแลนด์ : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , คาลิด บูลาห์รูซ , อังเดร ออยเยอร์ , โยริส มาไธจ์เซ่น , โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สท์ , เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ , มาร์ค ฟาน บอมเมล , ฟิลิป โคคู , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ , เดิร์ก ไคท์ , อาร์เยน ร็อบเบน
โปรตุเกส : ริคาร์โด้ ปาไรร่า , มิเกล มอนเตโร่ , เฟอร์นานโด ไมร่า , ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ , นูโน่ วาเลนเต้ , มานิเช่ ริเบโร่ , ฟรานซิสโก้ คอสตินญ่า , หลุยส์ ฟิโก้ , เดโก้ ซูซ่า , คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , เปโดร เปาเลต้า
**คลิก! เพื่อชมวิดีโอคลิป ผลการแข่งขัน คู่ อังกฤษ-เอกวาดอร์ และ โปรตุเกส – เนเธอร์แลนด์
(56k) | (256K)
