xs
xsm
sm
md
lg

"บุญศักดิ์ พลสนะ" ชีวิตที่พลิกผันด้วยลูกขนไก่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หมุดหมายเมื่อวันวานของเด็กชายบุญศักดิ์ พลสนะ ครั้งที่มีอายุได้เพียง 9 ปีกับกีฬาแบดมินตัน คือความสนุกที่ได้ร่วมกิจกรรมกับครอบครัว และในเวลานั้นบุญศักดิ์ ได้เลือกแล้วว่า แบดมินตัน คือกีฬาที่เขาโปรดปราน ประกอบกับแรงขับดันจากครอบครัว ทำให้บุญศักดิ์คิดจะพัฒนาฝีมือของตนเองสู่ความเป็นเลิศ

ครึ่งทางแห่งความสำเร็จในปัจจุบันของบุญศักดิ์ พลสนะ กับตำแหน่งที่ 4 ของการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซที่ผ่านมา เป็นพิสูจน์หนึ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยได้เห็นว่า ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หากเราตั้งใจและพยายาม

แม้ไม่ได้เหรียญรางวัลคล้องคอกลับมา แต่ความสำเร็จที่ฝ่าฟันไปจนถึงรอบรองชนะเลิศ ก็ถือเป็นผลงานชั้นสูงสุดที่สมาคมแบดมินตันเคยทำได้ เพียงก้าวแรกที่บุญศักดิ์ กลับมาถึงเมืองไทยชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากเด็กหนุ่มที่มักเก็บตัวเงียบๆ ข้างสนามแข่งในวันนี้เขากลายเป็นบุคคลสาธารณะที่หลายคนให้ความสนใจ ผู้สนับสนุนที่เคยมีอยู่จำนวนหนึ่ง ก็เพิ่มขึ้นแน่นอนว่าชื่อเสียงเงินทองพากันประดังเข้ามาในชีวิตของบุญศักดิ์ ดั่งสายน้ำ ทุกวันนี้ เจ้าของฉายา “ซูเปอร์แมน” มีชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด บรรทัดต่อจากนี้คือ เรื่องราวแห่งความสำเร็จที่บุญศักดิ์ จะเล่าให้ฟัง

- ชีวิตภายหลังกลับมาจากโอลิมปิกที่กรีซเป็นอย่างไรบ้าง

ก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกันครับ รู้สึกว่าคนรู้จักเรามากขึ้น มีสื่อให้ความสนใจ มีงานที่ไม่ใช่การแข่งขันอย่าง โชว์ตัว หรือ ติดต่อให้ไปออกงานเข้ามามาก มีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากเดิม ตอนนี้ได้ฟาร์มเฮ้าส์ เข้ามาเป็นผู้สนับสนุน ส่วนเสื้อผ้า และอุปกรณ์แบดมินตัน รวมทั้งแรกเก็ต ผมก็ยังใช้ของ โกลเซ่น อยู่เหมือนเดิม อยู่แล้ว

ส่วนการซ้อม ตอนนี้ก็ยังซ้อมตามปกติ โดยเฉพาะช่วงนี้เตรียมตัวไปแข่งไชน่าโอเพ่น และ สิงค์โปร์ โอเพ่น ซึ่งแบดมินตันเป็นกีฬาที่ต้องแข่งในทัวร์นาเม้นท์ต่างประเทศฝีมือถึงจะพัฒนาไปจากเดิม และ อันดับโลกก็จะปรับขึ้นหรือลงตามผลการแข่งขันด้วย ซึ่งการเดินทางไปแข่งขันจะมีปูนซีเมนต์ไทยให้การสนับสนุนทุกครั้ง

