“จอมโหด” อุรุกวัย เปิดบ้านเฉือนชนะ “จิงโจ้” ออสเตรเลีย หวุดหวิด 1-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบเพลย์ออฟ โดยประตูเดียวของเกมมาจากการโหม่งของ ดาริโอ โรดริเกซ ตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก
ฟุตบอลโลก 2006 เกมเพลย์ออฟ
อุรุกวัย 1-0 ออสเตรเลีย
อุรุกวัย คว้าสิทธิเพลย์ออฟสำเร็จในฐานะทีมอันดับ 5 ของโซนอเมริกาใต้ ได้โอกาสชี้ชะตากับ ออสเตรเลีย แชมป์ของโซนโอเชียเนีย โดย ฮอร์เค ฟอสซาติ กุนซือเจ้าถิ่นได้ข่าวดี เมื่อ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กองหน้าความหวังฟิตกลับมาลงสนามได้ ส่วนแกนหลักคนสำคัญๆ อยู่กันครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เปาโล มอนเตโร หรือว่า อัลวาโร เรโคบา
ด้านทีมเยือน กุส ฮิดดิ้งค์ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเป็นแบบ 3-5-2 โดยใช้ เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน และวินเชนโซ เกรลล่า เป็นวิงแบ็ก ตรงกลางหยอด แฮร์รี่ คีเวลล์ ลงเป็นตัวจริง แต่กลับถอด ทิม เคฮิลล์ ไว้ที่ข้างสนาม แดนหน้าเติม อาร์ชี่ ธอมป์สัน ลงไปช่วยงาน มาร์ค วิดูก้า
แม้ว่าจะเป็นทีมเยือน แต่ ออสเตรเลีย กลับเป็นฝ่ายทำเกมบุกได้น่ากลัวในช่วง 15 นาทีแรก โดยเฉพาะ วิดูก้า ได้จังหวะสับไกสองหน แต่ออกไปบ้าง หรือไม่ก็ติดเซฟนายทวารอุรุกวัย อีกสามนาทีถัดมา ฟอร์ลัน ซึ่งไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง ดาริโอ ซิลวา ลงมาทำหน้าที่แทน
เกมในช่วงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านไป สนุกสนานทีเดียว เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเปิดหน้าแลกกันแบบไม่กลัว ดีโอโก้ มีโอกาสเติมขึ้นมาโหม่งบอลจากลูกเตะมุมแต่เบาเกินไปไม่เป็นปัญหาสำหรับชวาร์เซอร์
แต่เมื่อเกมเดินมาถึงนาทีที่ 35 แฟนๆ อุรุกวัยได้เฮกันลั่นสนามเอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ เมื่อเรโคบา เปิดฟรีคิกทางกราบขวาหลุดไปเสาสองให้ โรดริเกซ แบ็กซ้ายเติมขึ้นมาพุ่งโหม่งบอลเสียบตาข่ายให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 จากนั้นรูปเกมกลายเป็น อุรุกวัย ที่เล่นกันแบบได้ใจเปิดเกมรุกใส่ทีมเยือนเป็นระลอก แต่ออสเตรเลีย ยังเอาตัวรอดไปได้ทำให้สกอร์ตามหลังแค่ประตูเดียวเมื่อจบ 45 นาทีแรก
ออกมาเล่นกันในครึ่งเวลาหลัง ออสเตรเลีย เปิดฉากบุกใส่ทันที แต่ยังไม่ต่อเนื่องนัก แถมยังจะโดนจังหวะสวนกลับของอุรุกวัยเล่นงาน ทำให้ ฮิดดิ้งค์ ต้องปรับแทคติกส่ง มาร์ค เบรสชาโน ลงมาเติมแดนกลางพร้อมกับถอด ธอมป์สัน ออกไป และก็ได้ลุ้นในนาทีที่ 56 เมื่อได้จังหวะสับไกจากนอกกรอบ แต่บอลลอยละลิ่วหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
