ผวาฟอร์ม“กระทิงดุ”ตูนีเซียต้านไม่อยู่แน่

ถึงเวลานี้ใครก็ต้องหวาดผวาฟอร์มของ สเปน เมื่อออกสตาร์ทด้วยการถล่ม ยูเครน แบบไม่มีชิ้นดี 4-0 โดยในวันจันทร์ที่ 19 มิถุนายนนี้ "กระทิงดุ" มีคิวต้องอวดฝีเท้าในนัดที่สองของรอบแบ่งกลุ่มๆ เอช พบกับ ตูนีเซีย ในเวลาตี 2 ของบ้านเรา ณ ฟริตซ์ วอลเตอร์ สตาดิโอน ในเมืองโคโลญจน์ ซึ่งหากไม่พลิกโผก็จะลอยลำเข้ารอบสองทันที

แม้ก่อนหน้านี้ สเปน จะมีฉายาว่า "หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม" แต่ทีมที่อัดแน่นไปด้วยบรรดานักเตะเลือดใหม่ที่ค่อนข้างกระหายในความสำเร็จรวมถึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ ทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในทีมที่น่ากลัวในฟุตบอลโลกหนนี้ไปในทันที หลังเกมที่ไล่ยำ ยูเครน หลุยส์ การ์เซีย มิดฟิลด์จากค่าย ลิเวอร์พูล ถึงกับออกมาคำรามลั่นจะขอลบคำปรามาสเดิมๆ ที่หลายคนเคยตราหน้าเอาไว้ให้ได้

ตลอดระยะเวลา 56 ปีที่ผ่านมา สเปน ผ่านศึกฟุตบอลโลกมาแล้ว 9 ครั้ง แต่ไม่เคยผ่านรอบ 8 ทีมสุดท้ายเลย ผลงานที่ดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 4 ในปี 1950 เกมนัดนี้กุนซือ หลุยส์ อราโกเญส แทบไม่มีปัญหาในการเลือกตัวผู้เล่นลงสนามและน่าจะใช้นักเตะชุดเดิมทั้งหมดโดยเน้นในระบบ 4-3-3

ในแนวรุก ดาวิด บีญ่า ที่ฟอร์มสุดร้อนแรงในนัดแรกเหมาคนเดียวสองประตูจะเบียด ราอูล กอนซาเลซ ลงสนามต่อไป โดยจะยืนอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า เฟร์นานโด ตอร์เรส เช่นเดียวกับ หลุยส์ การ์เซีย ส่วนห้องเครื่อง 3 คนจะเป็นหน้าที่ของ ซาบี้ อลอนโซ่, ซาบี้ เฮอร์นานเดส และ มาร์กอส เซนน่า

สเปน มีสถิติที่สุดยอดไม่แพ้ถึง 23 เกม นัดสุดท้ายที่ปราชัยต้องย้อนไปในเดือนมิถุนายนปี 2004 ต่อ โปรตุเกส ในศึก ยูโร แต่หากจะนับเฉพาะในฟุตบอลโลกพวกเขาไม่แพ้ใน 8 เกมหลังสุด โดยเป็นการคว้าชัยถึง 5 นัดและเสมอ 3 นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของสถิติไม่แพ้ติดต่อกันยาวนานที่สุด 13 นัดเท่ากับ บราซิล อีกด้วย

ด้าน ตูนีเซีย ผ่านศึกฟุตบอลโลกมาแล้ว 3 ครั้งๆ แรกเกิดขึ้นในปี 1978 แต่ก็ยังควานหาชัยชนะไม่เจอแม้แต่ครั้งเดียวทำให้ตกรอบแรกแบบเรียบวุธมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามปีนี้พวกเขาถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีกุนซือนามว่า โรเช่ร์ เลอแมร์ ที่เคยสร้างชื่อด้วยการพา ฝรั่งเศส คว้าแชมป์โลก ยูโร ในปี 2000 รวมถึงพา "อินทรีแห่งคาร์เธจ" ซิวแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ในปี 2004

ถึงกระนั้นก็ตาม เลอแมร์ เคยมีฝันร้ายทำ ฝรั่งเศส ตกรอบแรกในศึกฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แบบปราศจากชัยชนะรวมถึงประตู ด้วยการแพ้ เซเนกัล และ เดนมาร์ก รวมถึงเสมอ อุรุกวัย ทำให้ต้องโบกมือลาแบบไม่สวยงามนัก

ตูนีเซีย ลงสนามนัดแรกไปแล้วซึ่งก็รอดพ้นความปราชัยมาแบบหวุดหวิดเมื่อเป็นฝ่ายไล่ตามตีเสมอ ซาอุดิ อาระเบีย แบบสุดมัน 2-2 จากลูกโหม่งของ ราดี้ ไจดี้ ในนาทีที่ 90 ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนจากการยิงของ ซิอัด จาซิรี่ ในนาทีที่ 23 แต่ดันเครื่องแผ่วในช่วงครึ่งหลัง

ทางฝั่งความพร้อมของนักเตะ ตูนีเซีย น่าจะใช้ผู้เล่นชุดเดิมเป็นหลัก แต่ยังต้องลุ้นหนักเกี่ยวกับอาการของ ซิลวา ดอส ซานโต๊ส กองหน้าคนสำคัญที่เจ็บหน้าแข้งและชวดลงเล่นในเกมแรก ซึ่งหากได้ดาวยิงวัย 27 ปีซึ่งเกิดที่ บราซิล ลงสนามจะทำให้แนวรุกอันตรายขึ้นไม่น้อย เนื่องจากซัดได้ถึง 18 ประตูจากการลงเล่น 28 นัดให้กับทีม

แม้ว่า สเปน จะไม่เคยปะทะแข้งกับ ตูนีเซีย มาก่อน แต่พวกเขาเคยเล่นกับคู่ต่อสู้จากแถบ แอฟริกา มาแล้ว 3 ครั้งเป็นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด ชนะ แอลจีเรีย 3-0 ในปี 1986, ชนะ แอฟริกาใต้ 3-2 ในปี 2002 และแพ้ ไนจีเรีย 2-3 ในปี 1998

ผลการแข่งขันที่อาจจะออกมาทั้งสามหน้าในเกมนี้ยังไม่สามารถชี้วัดอะไรได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม สเปน หากคว้าชัยได้ก็จะลอยลำเข้าสู่รอบสองทันที ส่วน ตูนีเซีย หากชนะโอกาสลิ่วรอบน๊อกเอาท์ก็จะมากขึ้น แต่ถ้าพ่ายแพ้พวกเขาก็ยังมีลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้ายอีก

คอลัมน์ ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
- สเปน กำลังห้าวส่วนสภาพทีมก็พร้อมสุดขีด ดูแล้ว กระทิงดุ น่าจะขวิด อินทรีแห่งคาร์เธจ 2-0