“สิงโต”พร้อมกู้หน้าปราบพยศ“ตรินิแดด”

ไม่สมกับที่คุยเอาไว้ก่อนหน้านี้เลยสำหรับทัพ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ที่โวว่าจะก้าวไปคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 แต่ในเกมประเดิมสนามกลับทำได้แค่เฉือนชนะเพื่อนร่วมกลุ่ม บี ปารากวัย 1-0 มิหนำซ้ำประตูชัยยังได้มาจากความผิดพลาดยิงตัวเองของคู่แข่งอีกต่างหาก แถมช่วงท้ายเกมยังออกอาการป้อแป้แข้งขาหมดเรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด

อังกฤษ ภายใต้การคุมทัพของกุนซือ สเวน โกรัน อีริคส์สัน แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนมากมายในเกมแรกไล่ตั้งแต่นายทวาร พอล โรบินสัน และแนวรับที่ออกลูกเหวอในช่วงครึ่งหลัง ซึ่งหาก เนลสัน วัลเดส และ คาร์ลอส ปาเรเดส สองแนวรุก ปารากวัย คมกว่านี้สักเล็กน้อยรับรองสิงโตมีน้ำตาตกแน่นอน ส่วนตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กลางก็ยังสอดประสานกันไม่ลงตัวเสียทีระหว่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ แฟรงค์ แลมพาร์ด ซึ่งเป็นปัญหาที่ค้างคามานานและแก้ไม่ตกเสียที

ส่วนคู่หน้ารู้สึกว่าสื่อในเมืองผู้ดีจะโจมตีเป็นพิเศษว่า สเวน คิดผิดที่เลือกหัวหอกมาแค่ 4 คนแต่ใช้งานจริงๆ ได้แค่ 2 คนเท่านั้นคือ ไมเคิล โอเว่น ที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อยด้าน ปีเตอร์ เคราช์ ที่จะเลิกเต้นท่าหุ่นยนต์ก็ยังฝากผีฝากไข้ไม่ได้ ฝั่ง ธีโอ วัลค็อตต์ ก็ยังไม่พร้อมจะออกสตาร์ท เช่นเดียวกับ เวย์น รูนีย์ ที่ยังไม่อยากเสี่ยงหลังหายจากอาการบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก

อีกทั้ง สเวน รวมถึง เดวิด เบ็คแฮม กัปตันทีมจอมวางบอล ยังเห็นพ้องตรงกันออกมาอ้างอีกว่าเหตุที่ฟอร์มแกว่งในช่วง 45 นาทีสุดท้าย เป็นเพราะอาการที่เมืองเบียร์ค่อนข้างที่จะร้อนมาก ขนาดวิ่งเล่นกันบนเตาอบเลยทีเดียว

ทำให้เกมนัดสองที่ อังกฤษ จะเจอกับ ตรินิแดด และ โตเบโก ในวันพฤหัสบดีที่ 15 มิ.ย. ณ ฟรังเคน สตาดิโอน ในเมืองเนิร์นแบร์ก สเวน คงจะต้องแก้เกมกันอย่างหนักโดยเฉพาะแท็กติกในการเล่น แต่คงใช้ผู้เล่นชุดเดิมกับที่ออกสตาร์ทพบกับ ปารากวัย ในระบบ 4-4-2

ก่อนเกมนี้แชมป์โลก 1 สมัยในปี 1966 มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าอาจจะส่ง เวย์น รูนีย์ ดาวยิงความหวังสูงสุดลงเล่นแบบน่าเซอร์ไพรส์ในเกมพบกับ ตรินิแดดฯ ซึ่งดูแล้วการที่จะเสี่ยงในเกมนี้นั้นไม่คุ้มอย่างแน่นอน เพราะหอกจากค่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะเกิดเจ็บหนักขึ้นมาอีก ที่สำคัญหากขาดนักเตะคนเดียวและไม่สามารถเอาชนะได้ก็คงไม่ต้องไปลุ้นแชมป์โลกกันแล้ว

