ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ซัดแฮตทริกช่วย สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ถล่มแหลก กุหลาบไฟ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 4-0 เช่นเดียวกับ เดอะอีเกิ้ลส์ คริสตัล พาเลซ ที่ต้อน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ขาดลอย 3-0 ส่วนผลในคู่อื่น แอสตัน วิลล่า ชนะ ฟูแล่ม 2-0 และ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส บุกไปชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส 2-1 ในศึก พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2547
เชลซี 4 - 0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ศึก พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เปิดรัง สแตมฟอร์ดบริดจ์ ต้อนรับ กุหลาบไฟ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ เจ้าถิ่นมาในระบบ 4-5-1 มีการเปลี่ยนผู้เล่นหลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นแบ๊กขวา เกล็น จอห์นสัน และกองกลาง สกอตต์ ปาร์คเกอร์ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงโดยทิ้งกองหน้าไว้คนเดียวคือ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น
ทางด้านทีมเยือนมาตั้งรับเต็มตัวในระบบ 4-5-1 ไม่มี ตูกาย ที่ติดโทษแบนและ โลเรนโซ่ อโมรูโซ่ ที่มีอาการบาดเจ็บทิ้ง พอล ดิ๊กคอฟ ไว้ในแดนหน้าคนเดียวส่วนแดนกลางมี แบร์รี่ เฟอร์กูสัน และ เบร็ท เอเมอร์ตัน เป็นตัวขับเคลื่อน
เชลซี โหมบุกอย่างหนักและมีลุ้นก่อนในนาทีที่ 7 เมื่อ โจ โคล พาบอลขึ้นมาถึงเส้นหลังด้านขวาก่อนเปิดเรียดเข้ากลางประตูกองหลัง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เคลียร์บอลออกไปเข้าทาง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ยิงสวนตูมกะให้เข้าทางขวามือ แบร็ด ฟรีเดล แต่ว่า ลูคัส นีลล์ ล้มตัวสกัดบอลออกหลังไปได้ก่อน
แม้ว่า เชลซี จะครองบอลได้มากกว่าแต่ก็ยังหาช่องเจาะประตู แบล็คเบิร์น ที่มาในระบบ 4-5-1 ตั้งรับเต็มตัวไม่ได้ในนาทีที่ 33 อเล็กเซ สเมอร์ตัน ต้องอาศัยยิงไกลจากระยะ 20 หลาบอลพุ่งไปทิศทางเข้ากรอบแต่ก็แฉลบผู้เล่นทีมเยือนออกหลังไปอีก
ในนาทีที่ 37 การประสานอันยอดเยี่ยมเพียงแค่สองจังหวะก็ส่งผลให้ เชลซี ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ โจ โคล ตักบอลจากกลางสนามระยะ 25 หลาให้ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนฮาล์ฟวอลเล่ย์ทันทีด้วยเท้าขวาไม่ต้องจับแม้ว่าจะโดนไม่เต็มแต่ทิศทางสุดยอดเด้งเข้าเสาสองไป
อีกเพียงแค่นาทีเดียวหลังจากนั้น เชลซี หนีไปเป็น 2-0 เมื่อ แลมพาร์ด วางบอลจากแดนตัวเองให้ กุ๊ดยอห์นเซ่น คนเดิมหลุดไปทางด้านขวาตรงจุดเดียวกับที่ได้ประตูแรกไม่ล้ำหน้าก่อนพักอกเอาบอลลงและวอลเล่ย์ด้วยเท้าขวาบอลพุ่งแรงเสียบเสาสองสุดสวยชนิดที่ ฟรีเดล ไม่ทันได้พุ่ง
ทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาทีก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก เชลซี นำ แบล็คเบิร์น 2-0 ชนิดที่ทีมเยือนยังหาโอกาสส่องประตูไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
เคร็ก ช็อต ไปพุ่งเสียบ กุ๊ดยอห์นเซ่น ที่แตะบอลเข้าเขตโทษไปแล้วกรรมการไม่ลังเลเป่าเป็นจุดโทษทันทีและเป็น กุ๊ดยอห์นเซ่น ที่ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่พลาด เชลซี นำ 3-0 ในนาทีที่ 50 และเป็นแฮตทริกของกองหน้าทีมชาติไอซ์แลนด์ด้วย
