xs
xsm
sm
md
lg

ดวงเมืองปี 69 “ไทย”ยิ่งรบยิ่งแข็งแกร่ง “ฮุน เซน”ดวงตกหายนะ -“เขมร”มีเกณฑ์ปฏิวัติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ซินแสเข่ง” เผย ดวงเมืองของ“ไทย” มั่นคง มี 3 เสาหลัก “กษัตริย์-ทหาร-นักปราชญ์” ค้ำประเทศ ชี้ ยิ่งรบยิ่งแข็งแกร่ง ส่วนปี 69 ยังมีความขัดแย้งภายใน ภัยสงครามยืดเยื้อถึงเดือน ก.พ. ขณะที่ดวงเมือง“กัมพูชา” เป็นดวงแตกแยก มีการปะทะกันและเกิดการทำลายล้าง เป็น“คู่ศัตรู”กับไทย ในปี 69 ปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า มีความแตกแยก ก้าวสู่กลียุค เกิดการปฏิวัติ ส่วน “ฮุน เซน” มีเกณณฑ์หมดอำนาจ พลัดพรากจากบ้านเกิด กระทั่งปี 2570 คือจุดสิ้นสุดของชีวิต

แม้ว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC-General Border Committee)ระหว่างไทย-กัมพูชาเพื่อเจรจาเงื่อนไขในการหยุดยิง แต่หลายฝ่ายก็ยังไม่มั่นใจว่าไทยกับกัมพูชาจะสามารถยุติการสู้รบได้จริงหรือไม่ เพราะตราบใดที่กัมพูชายังคงยิงถล่มหมู่บ้านของคนไทยไม่หยุดหย่อน ก็จำเป็นที่กองทัพไทยจะต้องจัดการกับขุมกำลังของกัมพูชาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำให้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าการสู้รบจะจบลงภายในปีนี้หรือไม่ และสถานการณ์ในปี 2569 จะเป็นเช่นไร

ขณะที่บรรดาสายมูต่างก็อยากรู้ว่าหากเทียบดวงเมืองของไทยกับกัมพูชาแล้วใครจะอยู่ใครจะไป ดวงใครจะแข็งกว่ากัน ?

“ซินแสเข่ง” อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย
“ซินแสเข่ง” อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ได้คำนวณดวงเมืองทั้งของไทยและกัมพูชาในปี 2569 ไว้อย่างละเอียดชัดเจน

ดวงเมืองประเทศไทย


ซินแสเข่ง ระบุว่า สำหรับดวงเมืองของประเทศไทยนั้นถือเอาวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์คือวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 เป็นเกณฑ์ ดวงเมืองของไทยผูกไว้กับกษัตริย์ ทหาร และนักปราชญ์ครูบาอาจารย์ ซึ่งสามเสาหลักนี้จะมีผลต่อความมั่นคงของประเทศ ดวงเมืองของไทยยังไงก็ต้องมีพระมหากษัตริย์ และต้องมีทหารดูแลประคับประคองประเทศให้อยู่รอดปลอดภัย นอกจากนั้นดวงเมืองของไทยยังผูกกับครูซึ่งหมายถึงผู้ที่มีความรู้ในสาขาต่างๆและสามารถถ่ายทอดความรู้นั้นเพื่อนำไปสู่การพัฒนาบ้านเมือง จึงสังเกตได้ว่าที่ผ่านมาครูบาอาจารย์หรือบุคคลที่มีความรู้ต่างๆจะสามารถนำความรู้นั้นมาช่วยพัฒนาประเทศให้ไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จ

