xs
xsm
sm
md
lg

ยูโรฯ 2004 ที่สุดของฟุตบอลยุโรป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มีคนเคยกล่าวไว้ว่าฟุตบอลคือกีฬาที่ผู้เล่น 11 คนของแต่ละทีมที่ต่างแย่งฟุตบอลกันและให้ลูกบอลนั้นเข้าสู่ประตูของฝ่ายตรงข้ามนับเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากที่สุด แต่กีฬาที่มีคนคิดว่าไร้สาระนั้นกลับเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีการจัดการแข่งขันรายการใหญ่ๆอยู่เป็นประจำ

สำหรับการแข่งขันที่นับเป็นสุดยอดที่ทั้งผู้เล่นและทีมชาติทั้งหลายใฝ่ฝันคงหนีไม่พ้น “ฟุตบอลโลก” ที่มีการจัด 4 ปีครั้งเป็นการชิงชัยของสุดยอดทีมในแต่ละทวีป ชิงชัยเพื่อให้ได้เป็นสุดยอดทีมของโลก ถัดจาก “ฟุตบอลโลก” แล้วคงหนีไม่พ้น “ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป” หรือในภาษาอังกฤษที่รู้จักกันในปัจจุบันคือ “UEFA European Championship” ซึ่งศักดิ์ศรีของแต่ละทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าฟุตบอลโลกแม้แต่น้อย ผิดกันก็เพียงจำนวนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน “ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป” นั้นมีทีมที่เข้าสู่รอบสุดท้ายเพียง 16 ทีม

ต้นกำเนิดของ “ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป”นั้นเริ่มต้นในปี 1956 โดยใช้ชื่อทัวร์นาเม้นท์ว่า European Nations' Cup จากนั้นอีกสองปีจึงเปลี่ยนมาใช้ UEFA European Championship ดังเช่นที่รู้จักกันในปัจจุบัน แต่เดิมนั้นรูปแบบของการแข่งขันของ “ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป” นั้นจะมีระบบการแข่งขันที่แตกต่างไปจากปัจจุบัน โดยจะแข่งกันแบบทีมเหย้าและทีมเยือนโดยนับผลแพ้ชนะตกรอบ จนถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งจะทำการแข่งขันในประเทศที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ

สำหรับประเทศแรกที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในศักราชใหม่คือประเทศฝรั่งเศสและผู้ที่มีส่วนร่วมผลักดันในครั้งนี้คือ “อองรี เดอลานี่ย์” นายกสมาคมฟุตบอลของประเทศฝรั่งเศส ด้วยคุณงามความดีที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติชื่อของเขาจึงถูกจารึกไว้บนถ้วยรางวัลไว้เป็นอนุสรณ์

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปนั้นมีพัฒนาการเรื่อยมา และประเทศที่เข้าร่วมชิงชัยถ้วยใบนี้ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในยุโรป และ สหภาพโซเวียต ล่มสลาย ทำให้เกิดประเทศใหม่ขึ้นมามากมาย

ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการปรับปรุงระบบการแข่งขันให้มีความสนุกมากกว่าเดิม ในปี 1980 มีการเปลี่ยนแปลงระบบการแข่งขัน 8 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่อิตาลีจะถูกแบ่งออกเป็นสองสายและแข่งแบบพบกันหมด จากนั้นจึงทีมที่มีคะแนนสูงสุดจะเข้าสู่รอบสุดท้ายที่อิตาลีซึ่งในปีนั้น เยอรมนี เข้าไปพบ เบลเยี่ยมในรอบสุดท้ายที่กรุงโรม และขุนพลนาซีครองแชมป์ด้วยสองประตูของ ฮอร์สต์ ฮรูเบซ พาให้เยอรมนีครองชัยในปีนั้น ด้วยสกอร์ 2-1

ในปี 1996 การแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรปเริ่มได้รับความสนใจจากประเทศน้อยใหญ่ที่อยู่ในเครือข่ายมากขึ้น มีทีมที่แจ้งความประสงค์จะเข้าร่วมการแข่งขันถึง 48 ทีม รูปแบบการแข่งขันจึงเปลี่ยนไปอีกครั้ง จาก 48 ทีม ฝ่ายจัดการแข่งขันและฟีฟ่าได้ตัดสินใจเพิ่มโควต้าทีมในรอบสุดท้ายเป็น 16 ทีมเป็นครั้งแรก เพื่อพาเหรดกันเข้าสู่เกาอังกฤษเพื่อแข่งขันในรอบสุดท้าย