- อยากให้ยกตัวอย่างเรื่องที่คิดว่าชีวิตตนเองเปลี่ยนไปจากเดิมมาก

ก็มีครับ ไปเดินสยามคนเขาก็จำได้ เขาเข้ามาทัก เรียกชื่อ “พี่แมน” แล้วเขาก็ยิ้มทำอะไรไม่ถูก (หัวเราะ) บางคนก็เข้ามาขอลายเซ็นมาขอถ่ายรูป โดยส่วนตัวรู้สึกดีใจที่มีคนให้กำลังใจ และรู้จักเราแม้ว่าจะไม่ได้เหรียญรางวัลกลับมา อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง เวลาทำอะไรในที่สาธารณะจะรู้สึกเกร็งๆ แต่ก็ดีใจที่รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งให้กำลังใจเราอยู่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผมก็ไม่ได้ปรับตัวอะไร ก็ยังคงทำตัวตามปกติ

- เห็นว่ามีกลุ่มแฟนคลับตั้งเวปไซด์ให้ด้วย

ก็เป็นพวกน้องๆ ที่เขาทำให้ ตอนแรกก็ไม่ทราบ พอทำเสร็จแล้วเขามาบอกว่า หนูทำเว็บไซด์ให้พี่ ก็รู้สึกดีใจ ซึ่งผมก็เข้าไปดูเหมือนกัน ตอนนี้ก็เห็นเขามีการรวมตัวเพื่อนัดเจอกัน

- จุดไหนที่ทำให้รู้สึกว่าตนเองมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของแฟนกีฬาชาวไทย

คือตอนที่แข่งอยู่ก็มีพี่นักข่าวที่ไปโอลิมปิก เดินมาบอกว่ามีคนดูเราเยอะนะ ยิ่งพอเข้ารอบ 8 คน พวกพี่นักข่าวก็ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ในเมืองไทยเราดังใหญ่แล้วนะ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเขาให้กำลังใจเรา แม่ก็ไม่ได้บอกอะไรด้วยเลยยังเฉยๆอยู่ แต่พอกลับมาเมืองไทยเห็นนักข่าวมารอต้อนรับ ก็เลยรู้สึกว่ามีคนให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น ได้ไปออกรายการโทรทัศน์อย่าง ถึงลูกถึงคน จากนั้นไปสัญญามหาชน แล้วก็ออกรายการโชว์ เวลาเดินไปไหนจะมีคนเข้ามารุมขอลายเซ็น หรือมีน้องๆโทรไปหาที่บ้านบ่อยมากจนคุณแม่แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะปกติผมไม่ค่อยได้อยู่บ้านจะอยู่ที่สนามแบดมากกว่า แต่หลังๆก็ซาไป

- ชีวิตปกติของ บุญศักดิ์ พลสนะ ตั้งแต่เช้าถึงเย็น

ตอนเช้าจะซ้อมตั้งแต่ 08.00 – 11.00 ช่วงเที่ยงก็จะไปทานข้าว ตอนบ่ายจะพัก แล้วมาซ้อมอีกทีช่วงเย็น ซึ่งจะเริ่มเวลา17.00 – 20.00 วันเสาร์ซ้อมครึ่งวัน วันอาทิตย์จะเป็นวันหยุด ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำตั้งแต่ก่อนไปโอลิมปิกแล้ว

- คิดว่าเวลานี้ตนเองกำลังใกล้ถึงจุดสูงสุดในชีวิตนักแบดมินตัน หรือยัง

สำหรับผมเองตอนนี้อายุ 22 ซึ่งถือว่าไม่น้อยแล้วสำหรับนักแบดมินตัน แต่ก็นับเป็นช่วงที่ดีที่สุดของนักแบด ซึ่งจะอยู่ประมาณ 22- 24 ปีเพราะจะพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ไม่ใช่ว่าหลังจากนี้แล้วจะเล่นไม่ดีไม่ใช่ มันขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะ

ความหวังในผลการแข่งขันรายการใหญ่ๆ ที่กำลังจะมาถึง หรือแม้กระทั่งโอลิมปิก ผมก็คิดว่าตนเองจะต้องพยายามให้มากกว่าเดิม และต้องไปโอลิมปิกที่ปักกิ่งให้ได้ ส่วนผลจะออกมาเช่นใดนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อม และแข่งขันเพื่อสะสมประสบการณ์ ให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงโอลิมปิก ปี 2008 จะได้พร้อมที่จะลงทำการแข่งขัน

- ตั้งความหวังในอนาคต กับอันดับโลกของตนเองอย่างไรบ้าง

คิดว่าน่าจะปรับให้ได้ดีกว่านี้เพราะเคยขึ้นไปอยู่สูงสุดที่อันดับ 6 แต่ช่วงหลังประมาณปี 2002 ผมฟอร์มตกไปประมาณ ปีครึ่ง ทำให้อันดับโลก ตกไปอยู่อันดับ 30 แต่ช่วงก่อนหน้าไปแข่งโอลิมปิก 8 เดือนอันดับโลกของผมเริ่มดีขึ้นมามากแล้ว ตอนนี้พยายามจะกลับมาติดหนึ่งในสิบให้ได้ภายในปีนี้

- จากจุดแรกที่เริ่มเล่นแบดมินตันด้วยความชอบถึงจุดนี้แล้วจุดประสงค์เปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด

ยังเล่นเพราะเป็นความชอบอยู่ครับ แต่ก็เป็นหน้าที่เป็นอาชีพของเราด้วย คือผมชอบกีฬานี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว คือมันสนุกกับสิ่งที่เราทำด้วย และทำให้เรามีรายได้ให้กับครอบครัวด้วย

- เรื่องเรียนหนังสือ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้เรียนคณะนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งสองสามปีหลังทางคณะได้จัดรุ่นพี่มาติวให้ ไม่ต้องเข้าชั้นเรียนเมื่อถึงเวลาเราก็ไปเข้าห้องสอบ ซึ่งจะเหนื่อยน้อยกว่าช่วงปีหนึ่ง ปีสอง ที่ต้องไปเรียนด้วยและก็ไปซ้อมด้วย

- ตอนที่กลับมาเห็นเพื่อนนักกีฬาที่ได้เหรียญเขาได้รับการต้อนรับอย่างดี ร่วมไปถึงเงินอัดฉีดจำนวนมาก กับเราที่พลาดหวังไปนิดเดียว รู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่

เสียดายมากกว่า เสียใจครับ แต่ผมพอใจกับผลงานตรงนี้ แม้ว่าผมจะไม่ได้เหรียญ คือผมอยู่กับความจริงว่าไม่ได้เหรียญก็คือไม่ได้ แต่ถึงจะเสียดายก็เสียดายช่วงเวลาสั้นๆ เพราะชอบเอาเรื่องแบบนี้มาคิดมาก

- อยากทราบจำนวนตัวเลขเงินอัดฉีด

ก็มีปูนซีเมนต์ไทย อาคารสงเคราะห์ ซึ่งรวมแล้วเกือบหนึ่งล้านสี่แสนบาท ซึ่งตรงนี้ผมก็ถือว่ามีคนให้ความสนับสนุนมากแล้ว เพราะเราไม่ได้เหรียญ

- คิดว่าตอนนี้บุญศักดิ์ เป็น แบบอย่างให้กับเยาวชนรุ่นใหม่หันมาเล่นแบดมินตันหรือไม่

ก็คิดว่ามีบ้าง คือจริงๆแล้วแบดมินตัน เป็นกีฬาที่ไม่ดังอะไรมาก เป็นกีฬาที่ต้องส่งออกไปแข่งเมืองนอกตลอดทั้งปี เพราะเป็นกีฬาที่ไม่ใช่อาชีพ และเงินรางวัลน้อย คนดูเลยไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่การเล่นกีฬาแบดมินตันนักกีฬาต้องเดินสายแข่งเหมือนกีฬาอาชีพ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาอาจจะไม่ค่อยคุ้ม คนที่เล่นจึงต้องรักกีฬาชนิดนี้จริงๆ