ขณะที่พื้นดวงของ“คนไทย”นั้นจะใช้ความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง และอารมณ์รุนแรงพอสมควร แต่ดวงเมืองของไทยไม่ทำร้ายตัวเองเหมือนดวงเมืองกัมพูชา ดวงเมืองไม่ได้มีผลปะทะให้เกิดความเสียหาย แต่การปะทะเกิดจากการใช้ความคิดของคนในประเทศเป็นที่ตั้ง คนนี้ก็คิดการใหญ่ คนนั้นก็คิดการใหญ่ คนโน้นก็คิดการใหญ่ จึงเกิดความขัดแย้งขึ้น ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก จึงเกิดการปะทะของมวลชนที่เชียร์กันคนละฝ่าย (เข้าทำนองยามศึกเรารบ ยามสงบเรารบกันเอง) แต่พื้นดวงของคนไทยก็มีความใจอ่อน ใจดี

“ เดือนที่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์คือ เม.ย.เดือนมังกร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ ส่วนปี 2325 เป็นปีของทหาร ดวงเมืองของไทยมีพระมหากษัตริย์และทหารค้ำประเทศ อีกทั้งยังมีผู้มีความรู้ที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศให้เกิดการพัฒนา จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตก็จะมี 3 เสาหลักนี้ที่ช่วยให้ประเทศผ่านพ้นไปได้ เราจึงรอดมาทุกวิกฤต ที่ผ่านมามีคนที่คิดไม่ดี จะมาล้มการปกครองโดยเอาลัทธิของต่างชาติเข้ามาเพื่อให้ประเทศไทยแตกแยก ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน แต่ทำยังไงก็ไม่แตก รัชกาลที่ 1 ทรงรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นพระองค์จึงทรงผูกดวงเมืองไว้แบบนี้ และเนื่องจากดวงเมืองของไทยผูกไว้กับทหาร ดังนั้นยิ่งมีศึก มีการสู้รบ ประเทศไทยจะยิ่งแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีภายในประเทศก็ยังมีความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลา” ซินแสเข่ง กล่าว



ส่วนดวงเมืองของประเทศไทยในปี 2569 นั้น “ซินแสเข่ง” ทำนายทายทักว่า ปี 2569 เป็นปีมะเมีย ธาตุไฟ เป็นปีแห่งสุดยอดอาชา แต่เป็นม้าพยศ เป็นปีที่ดวงเมืองแข็งแกร่ง แต่ต้องเตือนให้ระวังปัญหาความขัดแย้งรุนแรงซึ่งจะเกิดขึ้นในประเทศ โดยขัดแย้งจากปัญหาการเมือง ปัญหาธุรกิจ ปัญหาการปกครอง ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความวุ่นวาย แต่ไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก ทั้งที่จริงๆแล้วปี 2569 นั้นเป็นปีที่หนุนดวงเมืองของประเทศ แต่ปี 2569 เป็นปีมะเมีย ธาตุไฟ เมื่อผูกกับดวงเมืองซึ่งถือเอาวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์คือวันที่วันที่ 21 เมษายน 2325 เป็นเกณฑ์ จึงทำให้เกิดความขัดแย้ง เดือดเนื้อร้อนใจ ประเทศไทยมีทางสองแพร่งให้เลือก ถ้าเลือกไปในทางที่ดีก็จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเลือกไปในทางที่เลวก็จะส่งผลให้ประเทศไปสู่ความวิบัติ นอกจากนั้นประเทศไทยยังมีเกณฑ์รัฐประหารยึดอำนาจอยู่ในดวงชะตาของบ้านเมืองต่อเนื่องจากปี 2568-ก.พ. 2569 อีกด้วย

เนื่องจากปี 2569 เป็นปีที่ถูกโฉลกกับดวงเมือง ส่งผลให้เศรษฐกิจ การเงิน รายได้และผลประโยชน์ของประเทศมีโอกาสประสบความสำเร็จ หลายธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่าง บ้านจัดสรร โรงแรม ที่พัก ภาคการเกษตร ธุรกิจการเงินการธนาคาร ราคาทองคำจะสูงขึ้น ส่วนธุรกิจที่จะต้องระมัดระวังคือ ธุรกิจน้ำดื่ม น้ำใช้ น้ำหอม น้ำมัน น้ำยาเคมี และธุรกิจอาหารการกิน เนื่องจากอาจจะมีโรคระบาดเกิดขึ้น รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับเหล็ก โลหะ และโรงงานอุตสาหกรรม ที่จะมีปัญหา นอกจากนั้นอาจได้รับผลกระทบจากเหตุบ้านการเมืองที่เกิดการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันจนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งปี 69 เป็นปีธาตุไฟจึงจะทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ ทั้งเพลิงไหม้ น้ำท่วม ดินถล่ม แผ่นดินแยก สึนามิ และโรคระบาดรุนแรง

สำหรับศึกสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น “ซินแสเข่ง” ชี้ว่า ตามพื้นดวงแล้วแม้จะผ่านปี 2568 ไปแล้วก็ยังไม่สงบ โดยช่วงจากปี 2568-2569 ยังมีผลต่อเนื่องจากภัยสงครามไปจนถึงเดือน ก.พ.2569 และหากมีประเทศที่ 3 เข้ามายุ่งเกี่ยวสงครามก็จะยิ่งขยายวงมากขึ้น

“ สิ่งที่ทำนายไม่ได้ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก แต่เพื่อให้หน่วยราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่จริงแล้วในช่วงประมาณเดือน ก.พ.69 หลังจากตรุษจีนไปแล้วบ้านเมืองจะเข้าสู่ความสงบ แต่เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งและการเมืองที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้จึงยังมีความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง ” ซินแสเข่ง ระบุ


ดวงเมืองของกัมพูชา

ซินแสเข่ง กล่าวต่อว่า ส่วนประเทศกัมพูชานั้นตั้งดวงเมืองในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496 ปีมะเส็ง ซึ่งเป็นวันที่กัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส เป็นดวงเมืองที่จะก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยกอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการตั้งดวงเมืองจากการใช้ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่จึงก่อให้เกิดความแตกแยก เดือนพฤศจิกายนมีผลปะทะกับปี 2496 ซึ่งเป็นปีมะเส็ง ทำให้เกิดความปั่นป่วนจากการปะทะกันเองภายในและเกิดการทำลายล้าง ดวงคนกัมพูชาเป็นดวงที่ดื้อรั้น ฉกฉวยโอกาส ซึ่งส่งผลให้บ้านเมืองมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อีกทั้งเดือน พ.ย.นั้นเป็นเดือนแห่งลางสังหรณ์ มีความลึกลับเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็น ผู้คนจึงยึดโยงกับไสยศาสตร์

นอกจากนั้นดวงเมืองกัมพูชายังมีผลกระทบต่อดวงเมืองของไทย ตกดวงชะตาคู่ศัตรู ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง สร้างความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน การผูกดวงเมืองกัมพูชาและดวงเมืองของไทยเป็นดวงชะตาที่มีผลปะทะกัน ด้วยเหตุนี้ไทยกับกัมพูชานั้นโอกาสที่จะเดินไปด้วยกันค่อนข้างจะยาก ยกเว้นแต่มีผู้นำที่สามารถจะสงบศึกหรือไม่รุกรานซึ่งกันและกัน

“ วันที่ 9 พ.ย.2496 ซึ่งเป็นวันที่กัมพูชาตั้งดวงเมืองนั้นฤกษ์ไม่ดีเลย ช่วงจังหวะที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของกัมพูชาซึ่งได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสนั้นเมื่อถอดยามออกมาแล้วตกยามที่มีผลกระทบต่อบ้านเมืองของตัวเอง พ.ศ.2496 เป็นปีมะเส็ง ธาตุน้ำ ซึ่งปีมะเส็งตามหลักของโหราศาสตร์แล้วเป็นปีแห่งความลึกลับ ใช้ความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ดื้อรั้น อีกทั้งมีผลปะทะกับเดือน พ.ย.ซึ่งเป็นเดือนกุน จะทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ สร้างความเป็นศัตรู นำไปสู่ความแตกแยก ” ซินแสเข่ง ระบุ