แม้จะยังแลกเกมบุกใส่กันแต่จังหวะลุ้นทำประตูแบบจะแจ้งยังไม่มีให้เห็นมากนัก จนเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย อุรุกวัยมาได้โอกาสอีกครั้ง โมลาเลส ได้ตวัดยิงในเขตโทษ แต่ติดเซฟของชวาร์เซอร์ ทีมเยือนได้ลุ้นเช่นกันแต่ลูกยิงของคูลิน่า เฉียดเสาไปนิดเดียว
ในช่วงท้าย ออสเตรเลีย ทำเกมกันไม่ขึ้น และดูเหมือนจะเป๋ไปเป๋มาโดนเจ้าถิ่นโหมบุกใส่เป็นการใหญ่ เรโคบา ได้โอกาสหลุดเข้าเขตโทษแต่ล็อกมากไปหน่อย และจังหวะยิงสุดท้ายก็โดนนายทวารออสซี่ปัดออกหลังไป และก็จบ 90 นาที ชัยชนะตกเป็นของอุรุกวัย ก่อนที่นัดที่สองช่วงกลางสัปดาห์จะย้ายไปเล่นที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย บ้าง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อุรุกวัย : ฟาเบียน คารินี่ , คาร์ลอส ดิโอโก้ , ดีเอโก้ โลเปซ , เปาโล มอนเตโร , ดาริโอ โรดริเกซ , ดีเอโก้ เปเรซ , ปาโบล การ์เซีย , อัลวาโร เรโคบา , มาร์เซโล ซาลาเยต้า , ดีเอโก้ ฟอร์ลัน , ริชาร์ด โมราเลส
ออสเตรเลีย : มาร์ค ชวาร์เซอร์ , ลูคัส นีลล์ , โทนี่ โปโปวิช , โทนี่ วิดมาร์ , เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน , สก็อตต์ ชิปเปอร์ฟิลด์ , เจสัน คูลิน่า , แฮร์รี่ คีเวลล์ , วินเชนโซ่ เกรลล่า , มาร์ค วิดูก้า , อาร์ชี่ ธอมป์สัน
ฟุตบอลโลก 2006 เกมเพลย์ออฟ
อุรุกวัย 1-0 ออสเตรเลีย
อุรุกวัย คว้าสิทธิเพลย์ออฟสำเร็จในฐานะทีมอันดับ 5 ของโซนอเมริกาใต้ ได้โอกาสชี้ชะตากับ ออสเตรเลีย แชมป์ของโซนโอเชียเนีย โดย ฮอร์เค ฟอสซาติ กุนซือเจ้าถิ่นได้ข่าวดี เมื่อ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กองหน้าความหวังฟิตกลับมาลงสนามได้ ส่วนแกนหลักคนสำคัญๆ อยู่กันครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เปาโล มอนเตโร หรือว่า อัลวาโร เรโคบา
ด้านทีมเยือน กุส ฮิดดิ้งค์ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเป็นแบบ 3-5-2 โดยใช้ เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน และวินเชนโซ เกรลล่า เป็นวิงแบ็ก ตรงกลางหยอด แฮร์รี่ คีเวลล์ ลงเป็นตัวจริง แต่กลับถอด ทิม เคฮิลล์ ไว้ที่ข้างสนาม แดนหน้าเติม อาร์ชี่ ธอมป์สัน ลงไปช่วยงาน มาร์ค วิดูก้า
แม้ว่าจะเป็นทีมเยือน แต่ ออสเตรเลีย กลับเป็นฝ่ายทำเกมบุกได้น่ากลัวในช่วง 15 นาทีแรก โดยเฉพาะ วิดูก้า ได้จังหวะสับไกสองหน แต่ออกไปบ้าง หรือไม่ก็ติดเซฟนายทวารอุรุกวัย อีกสามนาทีถัดมา ฟอร์ลัน ซึ่งไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง ดาริโอ ซิลวา ลงมาทำหน้าที่แทน
