จับตาการประชุมGBC ไทย-กัมพูชา ที่จังหวัดจันทบุรี24-26 ธ.ค.นี้ ‘กัมพูชา’ จะบิดพลิ้วจนไร้ข้อสรุปที่ทำให้หยุดยิงหรือไม่? ขณะที่ไทยแจงพฤติกรรม 5 ข้อ ที่กัมพูชาละเมิดกติกาสากล ด้าน‘พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ’
อดีตรองแม่ทัพภาคที่2 ชี้ ให้ฮุนเซนประกาศหยุดยิง เท่ากับ‘ยอมแพ้’ เป็นไปได้ยาก! เพราะไม่ใช่นักรบที่เก่ง แต่เป็นคนโหดเหี้ยมไม่เสียดายชีวิตคนวันนี้ยังเดินหน้ายิงBM-21 ใส่ไทย แนะให้ระวัง ‘สแกมเมอร์’ เติมเงินซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากใต้ดินอานุภาพเหนือกว่าBM-21 ให้‘2 พ่อลูกตระกูลฮุน’ ขณะที่กองทัพไทยต้องเร่งถล่มคลังอาวุธ เตือนระวังสแกมเมอร์ย้ายฐานมาตั้งที่ไทยส่วนทั่วโลกที่ถูกสแกมเมอร์เล่นงาน วันนี้ทำหน้าที่แค่เป็น‘ผู้ดู’ ไทยถล่มฐานสแกมเมอร์เขมรเท่านั้น!
สถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าสู่วันที่ 17 แล้ว นับจากที่ทหารกัมพูชาเริ่มก่อนด้วยการใช้อาวุธหนักระดมยิงโจมตีใส่พื้นที่ไทยและทำลายทรัพย์สินประชาชนตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.2568 ขณะที่ไทยใช้กำลังตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเองตามความจำเป็นและได้สัดส่วน แยกเป้าโจมตีทางทหารชัดเจนและเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
พร้อมชี้แจงให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงสิ่งที่กัมพูชากระทำ โดยมีเงื่อนไขสำคัญ 3 ประการนำไปสู่กลไกการเจรจาทวิภาคีบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเพื่อลดระดับความตึงเครียดและนำไปสู่สันติภาพ ประกอบด้วย 1. กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน 2. การหยุดยิงของกัมพูชาต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง 3. กัมพูชาต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับฝ่ายไทยอย่างจริงจัง
ทั้งนี้จะใช้เวทีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC ในวันที่ 24 -26 ธันวาคมนี้ ที่ด่านถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จันทบุรี โดยฝ่ายเลขานุการ GBC ไทย-กัมพูชา เพื่อหารือและนำไปสู่ข้อสรุป โดยฝ่ายไทยจะชี้ถึงพฤติกรรมที่กัมพูชาละเมิดกติกาสากล 5 ข้อคือ
1. การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (ครอบครอง-ผลิต-ใช้ทุ่นใหม่)
2. ใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทหาร
3. ใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก/ย้ายกลับชุมชนหลังยิง
4. ใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้ง/คลังอาวุธ (รวมถึงอาคารที่เชื่อมโยงสแกมเมอร์/กาสิโนถูกใช้ทางทหาร)
5. ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์และเป็นเครื่องมือกล่าวหาเมื่อเกิดความสูญเสีย
ทว่าหากการหารือฝ่ายเลขาฯ ไม่สามารถตกลงกรอบสำคัญเชิงเทคนิคได้ เช่น การวางกำลัง และรายละเอียดที่ทำให้หยุดยิง ทางฝ่ายไทยก็จะไม่ประชุม GBC และลงนามในวันที่ 27 ธ.ค.นี้
แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่ากัมพูชา ก็ยังเป็นกัมพูชา บิดพลิ้วจนดูเหมือนว่าโอกาสที่จะหารือระดับทวิภาคี เพื่อได้ข้อยุติที่จะทำให้หยุดยิงเป็นไปได้ยากเช่นกัน!