- วางอนาคตเมื่อเลิกเล่นแบดมินตัน จะผันตัวไปเป็นทนายความหรือไม่

คือใจหนึ่งก็อยากทำเช่นนั้นเพราะส่วนตัวชอบเรื่องกฎหมายอยู่แล้วแต่ตอนนี้ถ้าให้เลือก กับ แบดมินตัน ก็รักแบตมากกว่าอยู่แล้ว และสถานะเราในเวลานี้ต้องให้ความสนใจตรงจุดนี้มากกว่าอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเรียนก็พูดตรงๆว่าเรียนให้พอผ่าน

- รู้สึกว่ามีอุปสรรคหรือท้อบ้างไหมที่ต้องเรียนไปด้วย เล่นกีฬาไปด้วย

ก็มีบ้างครับ แต่เราก็ต้องอดทน ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้อยากให้ตนเองต้องจบมาเกรดดีมากมาย เพราะเราต้องทำหน้าที่แบดมินตันด้วย ส่วนพื้นฐานการศึกษาที่จะไปใช้ในชีวิตจริง คงต้องปรับอีกเยอะ ซึ่งผมก็รู้ตัวเองอยู่เสมอว่าถึงเรียนจบแล้วเราก็ได้แต่ประกาศนียบัตร ซึ่งความรู้คงยังไม่แน่นพอ คงต้องมาศึกษาเพิ่มเติมอีก

- หากเยาวชนที่รักกีฬาแบดมินตัน ต้องการก้าวขึ้นมาในจุดเดียวกับที่เรายืนอยู่มีคำแนะนำอย่างไรบ้าง

อยากฝากให้น้องที่สนใจในกีฬาแบดมินตัน ให้เริ่มเล่นด้วยใจที่รักในกีฬาประเภทนี้เสียก่อน เพราะถ้าไม่รักอาจจะเล่นได้ไม่นาน จากนั้นขยันฝึกซ้อม มีระเบียบวินัยในตนเอง มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งเป้าหมายมันเป็นสิ่งที่เราจะลืมมันได้ ถ้าเรามีเป้าหมายเราก็จะมีกำลังที่จะฝึกซ้อม แม้มันจะเบื่อมากน้อยแค่ไหนมันจะทำให้เรามีกำลังใจว่าเราฝึกซ้อมไปเพื่ออะไร

ส่วนเส้นทางก้าวเข้าสู่ทีมชาตินั้น อยากให้คนที่สนใจจะก้าวไปอีกขั้นหนึ่งต้องมีสังกัด มีชมรมอยู่ก่อนเมื่อเข้าชมรมแล้ว ทางชมรมจะส่งเราเข้าร่วมแข่งขันรายการในประเทศ ซึ่งเราต้องเริ่มผลงานจากตรงนั้นก่อน จากนั้นถ้าทางสมาคมได้เห็นฝีมือ อาจจะทำการติดต่อกลับไป

*******************************************************************

ประวัติ และผลงานของ บุญศักดิ์ พลสนะ

เกิด 22 กุมภาพันธ์ 2525 จ.กรุงเทพฯ
บิดา นายจีระศักดิ์ พลสนะ
มารดา นางบุญชื่น พลสนะ
การศึกษา มัธยมต้น สตรีวิทยา 2
มัธยมปลาย สอบเทียบจบที่โรงเรียนสามเสนนอก
มหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ผลงานนานาชาติในรอบปี 2004
- รอบ 16 คนสุดท้ายชิงแชมป์เอเชีย 2004
- รอบสุดท้าย โธมัส คัพ 2004
- ชนะเลิศไทยแลนด์โอเพ่น ปี 2004
- อันดับที่ 4 โอลิมปิกครั้งที่ 28 ณ กรุงเอเธนส์
กำลังโหลดความคิดเห็น