โดยการแข่งขันยูโรฯ รอบสุดท้ายในครั้งนั้น รอบแรกแบ่งออกเป็นสี่สายและทีมที่มีคะแนนอันดับที่หนึ่งและสองก็จะเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ใช้ระบบแพ้ตกรอบ จากนั้นก็จะถึงรอบรองชนะเลิศสี่ทีม และคู่ชิง นอกจากนี้ยังได้มีการนำกฎ “โกลเด้นโกล”มาใช้งานเป็นครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในครั้งนี้ด้วย

ความเป็นมาอันยาวนานกว่า 48 ปีของฟุตบอลที่ถูกยกย่องว่าเป็นแมทช์การแข่งขันที่มีความสำคัญรองอยู่เพียงฟุตบอลโลก ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นยิ่งในวันที่โลกไร้พรมแดนเยี่ยงนี้แล้วจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปสามารถหยุดผู้คนเกือบจะทุกมุมโลก รวมทั้งเมืองไทยให้คอยจับตาในทุกนัดของการแข่งขันและตลอด 20 นับตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม ของทัวร์นาเม้นท์หยุดโลกนี้ สิ่งที่ผู้คนพูดทั่วทั้งเมืองจะใช้เป็นหัวข้อในการสนทนาคงหนีไม่พ้น “ยูโรฯ 2004” อย่างแน่นอน

โปรตุเกสเจ้าภาพเงียบเหงาอ่อนประชาสัมพันธ์
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า การแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2004 ในปีนี้ 16 ทีมสุดท้ายจากทั่วทั้งทวีปยุโรปจะต้องไปพบกันในรอบสุดท้ายที่โปรตุเกส แต่ในเวลาที่เหลือไม่ถึงสองสัปดาห์และการแข่งขันนัดเปิดสนามระหว่าง เจ้าภาพโปรตุเกส และทีมชาติกรีซ กำลังจะเริ่มขึ้นกระแสของยูโร 2004 กลับเงียบหายเข้าสายลมของมหาสมุทรแอตแลนติก

แม้กระทั่งมาสคอตประจำการแข่งขันที่ชื่อ ‘คีนาส’ ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง หรือของที่ระลึกของการแข่งขันในครั้งนี้ยังหาได้ยากยิ่งไม่ว่าจะเป็นในยุโรป หรือในเมืองไทย

ด้วยความที่เป็นมือใหม่ในการจัดการแข่งขันระดับสากลเช่นนี้ทำให้โปรตุเกส อ่อนยวบในเรื่องประชาสัมพันธ์ ข้อมูลสนามแข่งขัน หรือ แม้กระทั่งตั๋วเข้าชมการแข่งขัน ถ้าไม่ใช่คนที่ให้ความสนใจเรื่องฟุตบอลแล้วอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ายูโร 2004 ในครั้งนี้แข่งที่สนามไหนในเมืองใดบ้าง

ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการฟุตบอลหลายคน ต่างให้ความเห็นที่เกือบจะตรงกันว่าการแข่งขันยูโรในปีนี้จัดเร็วเกินไปทำให้กระแสตอบรับของแฟนบอลเงียบเกินกว่าที่ควรจะเป็น รวมถึงความอ่อนประสบการณ์ทางด้านประชาสัมพันธ์ของเจ้าภาพ ที่ไม่ค่อยปล่อยข่าวความเคลื่อนไหวออกมาสักเท่าไร

นอกจากนั้นยังมีกระแสความไม่สงย ที่แฟนบอลทั้งหลายในทศวรรษนี้ ต่างก็กลัวเรื่องขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ ที่อาจเกิดวินาศกรรมขึ้นในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่เช่นนี้ได้ ทั้งหมดนี้จึงขมวดรวมให้กระแสฟุตบอลยูโร 2004 ไม่เป็นที่ฮือฮาเท่ากับการแข่งขันในปี 2000 ที่ฮอลแลนด์ กับ เบลเยี่ยมเป็นเจ้าภาพร่วมกัน