นาทีที่ 53 มาร์ค ฮิวส์ ทนไม่ไหวตามหลังถึง 0-3 ต้องรีบเปลี่ยนตัวส่ง เจย์ โบท์ธอยด์ และ โจนาธาน สเต๊ด ลงมาแทน จอร์เกฟฟ์ และ ดิ๊กคอฟ ที่เล่นไม่ออกในเกมนี้
เชลซี เริ่มเล่นสบายขึ้นหลังนำห่างนาทีที่ 63 โฮเซ่ มูรินโญ่ ส่ง อาร์เยน ร็อบเบน ปีกทีมชาติฮอลแลนด์ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บลงเล่นใน พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เป็นเกมแรกแทนที่ของ โคล เช่นเดียวกับ ติอาโก้ ที่ได้ลงมาเล่นแทน สเมอร์ติน
นาทีที่ 71 เชลซี เปลี่ยนตัวเป็นคนสุดท้ายของเกมส่ง มาเตย่า เคซมัน ลงมาแทน กุ๊ดยอห์นเซ่น ที่ได้พักหลังทำแฮตทริกได้ในเกมนี้จากนั้น 3 นาที เชลซี ได้ประตูนำห่าง 4-0 เมื่อ ดัฟฟ์ เลี้ยงจากขวาตัดเข้ากลางก่อนยิงด้วยซ้ายเต็มข้อบอลพุ่งเข้าเสาแรก ฟรีเดล ปัดได้แต่เอาไม่อยู่
เจ้าถิ่นน่าได้อีกประตูในนาทีที่ 81 เมื่อ ร็อบเบน ทำชิ่งกับ ติอาโก้ ก่อนที่ตัวเขาเองจะหลุดเข้าไปถึงเส้นหลังและตบเข้ากลางให้ เคซมัน แปคนเดียวโล่งๆ แค่ 6 หลาชนคานหน้าตาเฉย
ช่วงเวลาที่เหลือ แบล็คเบิร์น ไม่มีโอกาสเลยที่จะได้ประตูตีไข่แตกจากนั้นกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน เชลซี ชนะ แบล็คเบิร์น 4-0 ทวงรองจ่าฝูงคืนจาก เอฟเวอร์ตัน ที่ชนะ นอริช ซิตี้ 3-2 ก่อนหน้านี้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี - ปีเตอร์ เช็ก, เวย์น บริดจ์, เกล็น จอห์นสัน, ริคาร์โด้ คาวัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, โจ โคล, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, สกอตต์ ปาร์คเกอร์, อเล็กเซ สเมอร์ติน, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส - แบร็ด ฟรีเดล, ไมเคิ่ล เกรย์, โดมินิค มัตเตโอ, ลูคัส นีลล์, เคร็ก ช็อต, ยูริ จอร์เกฟฟ์, เบร็ท เอเมอร์ตัน, แบร์รี่ เฟอร์กูสัน, แกร์รี่ ฟลิตครอฟท์, สตีเฟ่น รีด, พอล ดิ๊กคอฟ
สรุปผลการแข่งขันฟุตบอล "พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ" ฤดูกาล 2004-2005 ประจำวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม 2547
นอริช ซิตี้ แพ้ เอฟเวอร์ตัน 2-3 (เควิน คิลเบน 0-1 นาที 10), (มาร์คัส เบนท์ 0-2 นาที 40), (ลีออน แม็คเคนซี่ 1-2 นาที 48), (เดเมี่ยน ฟรานซิส 2-2 นาที 57), (ดันแคน เฟอร์กูสัน 2-3 นาที 73)
แอสตัน วิลล่า ชนะ ฟูแล่ม 2-0 (โนลเบอร์โต้ โซลาโน่ 1-0 นาที 29), (ลี เฮนดรี้ 2-0 นาที 75)
เชลซี ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 4-0 (ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น 1-0 นาที 37), (ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น 2-0 นาที 38), (ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น 3-0 จุดโทษ นาที 50), (เดเมี่ยน ดัฟฟ์ 4-0 นาที 74)
คริสตัล พาเลซ ชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 4-0 (ฟริตซ์ ฮอลล์ 1-0 นาที 5), (แอนดรูว์ จอห์นสัน 2-0 จุดโทษ นาที 12), (แอนดรูว์ จอห์นสัน 3-0 นาที 50)
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส แพ้ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส 1-2 (รัดดี้ ไจดี้ 0-1 นาที 11), (ร็อบบี้ คีน 1-1 นาที 41), (เฮนริค พีเดอร์เซ่น 1-2 นาที 74)