ฉากเริ่มต้นของการแข่งขันกอล์ฟเอเชี่ยน ทัวร์ รายการ เอสเค เทเลคอม ที่ประเทศเกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคม ที่ผ่านมาบรรดาแฟนกอล์ฟรวมไปถึงสื่อมวลชน พากันปูพรมแดงให้กับ "มิเชล วี" โปรสาววัยทีนชาวเกาหลี สัญชาติสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมการแข่งขันร่วมกับนักกอล์ฟชายในรายการนี้ด้วย แต่ทันทีที่การแข่งจบสิ้นลง สปอร์ตไลท์ ของการแข่งขันกลับหันมาฉายจับที่ โปรดาวรุ่งชาวไทย "พรหม มีสวัสดิ์" ซึ่งสามารถคว้าแชมป์จากเอเชี่ยนทัวร์มาครองได้เป็นรายการแรกในชีวิต
โดยการแข่งขันกอล์ฟเอเชี่ยนทัวร์รายการ เอส เค เทเลคอม นั้นทางผู้จัดต้องตัดการแข่งขันเหลือเพียง 3 วันเนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ โดยผลจากการแข่งขันในวันทีสองซึ่ง พรหม มีสวัสดิ์ อยู่ในตำแหน่งผู้นำนั้น ออกรอบสุดท้ายด้วยการทำอีเกิ้ลในหลุมที่สาม
ในขณะที่โปรชาวมาเลเซีย "เอียน สตีล" ทำสกอร์ตีตื้นขึ้นมาเป็นผู้นำร่วมในช่วงเก้าหลุมแรก แต่ พรหม ที่ดูจะมีความมั่นใจในฟอร์มการเล่นของตนเองเป็นอย่างมาก เก็บเบอร์ดี้ได้ในหลุมที่ 10, 11 และ 13 ก่อนจะเสียโบกี้ ในหลุมที่ 16 และ 18 ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อตำแหน่งแชมป์เนื่องจากสกอร์ของ โปรดาวรุ่งชาวไทยนั้นทิ้งห่างคู่แข่งและคว้าแชมป์อย่างแน่นอนแล้ว
หลังขึ้นรับถ้วยแชมป์ พรหม กล่าวว่า "ในที่สุดความฝันของผมก็เป็นจริง ตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมาผมเก็บตัวและฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อความสำเร็จในวันนี้ และรางวัลนี้ผมขอมอบเป็นของขวัญให้กับคุณแม่ (สมศรี มีสวัสดิ์) ที่เพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อสามปีที่แล้ว และวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ก็เป็นวันคล้ายวันครบรอบวันเกิดของท่านด้วย"
จากผลการแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้ "เจ้าโลมายักษ์" สามารถคว้าแชมป์เอเชี่ยนทัวร์ได้เป็นรายการแรกในชีวิตนักกอล์ฟอาชีพ พร้อมกับคว้าเงินรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 127,523 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5.1 ล้านบาท) ทำให้อันดับในเอเชี่ยนทัวร์ พุ่งขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 ทันทีพร้อมเงินรางวัลรวม 206,192 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 8.2 ล้านบาท) นับเป็นเงินรายได้จากการแข่งขันที่มากกว่าสองฤดูกาลที่ผ่านมาของโปรดาวรุ่งชาวไทย
การเดินทางจากบ้านเกิดที่หัวหิน มาสู่แวดวงกอล์ฟอาชีพของ "พรหม มีสวัสดิ์" แตกต่างไปจากโปรที่มาจากหัวเมืองชายทะเลของไทยรายอื่นไม่ว่าจะเป็น บุญชู เรืองกิจ, ถาวร วิรัตน์จันทร์ และ ประหยัด มากแสง เพราะโปรรุ่นพี่ของพรหม เหล่านี้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานานับประการกว่าจะเข้าสู่การแข่งขันในระดับอาชีพ ขณะที่ พรหม นั้นเข้าสู่วงการได้เพราะแรงบันดาลใจอันเกิดจากผลงานของ สุเทพ มีสวัสดิ์ ผู้เป็นบิดาและเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่สามาถคว้าแชมป์รายการไทยแลนด์ โอเพ่นได้ในปี 1991
ในช่วงที่ "เจ้าโลมายักษ์" ยังเป็นผู้เล่นในระดับเยาวชน นั้นต้องยอมรับว่าเด็กหนุ่มจากเมืองหัวหินเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมากเพราะนอกจากจะติดทีมชาติเกือบทุกครั้งที่มีการแข่งขันแล้วผลงานระดับอเมเจอร์ ก็น่าประทับใจไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นชัยชนะในการแข่งขันเวิลด์ จูเนียร์ อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิป ที่ซานดิอาโก เมื่อปี 1997 และ อันดับที่ 7 ในการแข่งขันเอเชีย แปซิฟิก จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ
ช่วงเวลาจาก อเมเจอร์ เข้าสู่ตำแหน่งโปร ของพรหม มีสวัสดิ์ นั้นถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะต้องตัดสินใจเรื่องการเรียนควบคู่กันไปด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้ว พรหม ได้รับคำแนะนำจาก โปรชื่อดังชาวฟิจิ "วีเจย์ ซิงห์" ที่บอกให้เด็กหนุ่มชาวไทยเทิร์นโปรเข้าสู่วงการกอล์ฟอาชีพ ดีกว่าจะมาเล่นในระดับอเมเจอร์ ของสหรัฐฯ แน่นอนว่าพรหมทำตามคำแนะนำของอดีตนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของโลก หลังจากที่ได้เอเชี่ยน ทัวร์ การ์ด ในปี 2004 พรหม สามารถสร้างผลงานไม่ได้น้อยหน้าใคร เข้าร่วมการแข่งขัน 19 รายการผ่านการตัดตัว 13 รายการ และในฤดูกาล 2005 ชื่อของ "พรหม มีสวัสดิ์" ก็ติดอยู่ในอันดับที่ 15 ของตารางทำเงินเอเชี่ยน ทัวร์
ความสำเร็จของ พรหม ในการแข่งขันรายการนี้ นับเป็นก้าวแรกของเด็กหนุ่มวัย 21 ปีจากหัวหิน ที่เพียรพยายามหาเป้าหมายและความมั่นใจของตนเองนับตั้งแต่เทิร์นโปรเข้าสู่วงการกอล์ฟอาชีพในปี 2004 และในฤดูกาล 2006 เขาก็ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้ และจากนี้คงต้องจับตามว่า ก้าวต่อไปของ "เจ้าโลมายักษ์" จะไปได้ไกลถึงระดับพีจีเอ ทัวร์หรือไม่