แต่ถึงแม้ว่ากระแสการแข่งขันในครั้งนี้จะเงียบเกินกว่าที่ควรจะเป็น แต่เจ้าภาพก็ยังถือว่าเป็นเพียงเรื่องก่อนการแข่งขัน ที่สำคัญบัตรเข้าชมในขณะนี้ก็ขายได้เกือบหมดแล้ว โปรตุเกส ยังหวังว่าเมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นผู้คนก็จะหันมาให้ความสนใจอย่างที่ควรจะเป็น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนบอลเจ้าภาพด้วยแล้ว ปีนี้พวกเขาหวังกันมากว่า โปรตุเกสจะได้ครองถ้วยใบนี้ เพราะนอกจากความได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพแล้ว แฟนบอลชาวโปรตุเกสยังเชื่อมันในฝีเท้าของนักฟุตบอลของตนเป็นอันมาก และมั่นใจเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่สโมสรฟุตบอลชั้นนำของโปรตุเกสอย่าง ‘ปอร์โต้’ ต้อน ‘โมนาโก’ ของฝรั่งเศส และครองถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกได้อย่างสมศักดิ์ศรี

แฟนบอลไทยเริ่มตื่นตัวรับยูโร 2004
ฟุตบอลคือกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองไทย ลีกที่มีคนดูมากที่สุดคือพรีเมียร์ชิพอังกฤษรองลงมาก็ยังเป็นลีกดังของยุโรป ความคุ้นเคยและความนิยมที่ถูกปลูกฝังมานานทำให้แฟนฟุตบอลชาวไทยไม่พลาดที่จะเฮไปตามกระแสยูโรด้วยใจที่รักและรอคอยเป็นอย่างยิ่ง

เนื่องจากการแข่งขันจัดกันในทวีปยุโรปทำให้เวลาที่แฟนบอลชาวไทยจะได้ชมการบดแข้งของนักฟุตบอลทีมโปรดนั้นต้องล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มและจบคู่สุดในเวลา ตีสี่ของอีกวัน เป็นเวลาที่สร้างความทุกข์ทรมานแก่แฟนฟุตบอลยิ่งนักเนื่องจากผู้รับชมส่วนใหญ่ล้วนแล้วต้องมีหน้าที่ในวันรุ่งขึ้นไม่ว่าจะเรียนหรือทำงาน

แต่ถึงแม้จะดึกแค่ไหน แฟนบอลชาวไทยก็ไม่เคยหวั่นเพราะเท่าที่ผ่านมาในการแข่งขันฟุตบอลระดับนี้ในเวลาใกล้เคียงกันก็ยังมีผู้เฝ้าติดตามชมเป็นจำนวนมากและในครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน จุดหมายส่วนใหญ่ของแฟนบอลชาวไทยในการรับชมการแข่งขันนอกเหนือจากในที่พักส่วนตัวแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นตามสถานบันเทิงหรือลานกว้างหน้าห้างสรรพสินค้า ที่มักจะจัดกิจกรรมในการชมฟุตบอล รวมไปถึงการจำหน่ายสุราควบคู่ไปด้วย

สีสันอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในเมืองไทยมาไม่นานนี้เห็นจะเป็นบรรยากาศการเชียร์ของแฟนบอลรุ่นใหม่ที่นิยมรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่และนัดกันไปชมการถ่ายทอด ตามลานกว้างที่เปิดให้ชมฟรี มีการแต่งตัวแต้มสีบนใบหน้าเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกให้รู้ว่ากลุ่มของตนนั้นเชียร์ทีมอะไร บางที่ก็จัดให้มีกิจกรรมร่วมกับบรรดานักแสดงคือคนดังในแวดวงสังคมรางวัลสูงสุดอาจหมายถึงบัตรเข้าชมการแข่งขันในรอบสุดท้ายก็เป็นได้

กระแสการแข่งขันพัดแรงถึงคนทุกวงการ
ไม่เพียงแต่กลุ่มวัยรุ่นหรือคนทำงานออฟฟิศเท่านั้นที่ตั้งตารอคอยรับชมการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญในครั้งนี้ คนไทยเกือบจะทั้งประเทศที่ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลต่างก็นับถอยหลังรอวันที่จะเข้าสู่ห้วงบรรยากาศนั้นด้วยใจระทึก ไม่เว้นแม้แต่คนในวงการโทรทัศน์ คนเดินเรื่องชื่อดังอย่าง สุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ ผู้ผลิตและดำเนินรายการสารคดีชีวิตที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ “คนค้นคน”

สุทธิพงศ์ หรือ พี่เช็ค ให้สัมภาษณ์กับทีมงานผ่านสายโทรศัพท์ถึงกระแสยูโร 2004 ที่กำลังจะพัดพามาสู่ตัวเขาในอีก 11 วันข้างหน้านี้ว่า “โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ายูโร 2004 จะเงียบเหงากว่าในครั้งที่ผ่านมาในปี 2000 ทั้งที่ความจริงแล้วการแข่งขันนัดสำคัญเช่นนี้ผู้คนน่าจะตื่นตัวและให้ความสนใจมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่คิดว่าเมื่อถึงช่วงของการแข่งขันความสนใจก็คงไปรวมกันที่จุดเดียวเฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา”