นอกจาก รูนีย์ เกมนี้มีลุ้นที่ อังกฤษ จะส่ง ธีโอ วัลค็อตต์ ลงสนาม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ จะเป็นผู้เล่นที่เด็กที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกอันดับสองที่ 17 ปี 91 วัน แก่กว่ามากกว่า นอร์แมน ไวท์ไซด์ 50 วัน แต่หากยิงประตูได้ก็จะแซงหน้าทางด้าน เปเล่ ที่ทำได้เมื่อวัย 17 ปี 239 วันทันที

ด้าน ตรินิแดด และ โตเบโก 1 ใน 6 ทีมที่ปรากฎตัวในฟุตบอลโลกหนนี้เป็นครั้งแรก ทำผลงานได้ดีเกินคาดด้วยการยันเสมอกับ สวีเดน ทีมที่ขึ้นชื่อว่าสุดอันตรายในแนวรุก 0-0 ทั้งๆ ที่ต้องเล่น 10 คนในช่วงครึ่งหลังเนื่องจาก แอฟเวอรี จอห์น โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงถูกตะเพิดออกจากสนามไป

ซึ่งต้องชมเชยแนวรับของ ตรินิแดดฯ ที่เล่นกันได้อย่างมีระเบียบแบบแผน ที่สำคัญเกมรุกก็วูบวาบใช้ได้จนเกือบที่จะน็อก สวีเดน ได้แล้วถ้าหากว่าลูกยิงของ คอร์เนลล์ เกล็น ไม่พุ่งไปจูบคานเสียก่อน โดยหัวใจสำคัญของทีมน่าจะอยู่ที่ ดไวท์ ยอร์ค ดาวยิงวัย 35 ปี ที่เป็นตัวคุมจังหวะชั้นเลิศ แต่เกมแรกถูกบีบให้ถอยต่ำไปหน่อย ทำให้ไม่ค่อยมีบทบาทในแนวรุก

ถึงขนาด เบ็คแฮม ออกโรงเตือนลูกทัพ "สิงโตคำราม" ให้ระวัง ยอร์ค เอาไว้ให้ดีๆ เนื่องจากเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี เพราะเคยเล่นใน พรีเมียร์ชิพ ด้วยกัน รวมถึงอยู่ทีมเดียวกันอย่าง แมนฯยูไนเต็ด มาก่อนอีกด้วย

เกมนี้ ลีโอ บีนฮักเกอร์ นายใหญ่เลือดดัตช์ของ ตรินิแดด ที่เคยพา ฮอลแลนด์ เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 1990 คงจะไม่เปลี่ยนแปลงระบบจากนัดแรกมากนัก ตำแหน่งกองหลังของ เอฟเวอรี จอห์น ที่ติดโทษแบนจะถูกแทนที่โดย มาร์วิน แอนดรูว์ส ส่วนหัวหอกยังเป็นหน้าที่ สเติร์น จอห์น ที่ซัดไปแล้ว 65 ประตูจาก 96 นัดตามเดิม

เกมคู่นี้หาก อังกฤษ ได้เฮพวกเขาจะผ่านเข้าสู่รอบสองทันที แต่ถ้าหากชนะและผลอีกหนึ่งคู่ระหว่าง สวีเดน และ ปารากวัย ออกเสมอ อังกฤษ ก็จะคว้าอันดับ 1 ของกลุ่ม บี ซึ่งก็มีโอกาสสูงที่จะไม่ต้องจ๊ะเอ๋กับกระดูกชิ้นโตระดับเจ้าภาพ เยอรมนี ในรอบน๊อกเอาท์ ส่วน ตรินิแดดฯ ถ้าหากเสมอหรือแพ้ก็ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียวเนื่องจากยังมีเกมสุดท้ายให้ลุ้นอีกหนึ่งแมตช์

คอลัมน์ ฟันธง ตรงเผง โดยเซียนไก๋ เจริญกรุง
อังกฤษ น่าจะครองบอลกดดันได้เป็นส่วนใหญ่ และน่าจะค่อยๆ บดเอาชนะ ตรินิแดดฯ ไปได้อย่างไม่ยากเย็น 2-0