การแข่งขันรถสูตรหนึ่งฤดูกาล 2005 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่หลังหนุ่มนักขับชาวสเปน เฟอร์นานโด อลองโซ่ พาทีมเรโนลต์ ทะยานเข้าสู่เส้นชัยในฐานะแชมป์โลกทั้งประเภทบุคคลและทีม เป็นความสำเร็จที่ปลิดเอาความน่าเบื่อหน่ายของวงการรถสูตรหนึ่งลงไปได้อย่างสิ้นเชิง
ชัยชนะของอลองโซ่ และ เรโนลต์ ในฤดูกาลนี้นับเป็นการยุติความสำเร็จอันยาวนานของเฟอร์รารี่ และ มิคาเอล ชูมัคเกอร์ แต่ชัยชนะดังกล่าวก็ยังไม่สามารถการันตีได้ว่า หนุ่มสเปนและทีมฝรั่งเศส จะครองบัลลังก์รถสูตรหนึ่งได้ยาวนานถึงสมัยหน้าอีกหรือไม่เพราะความล่มสลายของ “ทีมม้าลำพอง” เฟอร์รารี่ ซึ่งร่ำรวยที่สุดและมีเครื่องยนต์ดีที่สุด เท่ากับเปิดโอกาสให้ทีมในเอฟวันทั้ง 10 ทีมได้กลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ที่เท่าเทียมกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อหันกลับไปมองผลงานของทั้งสิบทีมในฤดูกาลนี้คู่ต่อสู้ที่ถือว่าเฉือดเชือนกับ เรโนลต์ มากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น แมคลาเรน ที่สองนักขับชื่อดังทำผลงานได้อย่างสูสี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ฟลายอิ้งฟินน์" คิมี่ ไรค์โคเนน ที่ทำคะแนนพ่ายอลองโซ่ไปเพียง 21 แต้มโดยทั้งคู่มีชัยชนะเท่ากัน 7 สนาม แต่ผลงานในสนามอื่น อลองโซ่ ทำอันดับได้ดีกว่า ไรค์โคเนน จึงทำให้ “ฟลายอิ้งฟินน์” เป็นได้เพียงพระรอง
นอกจากจะคว้าตำแหน่งแชมป์โลกได้สำเร็จแล้ว อลองโซ่ ยังพาทีมเรโนลต์คว้าแชมป์ในประเภททีมหลังจบการแข่งขันสนามสุดท้ายที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งนักขับชาวสเปนพารถ อาร์ 25 ทะยานผ่านธงหมากรุกเข้าสู่เส้นชัยได้เป็นคันแรก ท่ามกลางความปิติยินดีของทีมงานและ ฟลาวิโอ บริอาทัวร์ นายใหญ่แห่งเรโนลต์
ความล่มสลายของเฟอร์รารี่ ที่ผูกขาดชัยชนะไว้กับทีมอย่างยาวนานถึง 7 ปีอาจไม่ใช่คลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงเดียวในการแข่งขันรถสูตรหนึ่งฤดูกาลนี้ แต่ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงการแข่งขันรวมไปถึงการเพิ่มสนามแข่งขึ้นมาจากเดิม 18 สนามมาเป็น19 สนามกับรายการเตอร์กิช กรังด์ปรีซ์
นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์อัปยศเกิดขึ้นในวงการรถสูตรหนึ่งรายการ ยูไนเต็ด สเตดส์ กรังด์ปรีซ์ ที่อินเดียนาโปลิส เมื่อทีมแข่งและนักขับจำนวน 14 คนไม่เข้าร่วมการแข่งขัน หลังจากมีปัญหาที่ถกกันไม่จบของยาง มิเชลลิน ทำให้การแข่งขันในครั้งนั้นมีเพียงทีมที่ใช้ยางบริดจ์สโตนส์ ที่ลงสนามทำการแข่งขันเพียงแค่ 3 ทีม นับเป็นรอยด่างของวงการความเร็วที่ทำให้แฟนรถสูตรหนึ่งซึ่งเสียเงินซื้อบัตรเข้าไปชมไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยท้ายที่สุดสหพันธ์รถยนต์นานาชาติออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