สำหรับการรับชมการแข่งขันของพิธีกรคนดังนั้น พี่เช็คเล่าว่า “ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่ยังทำงานอยู่กับเจเอสแอล จะมีการตั้งจอขนาดใหญ่ให้คนทั้งบริษัทได้รับชมนับเป็นการสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานไปอีกแบบ เมื่อออกมาทำบริษัทเองก็อาจจะนั่งดูกับน้องๆในบริษัท หรือไม่ก็ดูตามบ้านเพื่อนซึ่งการแข่งขันเช่นนี้ถือว่าเป็นวาระพิเศษนอกจากได้ชมฟุตบอลแล้วยังอาจะเป็นพบกับเพื่อนฝูงที่นานๆเจอกันทีด้วย แต่คิดว่าในปีนี้คงดูอยู่ที่บ้านหรือไม่ก็ดูรวมกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆสักคนสองคน”

ส่วนนักฟุตบอลในดวงใจของ สุทธิพงศ์ นั้นเป็นนักฟุตบอลในดวงใจของใครอีกหลายคนในประเทศนี้ที่ชื่อ ‘เดวิด เบ็คแฮม’ พี่เช็คให้เหตุผลว่าที่ชอบ เบ็คส์ นั้นไม่ใช่เพราะความเป็นซูเปอร์สตาร์ของเขา แต่ชอบในความเป็นนักสู้ของที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ยังเล่นอย่างเต็มความสามารถ รวมไปถึงความที่เป็นนักฟุตบอลที่ไม่มีพฤติกรรมเกเรหรือเล่นนอกเกมให้ได้เห็น

นอกจากนี้ พี่เช็ค ยังแอบเผยด้วยว่า ติดตามข่าวของเบ็คส์มานาน แต่มาได้ชมฝีเท้าอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อครั้งที่ กัปตันทีมชาติอังกฤษผู้นี้ย้ายมาสังกัดกับ สโมสรรีลมาดริด ซึ่งเป็นลีกส์ที่พี่เช็คชื่นชอบเนื่องจากเป็นการถ่ายทอดที่ตรงกับเวลาหลังเลิกงานของตนเอง

ส่วนทีมที่ ‘คนเดินเรื่อง’ใบหน้าคมเข้มผู้นี้กำลังจะเฝ้าเชียร์ไม่ใช่อังกฤษที่อย่างที่ทีมงานคาดคิด แต่กลับเป็นโปรตุเกสซึ่งพี่เช็คให้เหตุผลว่า “ที่เชียร์โปรตุเกสเพราะรู้สึกว่าเขามีการเล่นกันเป็นทีม และไม่มีซูเปอร์สตาร์คนใดคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมา เลยอยากให้ทีมที่ใช้ความร่วมมือร่วมใจเช่นนี้เข้าสู่รอบลึกๆ แต่จริงๆแล้วก็คิดว่าโปรตุเกสน่าจะเป็นทีมที่มีนักฟุตบอลซึ่งมีฝีเท้าดีในระดับหนึ่ง วัดจากที่ปอร์โต้ สโมสรดังของโปรตุเกสที่เพิ่งคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกไป ปีนี้โปรตุเกส น่าจะมีผลงานที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน”

คนทำงานในเวลาออฟฟิศอาจจะลำบากสักหน่อยที่จะรับชมการแข่งขันในครั้งนี้ บางคนอาจต้องใช้เครื่องดื่มบำรุงกำลังเพื่อให้ฟื้นตัวจากอาการอดนอนแต่สำหรับพี่เช็คแล้วช่วงเวลาการถ่ายทอดนั้นถือเป็นเวลาปกติหลังการทำงานไม่มีปัญหาต่อการทำงานในวันรุ่งขึ้นและแน่นอนว่าบรรดาเครื่องดื่มบำรุงกำลังจะไม่ได้ผ่านลงสู่ลำคอของเขาเช่นกัน

เมื่อทีมงานให้สุทธิพงศ์ลองเลือกเป็นศูนย์หน้าของทีมใดทีมหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้เขากล่าวกลั้วเสียงหัวเราะว่า “อยากเป็นศูนย์หน้าของทีมชาติฝรั่งเศส เพราะรู้สึกว่าผู้เล่นแต่ละตัวล้วนแล้วแต่มีความสามารถและคิดว่าในการแข่งขันครั้งนี้ ฝรั่งเศสน่าจะได้ครองแชมป์”