เกมในช่วงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านไป สนุกสนานทีเดียว เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเปิดหน้าแลกกันแบบไม่กลัว ดีโอโก้ มีโอกาสเติมขึ้นมาโหม่งบอลจากลูกเตะมุมแต่เบาเกินไปไม่เป็นปัญหาสำหรับชวาร์เซอร์
แต่เมื่อเกมเดินมาถึงนาทีที่ 35 แฟนๆ อุรุกวัยได้เฮกันลั่นสนามเอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ เมื่อเรโคบา เปิดฟรีคิกทางกราบขวาหลุดไปเสาสองให้ โรดริเกซ แบ็กซ้ายเติมขึ้นมาพุ่งโหม่งบอลเสียบตาข่ายให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 จากนั้นรูปเกมกลายเป็น อุรุกวัย ที่เล่นกันแบบได้ใจเปิดเกมรุกใส่ทีมเยือนเป็นระลอก แต่ออสเตรเลีย ยังเอาตัวรอดไปได้ทำให้สกอร์ตามหลังแค่ประตูเดียวเมื่อจบ 45 นาทีแรก
ออกมาเล่นกันในครึ่งเวลาหลัง ออสเตรเลีย เปิดฉากบุกใส่ทันที แต่ยังไม่ต่อเนื่องนัก แถมยังจะโดนจังหวะสวนกลับของอุรุกวัยเล่นงาน ทำให้ ฮิดดิ้งค์ ต้องปรับแทคติกส่ง มาร์ค เบรสชาโน ลงมาเติมแดนกลางพร้อมกับถอด ธอมป์สัน ออกไป และก็ได้ลุ้นในนาทีที่ 56 เมื่อได้จังหวะสับไกจากนอกกรอบ แต่บอลลอยละลิ่วหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
แม้จะยังแลกเกมบุกใส่กันแต่จังหวะลุ้นทำประตูแบบจะแจ้งยังไม่มีให้เห็นมากนัก จนเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย อุรุกวัยมาได้โอกาสอีกครั้ง โมลาเลส ได้ตวัดยิงในเขตโทษ แต่ติดเซฟของชวาร์เซอร์ ทีมเยือนได้ลุ้นเช่นกันแต่ลูกยิงของคูลิน่า เฉียดเสาไปนิดเดียว
ในช่วงท้าย ออสเตรเลีย ทำเกมกันไม่ขึ้น และดูเหมือนจะเป๋ไปเป๋มาโดนเจ้าถิ่นโหมบุกใส่เป็นการใหญ่ เรโคบา ได้โอกาสหลุดเข้าเขตโทษแต่ล็อกมากไปหน่อย และจังหวะยิงสุดท้ายก็โดนนายทวารออสซี่ปัดออกหลังไป และก็จบ 90 นาที ชัยชนะตกเป็นของอุรุกวัย ก่อนที่นัดที่สองช่วงกลางสัปดาห์จะย้ายไปเล่นที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย บ้าง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อุรุกวัย : ฟาเบียน คารินี่ , คาร์ลอส ดิโอโก้ , ดีเอโก้ โลเปซ , เปาโล มอนเตโร , ดาริโอ โรดริเกซ , ดีเอโก้ เปเรซ , ปาโบล การ์เซีย , อัลวาโร เรโคบา , มาร์เซโล ซาลาเยต้า , ดีเอโก้ ฟอร์ลัน , ริชาร์ด โมราเลส
ออสเตรเลีย : มาร์ค ชวาร์เซอร์ , ลูคัส นีลล์ , โทนี่ โปโปวิช , โทนี่ วิดมาร์ , เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน , สก็อตต์ ชิปเปอร์ฟิลด์ , เจสัน คูลิน่า , แฮร์รี่ คีเวลล์ , วินเชนโซ่ เกรลล่า , มาร์ค วิดูก้า , อาร์ชี่ ธอมป์สัน