ฮุน เซน รักษาการประมุขแห่งรัฐและประธานคณะองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
ซินแสเข่ง กล่าวว่า จากการคำนวณดวงเมืองของกัมพูชาในปี 2569 ชี้ว่า ปี 69 ดวงเมืองของกัมพูชาจะมีปัญหาเศรษฐกิจ ดวงเมืองแตกแยกวุ่นวายสับสน และมีผลต่อเนื่องไปจนถึงปี 2571 เรียกว่าช่วงนับจากนี้ไปจะเกิดกลียุค เกิดการยึดอำนาจที่จะมีผลต่อผู้นำประเทศคือสมเด็จเดโชฮุน เซน และมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งหากมีการปฏิวัติ ความสงบของกัมพูชาก็จะเกิดขึ้นตามมา นอกจากนั้นกัมพูชายังมีภัยธรรมชาติเช่นเดียวกับประเทศไทย คือมีไฟไหม้ น้ำท่วม ดินถล่ม เหมือนกันเพราะประเทศกัมพูชาตกธาตุเดียวกับไทย

“ ปี 69 ประเทศกัมพูชามีเกณฑ์ปฏิวัติโดยผู้มีอำนาจในกัมพูชา แต่อาจจะได้รับการสนับสนุนโดยประชาชน คือตามพื้นดวงแล้วประชาชนของกัมพูชายังไม่กล้าจะลุกขึ้นมาเหมือนประเทศไทย พื้นดวงของคนพูชาเป็นคนอ่อน แต่มากด้วยไสยศาสตร์ ต่างจากพื้นดวงของคนไทยที่อารมณ์รุนแรง อย่างไรก็ดีดวงเมืองของประเทศกัมพูชานั้นส่งผลกระทบต่อไทย ทำให้ไทยเดือดร้อนได้ แต่เอาแผ่นดินไทยไปไม่ได้ ” ซินแสเข่ง กล่าว


ดวง“ฮุน เซน”

ซินแสเข่ง ยังได้ทำนายดวงของ “สมเด็จฮุน เซน” ผู้นำตัวจริงของกัมพูชา ว่า ฮุน เซน เกิดวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2495 พื้นดวงเป็นคนที่ใช้ความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมคน เป็นคนอำมหิต มีดวงฆาตกรเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ตัวฮุน เซน จะมีความเป็นผู้นำแต่กำลังธาตุในดวงชะตามีผลทำลายล้าง ส่งผลให้ชีวิตในบั้นปลายสูญสิ้น หมายถึงว่าจะไม่มีทรัพย์สิน มีดวงชะตาที่จะต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดของตนเองไปอยู่ในต่างถิ่น มาถึงจุดนี้เป็นจุดหายนะของดวงชะตาฮุน เซน ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่าจะมีโอกาสพลัดพรากจากบ้านเกิดของตนเองในช่วงระหว่างปี 2560-2569 จากนั้นในปี 2570 ดวงชะตามีเกณฑ์แตกแยก พลัดพรากและตายจาก แตกแยกหมายถึงว่ามีเหตุหย่าร้าง ครอบครัวแตกแยก , พลัดพรากหมายถึงต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดของตนเอง และที่สุดคือต้องถึงจุดจบของขีวิต

“ ฮุน เซน มีดวงชะตาฆาตกรแบบเดียวกับลุงพลที่ฆ่าน้องชมพู่ ซึ่งปี 69 ฮุน เซน มีเกณฑ์ลงจากอำนาจ เมื่อมีเหตุการณ์ปฏิวัติยึดอำนาจเกิดขึ้นในกัมพูชาก็ถึงวาระที่ตระกูลฮุนจะต้องหนีออกนอกประเทศ ส่วนคนที่ไม่หนีออกนอกประเทศก็จะอยู่แบบหมดอำนาจ แต่คนที่มีอำนาจจะต้องหนี ” ซินแสเข่ง ระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น