‘น้าติง’ ขอลุ้นแมทช์หยุดโลกที่ร้านหมูกระทะ
นอกจากคนในวงการโทรทัศน์อย่างสุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ แล้วทีมงานยังมีโอกาสยกสายคุยกับ อาจารย์สุวัฒน์ กลิ่นเกษร หรือ น้าติง นักพากย์ชื่อดังผู้เป็นขวัญใจของคนทุกวัย ไม่ว่าจะเด็กตัวน้อย จนถึง ผู้ใหญ่วัยเลย 40 น้าติงให้กล่าวถึงความตื่นตัวของแฟนกีฬาต่อยูโร 2004 ในครั้งนี้ด้วยเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ว่า

“กระแสคราวนี้ไม่ถึงกับเงียบเหงา แต่ก็ไม่หวือหวา ไม่บูมเท่าฟุตบอลโลก เป็นเพราะว่าเที่ยวนี้มีโทรทัศน์ถ่ายแค่ 2 ช่อง คือช่อง 3 กับช่อง 7 ไม่ได้ถ่ายทุกช่อง ทำให้กระแสการโปรโมทมีไม่มากเท่าที่ควร เรื่องของกิจกรรมร่วมสนุกหรือการทายผลก็มีออกมาน้อยผิดปกติ หรืออาจจะเป็นเพราะทัวร์นาเม้นต์ ยูโรฯ ไม่มีทีมขวัญใจชาวไทยอย่าง บราซิล และ อาร์เจนติน่า เหมือนในฟุตบอลโลกด้วย ทำให้ยังๆความนิยมก็สู้ไม่ได้แต่อย่างไรเสีย น้าติง ก็ยังคงติดตามอยู่ดี”

ส่วนการรับชมเพื่อเพิ่มความสนุกให้เข้ากับบรรยากาศระดับโลกเช่นนี้ น้าติงเผยว่า “ถ้าเป็นนัดสำคัญก็จะหาโอกาสไปชมกับเพื่อนฝูง ส่วนมากก็เป็นเพื่อนที่ทำงาน หรือไปกับลูกชาย แต่ต้องเป็นนัดที่สำคัญๆจริงๆเท่านั้น ส่วนยูโรฯในครั้งนี้ขอเชียร์อังกฤษ เพราะมีนักเตะขวัญใจของ “น้าติง” อย่าง เดวิด เบ็คแฮม แต่น้าติงยังปันใจไปเชียร์ อิตาลี นิดหน่อยกันความผิดหวังด้วย”

แน่นอนเมื่อ น้าติง เชียร์ทีมชาติอังกฤษพอทีมงานให้น้าติงเลือกจะเป็นศูนย์หน้าของทีมใดสักทีมหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ น้าติง ชี้ชัดลงไปเลยว่า “ถ้าให้เลือกเป็นศูนย์หน้าครั้งนี้ ก็ต้องขอเป็นหัวหอกของทีมอังกฤษแน่นอน เพราะมี กองกลางอย่าง เดวิด เบ็คแฮม คอยโยนบอลให้ สมัยก่อนเวลาน้าติงเล่นฟุตบอล สไตล์ของน้าติงจะชอบลูกกลางอากาศ เป็นนักเตะที่ชอบขึ้นโขกบอล แต่หุ่นตอนนี้อาจจะขึ้นลำบากหน่อย(หัวเราะ)เล่นศูนย์หน้าให้ทีมชาติอังกฤษคงดี เพราะอังกฤษเล่นมัน ได้ลุ้นตลอด ทั้งลูกโยน และลูกเซ็ตพีซ คงจะมีโอกาสได้ซัลโวประตูเยอะ

ส่วนเวลาการถ่ายทอดที่อาจจะดึกจนเกินไปสำหรับชายวัยเลยเลขสี่แต่หัวใจยังหนุ่ม ซึ่งน่าจะเป็นอุปสรรคต่อการรับชมไม่น้อย น้าติงกล่าวว่า “คงเลือกติดตามการถ่ายทอดสดครั้งนี้บางคู่เท่านั้น อาจจะได้ดูคู่แรกช่วงห้าทุ่ม แต่คู่ดึกตอนตีหนึ่ง คงต้องเลือกลุ้นคู่ที่สำคัญจริงๆ และวันรุ่งขึ้นไม่ได้เป็นวันทำงานด้วย เพราะถ้าอดนอนมากๆ กลัวว่ารุ่งขึ้นจะทำงานไม่ไหว แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากอดนอน ก็จะหาเวลางีบพักผ่อนบ้าง แต่คงไม่ค่อยได้ดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มบำรุงกำลัง แต่มีเคล็ดลับที่ภรรยาแนะนำสำหรับการดูแลร่างกายให้เป็นพิเศษ (หัวเราะ)”

ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศน้าติงวางแผนไว้ว่าจะนัดลูกชายสุดเลิฟไปดู ที่ร้าน สเต๊กสปอร์ตบ้าง หรือไม่ก็ ร้านหมูกระทะปิ่นเกล้าแถวๆบ้านเพราะบ้านน้าติ่งอยู่ จรัญสนิทวงศ์ซอย 13

ส่วนตัวทีมเต็งแชมป์ในปีนี้น้าติงฟันธงมาแล้วว่าคงไม่หนีไปจาก ฝรั่งเศส เพราะตัวผู้เล่นในทีมครบมาก มีนักเตะฝีเท้าระดับโลกอยู่หลายคนทั้ง ซีดาน, วิเอร่า, ปิแรส และอองรี โดยเฉพาะเธียร์รี่ อองรี กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มด้วย ส่วนทีมอื่นที่น่าจะเข้ามาสอดแทรกได้อาจจะเป็น อิตาลี, อังกฤษ หรือแม้แต่โปรตุเกส ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพ”

‘หนุ่ม- ศรราม’ ยูโรฯครั้งนี้ขอดูคนเดียวไม่เกี่ยวใคร
นอกจากพิธีกร และ นักพากย์ชื่อดัง คนในแวดวงบันเทิงที่มีฝีเท้าในการเล่นฟุตบอลไม่น้อยหน้าใครอย่าง หนุ่ม-ศรราม ก็ไม่พลาดกับกระแสยูโรฯ ในครั้งนี้เขามองว่าที่มีหลายคนคิดว่ากระแสยูโรฯ2004เงียบเหงา ไม่น่าจะใช่เช่นนั้น แต่คงเป็นเพราะปีนี้มีทัวร์นาเม้นท์ต่างๆ เยอะเกินไป ซึ่งน่าจะเป็นผลที่ทำให้ผู้คนคิดว่าการแข่งขันในปีนี้เงียบเหงา”

ส่วนนักฟุตบอลในดวงใจของ ศรราม ก็ไม่ใช่อื่นคุ้นหน้าคุ้นตากันดีในลีกส์ดังของอังกฤษและสเปน ‘หนุ่ม’ เผยว่าส่วนตัวนั้นชื่นชม ซีดาน และ อองรีมานานแล้ว แต่สำหรับยูโรฯครั้งนี้ตั้งเป้าว่าจะเชียร์ทีมชาติอังกฤษ เพราะเห็นว่าทีมสิงโตคำรามไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันแมทช์ใหญ่ๆมานานแล้ว เลยอยากเอาใจช่วย”

แต่เมื่อทีมงานให้เลือกเป็นศูนย์หน้าของทีมใดทีมหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ ศรราม ขอเลือกเป็นศูนย์หน้าของทีมชาติฝรั่งเศส และ อยากมีลีลาการเล่นเฉกเช่นเดียวกับ อองรี

นอกจากนี้ ศรรามยังฟันธงทีมเต็งแชมป์อย่างมั่นใจว่า “ปีนี้แชมป์คงเป็นฝรั่งเศสอย่างแน่นอนเพราะดูจากการวางตัวผู้เล่นในทุกตำแหน่งแล้ว ถือว่าฝรั่งเศสเป็นทีมที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ที่สุด”

หน้าที่การงานที่เป็นนักแสดงทำให้เวลาของ ‘หนุ่ม’ นั้นไม่ค่อยตรงกับคนอื่นเท่าไรนักส่วนการรับชมเขาสารภาพตรงๆเลยว่า “คงไม่มีการอดนอนเพื่อดูบอลหรอกครับ ผมจะไม่ฝืนสุขภาพตนเองเด็ดขาด เพราะทุกวันนี้เวลาพักผ่อนก็น้อยอยู่แล้ว ส่วนเครื่องดื่มบำรุงกำลังหรือที่มีคาเฟอีน ก็ไม่จำเป็นเพราะปกติผมไม่ดื่มอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ดูช่วงถ่ายทอดสด ก็ดูเทปที่นำกลับมาฉายซ้ำก็ได้ครับ”