เหตุการณ์สำคัญในฤดูกาล 2005 ยังมีเรื่องของความเปลี่ยนแปลงของทีมขนาดเล็ก และ นักขับที่ย้ายทีมกันเป็นว่าเล่น สำหรับฤดูกาล 2005 นี้นับเป็นฤดูกาลสุดท้ายของทีม จอร์แดน, มินาร์ดี้ และ ซอเบอร์ เพราะในฤดูกาล 2006 หลังจากเรดบูลล์ ได้เข้าซื้อกิจการของ มินาร์ดี้ ชื่อทีมจะถูกเปลี่ยนเป็น “สควอดรา โทโร รอสโซ” ในขณะที่มหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวรัสเซีย อเล็กซ์ ชไนเดอร์ ซึ่งเข้าซื้อทีมจอร์แดน จะเปลี่ยนชื่อทีมเป็น “มิดแลนด์ เอฟวัน” ในฤดูกาลหน้า ส่วนซอเบอร์ นั้นถูกรวบกิจการโดยบีเอ็มดับเบิลยู
ส่วนการย้ายทีมของนักขับในวงการรถสูตรหนึ่งปีนี้ก็เป็นข่าวกันได้ตลอดทั้งฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นเจนสัน บัตตัน ที่ทำผลงานเป็นที่น่าจับตาจากฤดูกาล 2004 และร่ำๆจะย้ายไปอยู่กับ วิลเลี่ยมส์ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจอยู่ต่อกับทีมเดิม
ในขณะที่ รูเบนส์ บาร์ริเคลโล ผู้อยู่ใต้เงาแห่งความยิ่งใหญ่ของ ชูมัคเกอร์มานานถึง 6 ปีตัดสินให้หาเส้นทางใหม่ให้กับตนเองในทีม บีเออาร์ ทำให้สถานการณ์ของนักขับญี่ปุ่นอย่าง ทาคูมะ ซาโต้ เริ่มเข้าสู่ทางตัน ส่วน ฟิเลปเป้ เมสซ่า แห่งทีมซอเบอร์เดิมได้โอกาสครั้งสำคัญในการแทนที่ บาร์ริเคลโล ที่เฟอร์รารี่
นอกจากนี้ยังมีผลงานของนักขับหน้าใหม่ชาวอินเดียอย่าง นาเรน คาร์ธิเคยัน ที่ลงสนามรถสูตรหนึ่งในฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรกให้กับทีมจอร์แดน แต่ผลงานก็ไม่ค่อยดีนักจบด้วยอันดับที่ 18 และในสนามสุดท้ายที่เซี่ยงไฮ้ รถของ นาเรน ก็แหลกยับไม่มีชิ้นดี หลังเกิดอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน
สรุปแล้วสถานการณ์ของวงการรถสูตรหนึ่งในปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งที่สามารถปลิดความน่าเบื่อในวงการได้สำเร็จ หลังความตกต่ำของเฟอร์รารี่ แต่ปัญหาด้านอื่นที่รุมเร้าไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ประสิทธิภาพของผู้ผลิตยางที่บรรดาทีมแข่งเริ่มไม่พอใจในคุณภาพ รวมไปถึงการเปลี่ยนมือทีมขนาดเล็กไปสู่นายทุนรายใหม่ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อวงการรถสูตรหนึ่งแทบทั้งสิ้น และทำให้มีการคาดหมายกันว่าฤดูกาล 2006 อาจไม่ใช่การขับเคี่ยวของทีมดังเพียงสามทีมอย่าง เฟอร์รารี่, เรโนลต์ และ แมคลาเรน เท่านั้นแต่ทีมเล็กๆที่เริ่มมีนายทุนเงินหนาเข้ามาสนับสนุน น่าจะทำให้การแข่งขันในฤดูกาลหน้ามีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น