ส่วนการแข่งขันในนัดชิงนั้น ศรราม กล่าวอย่างออกตัวว่า “คงต้องดูเวลาก่อนว่าชนกับงานหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ก็คงจะไปดูกับเพื่อน แต่โดยปกติจะดูคนเดียว เพราะเวลาทำงานไม่ค่อยตรงกับใคร ส่วนใหญ่แล้วจะกลับบ้านมานั่งดูเทปที่เขามาฉายซ้ำเสียมากกว่า แต่ถ้ามีการรวมกลุ่มกับเพื่อนเพื่อชมการแข่งขันร่วมกัน ก็ไม่มีร้านประจำหรอกครับ การดูบอลตามร้านอาหารหรือสถานที่ต่างๆก็เป็นการสร้างบรรยากาศในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งน้องๆที่ชื่นชอบความสนุกสนานก็อาจไปดูกับเพื่อนหลายๆคน แต่ผมไม่อยากให้มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง

อยากให้ร้านที่เปิดปิดตามเวลากำหนด ไม่อยากให้เปิดเกินเวลา มิเช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นแหล่งมอมเมา ผมอยากให้ดูบอลแบบรักทีมไหนเชียร์ทีมนั้น หรือไม่ก็ดูทักษะและวิถีการเล่นของแต่ละทีมมากกว่าไปดูเพื่อการพนัน” นักแสดงชื่อดังกล่าวให้ข้อคิดทิ้งท้าย

ในภาพสังคมปัจจุบันที่คนไทยหลายล้านคนต้องดำรงชีวิตด้วยความอยากลำบาก ยามที่มีการแข่งขันกีฬาหรือฟุตบอลนัดสำคัญนอกจากเป็นการสร้างความบันเทิงในรูปแบบที่ไม่ต้องเสียเงินเสียทองมากมายแล้ว การรับชมกีฬายังเป็นอีกหนึ่งหนทางในการบำบัดความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากชีวิตปกติ ให้ได้หายเครียดในห้วงเวลา 90 นาที ซึ่งนับเป็นห้วงเวลาที่หลายคนในขณะนี้กำลังถวิลหาศึก ยูโร 2004 ครั้งนี้อย่างที่สุด

ตารางการถ่ายทอด ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโรฯ2004)
รอบแบ่งกลุ่ม
กลุ่ม วันที่ คู่แข่ง เวลา ถ่ายทอดสด สถานที่/เมือง
A 12 มิ.ย. โปรตุเกส-กรีซ 23.00 น. 3,7 โอปอร์โต้
A 12 มิ.ย. สเปน-รัสเซีย 01.45 น. 3 ฟารู่-โลเล่
B 13 มิ.ย. สวิตเซอร์แลนด์-โครเอเชีย 23.00 น. 3 เลยเรีย
B 13 มิ.ย. ฝรั่งเศส-อังกฤษ 01.45 น. 7 ลิสบอน
C 14 มิ.ย. เดนมาร์ก-อิตาลี 23.00 น. 7 กิมาไรซ์
C 14 มิ.ย. สวีเดน-บัลแกเรีย 01.45น. 3 ลิสบอน
D 15 มิ.ย. เยอรมัน-ฮอลแลนด์ 23.00 น. 3 โอปอร์โต้
D 15 มิ.ย. สาธารณรัฐเชก-ลัตเวีย 01.45 น. 7 อะเวยรู่
A 16 มิ.ย. กรีซ – สเปน 23.00 น. 7 โอปอร์โต้
A 16 มิ.ย. รัสเซีย – โปรตุเกส 01.45 น. 3 ลิสบอน
B 17 มิ.ย. อังกฤษ – สวิตเซอร์แลนด์ 23.00 น. 3 กูอิมบรา
B 17 มิ.ย. โครเอเชีย – ฝรั่งเศส 01.45 น. 7 เลยเรีย
C 18 มิ.ย. บัลแกเรีย – เดนมาร์ก 23.00 น. 7 บราก้า
C 18 มิ.ย. อิตาลี – สวีเดน 01.45 น. 3 โอปอร์โต้
D 19 มิ.ย. ลัตเวีย – เยอรมัน 23.00 น. 3 โอปอร์โต้
D 19 มิ.ย. ฮอลแลนด์ – สาธารณรัฐเช็ก 01.45 น. 7 อะเวยรู่
A 20 มิ.ย. สเปน – โปรตุเกส 01.45 น. 3 ลิสบอน
A 20 มิ.ย. รัสเซีย – กรีซ 01.45 น. 7 ฟารู่ – โลเล่
B 21 มิ.ย. โครเอเชีย – อังกฤษ 01.45 น. 3 ลิสบอน
B 21 มิ.ย. สวิตเซอร์แลนด์ – ฝรั่งเศส 01.45 น. 7 กูอิมบรา
C 22 มิ.ย. อิตาลี – บัลแกเรีย 01.45 น. 3 กิมาไรซ์
C 22 มิ.ย. เดนมาร์ก – สวีเดน 01.45 น. 7 โอปอร์โต้
D 23 มิ.ย. ฮอลแลนด์ – ลัตเวีย 01.45 น. 3 บราก้า
D 23 มิ.ย. เยอรมัน – สาธารณรัฐเช็ก 01.45 น. 7 ลิสบอน
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
25 24 มิ.ย. ที่ 1 กลุ่ม A – ที่ 2 กลุ่ม B 01.45 น. 3 ลิสบอน
26 25 มิ.ย. ที่ 1 กลุ่ม B – ที่ 2 กลุ่ม A 01.45 น. 7 ลิสบอน
27 26 มิ.ย. ที่ 1 กลุ่ม C – ที่ 2 กลุ่ม D 01.45 น. 3 ฟารู่ – โลเล่
28 27 มิ.ย. ที่ 1 กลุ่ม D – ที่ 2 กลุ่ม C 01.45 น. 7 โอปอร์โต้

รอบรองชนะเลิศ
30 มิ.ย. ผู้ชนะจากแมตช์ที่ 25 – ผู้ชนะจากแมตช์ที่ 27 01.45 น. 3 ลิสบอน
1 ก.ค. ผู้ชนะจากแมตช์ที่ 26 – ผู้ชนะจากแมตช์ที่ 28 01.45 น. 7 โอปอร์โต้
รอบชิงชนะเลิศ
4 ก.ค 01.45 น. 3,7 ลิสบอน

ตำนานมหกรรมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

ครั้งที่ 1 ปี ค.ศ. 1960 เจ้าภาพ ฝรั่งเศส
แชมป์ โซเวียต รองแชมป์ ยูโกสลาเวีย

ครั้งที่ 2 ปี ค.ศ. 1964 เจ้าภาพ สเปน
แชมป์ สเปน รองแชมป์ โซเวียต

ครั้งที่ 3 ปี ค.ศ. 1968 เจ้าภาพ อิตาลี
แชมป์ อิตาลี รองแชมป์ ยูโกสลาเวีย

ครั้งที่ 4 ปี ค.ศ. 1972 เจ้าภาพ เบลเยี่ยม
แชมป์ เยอรมนีตะวันตก รองแชมป์ โซเวียต

ครั้งที่ 5 ปี ค.ศ. 1976 เจ้าภาพ ยูโกสลาเวีย
แชมป์ เชคโกสโลวาเกีย รองแชมป์ เยอรมนีตะวันตก

ครั้งที่ 6 ปี ค.ศ. 1980 เจ้าภาพ อิตาลี
แชมป์ เยอรมนีตะวันตก รองแชมป์ เบลเยี่ยม

ครั้งที่ 7 ปี ค.ศ. 1984 เจ้าภาพ ฝรั่งเศส
แชมป์ ฝรั่งเศส รองแชมป์ สเปน

ครั้งที่ 8 ปี ค.ศ. 1988 เจ้าภาพ เยอรมนีตะวันตก
แชมป์ ฮอลแลนด์ รองแชมป์ โซเวียต

ครั้งที่ 9 ปี ค.ศ. 1992 เจ้าภาพ สวีเดน
แชมป์ เดนมาร์ค รองแชมป์ เยอรมนี

ครั้งที่ 10 ปี ค.ศ. 1996 เจ้าภาพ อังกฤษ
แชมป์ เยอรมนี รองแชมป์ สาธารณรัฐเชก

ครั้งที่ 11 ปี ค.ศ. 2000 เจ้าภาพ ฮอลแลนด์-เบลเยี่ยม
แชมป์ ฝรั่งเศส รองแชมป์ อิตาลี

ครั้งที่ 12 ปี ค.ศ. 2004 เจ้าภาพ โปรตุเกส
แชมป์ ? รองแชมป์ ?

ทำเนียบแชมป์ยูโรฯ
เยอรมนี 3 สมัย
ฝรั่งเศส 2 สมัย
สเปน 1 สมัย
อิตาลี 1 สมัย
ฮอลแลนด์ 1 สมัย
เดนมาร์ค 1 สมัย
โซเวียต 1 สมัย
เชคโกสโลวาเกีย 1 สมัย
กำลังโหลดความคิดเห็น