ที่สำคัญวันนี้ 24 ธ.ค.ที่มีการประชุม GBC กัมพูชายังระดมอาวุธหนักโจมตีไทยทั้งบริเวณพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ทั้ง 3 แนวรบ พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง ซึ่งกองทัพภาคที่ 1 ได้ตอบโต้ตามสัดส่วนเพื่อรักษาอธิปไตยไทย ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 กัมพูชาระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เกือบ 700 นัด อ.พนมดงรัก และกันทรลักษ์ ใส่บ้านเรือน วัด โรงเรียน พังเสียหาย
ดังนั้นการสู้รบบริเวณชายแดนจะจบอย่างไรและประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนที่ต้องอพยพมาอยู่ศูนย์พักพิงก็คงต้องเฝ้ารอเมื่อไหร่ถึงจะได้กลับบ้าน
พล.ท.กนก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ระบุว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC ระหว่างวันที่ 24-27 ธ.ค.นั้น ถามว่าจะสามารถทำให้กัมพูชายุติการหยุดยิงได้หรือไม่ เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ยาก และไม่จบง่าย ๆ หรอก เพราะอำนาจที่จะตกลงให้หยุดยิงนั้น ไม่ได้อยู่ที่รัฐมนตรีกลาโหมของแต่ละฝ่าย ให้ย้อนไปดูการเจรจาหยุดยิงครั้งที่แล้วที่ประเทศมาเลเซีย เป็นอำนาจการตัดสินใจของนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีขณะนั้น กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค.68 ซึ่งก่อนหน้านั้นทหารของ 2 ประเทศก็เปิดฉากสู้รบกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาต่อเนื่อง แต่ก็เจรจาหยุดยิงได้
“ประชุม GBC แล้วหวังว่ารัฐมนตรีกลาโหมจะสั่งให้หยุดยิงได้ เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าจะได้ข้อยุติ จากการประชุมนี้ก็ต่อเมื่อ นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายจะมาประชุมกันเมื่อไหร่ ซึ่งการประชุม JBC จะไปคุยอะไรในเมื่อเขมรไม่ทำซักข้อ ไม่ต้องประชุมแล้วไม่มีประโยชน์”
พล.ท.กนก ย้ำว่ากัมพูชาจะมาประกาศหยุดยิงได้อย่างไร เพราะเท่ากับเป็นการยอมแพ้ จึงเลือกที่จะหาเวทีการเจรจาเป็นทางออก แต่ก็ต้องสง่างามด้วย ดังนั้นจึงเชื่อว่าเขาต้องการให้ระดับนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศเจรจากันมากกว่า และไทยก็ไม่ต้องการให้มีประเทศที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง
“มั่นใจมากว่าเขมร ไม่มีทางหยุดยิงในเวลานี้ เพราะเขาต้องการพื้นที่คืน รอบนี้เขมรเสียพื้นที่ในอีสานใต้ และจุดสูงข่มถูกไทยยึดได้โดยมีการปักธงชาติไทยหลายพื้นที่ ทั้งช่องอานม้า ปราสาทตาควาย ถึงเนิน 350 เนิน677 พื้นที่คณา ภูมะเขือ พลาญหินแปดก้อน เขมรก็พยายามจะเอาคืน แต่จะรบ 2 ด้านอาจจะลำบากจึงต้องย้ายอาวุธหนักและกำลังไปเพื่อรักษาหรือยึดพื้นที่บริเวณกองทัพภาคที่ 1 เราจึงเห็นที่นี่เขรมรบหนักมาก”
ประเด็นสำคัญที่เชื่อว่ากัมพูชาจะยังไม่ยอมหยุดยิงเพราะกัมพูชาต้องการพื้นที่ที่เสียไปครั้งนี้คืน เพราะถ้าเจรจาหยุดยิง ยึดพื้นที่ตรงไหนได้ ก็ต้องอยู่ตรงนั้น กัมพูชาจึงอาจต้องเลือกว่าจะยึดพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งไว้ให้ได้ เวลานี้กัมพูชาจึงเลือกรบพื้นที่ติดกับกองทัพภาคที่ 1 มากกว่า
“มั่นใจเขมรประเมินแล้วว่าต้องเลือกตรงไหน บริเวณบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านคลองแผง จึงเป็นแนวรบสำคัญ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ กองทัพไทยก็ต้องทำลายอาวุธยิง และต้องรู้ว่าอาวุธยิงของกัมพูชาตั้งอยู่ตรงไหน ต้องหาให้เจอและเร่งถล่มให้หมด เพราะอาวุธที่กัมพูชาใช้คือจรวดหลายลำกล้อง BM-21 มีระยะยิง 20-40 กิโล กองทัพจึงต้องหาให้พบว่าอยู่ตรงไหนบ้าง รัศมีห่างจากขอบเขตชายแดน
“BM -21 ไฟมันออกท่อด้านหลัง แล้ววิ่งไปเติมกระสุน ก็ต้องหาว่า คลังเติมกระสุนBM- 21 มันอยู่ตรงไหน ก็ทำลายคลังกระสุนไปพร้อม ๆ กัน”
อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า แม้กองทัพภาคที่ 2 จะทำลายคลังอาวุธได้มาก แต่กัมพูชายังไม่หมดเขี้ยวเล็บ ซึ่งกัมพูชาจำเป็นต้องดึงอาวุธยุทโธปกรณ์มาเสริมชายแดนด้านกองทัพภาคที่ 1 เพราะรู้ว่า เวลาใกล้จะถึงการเจรจาหยุดยิง เมื่อพื้นที่ตรงไหนพอจะรักษาเอาไว้ได้ จึงจำเป็นต้องทุ่มทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลไปตรงนั้นก่อน
“เราต้องยอมรับว่า เขมรเป็นฝ่ายคุมเกม ไทยเป็นฝ่ายรับ ไทยรุกในเรื่องอยากให้หยุดยิง แต่ถ้าเขมรไม่ยอมหยุด มันก็ไม่มีทางหยุด จนกว่าเขมรจะยึดพื้นที่ให้ได้มากที่สุด”
อย่างไรก็ดี นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไม่มีทางที่จะหยุดรบง่าย ๆ เพราะชีวิตของเขาผ่านการรบต่อสู้ในประเทศกัมพูชามานาน เข้าร่วมกับเขมรแดง ต่อมาก็เข้าร่วมกับ เฮง สัมริน แย่งชิงอำนาจภายในกัมพูชากันมาตลอด จนกระทั่งเคลียร์และยึดอำนาจในกัมพูชาได้เบ็ดเสร็จ ก็หันมารบกับไทย จนเกิดการปะทะและต้องการจะยึดพื้นที่ไทยนั่นเอง
“ฮุนเซน ไม่ใช่นักรบที่เก่งหรอก แต่เพราะเขามีจิตใจที่โหดเหี้ยม ไม่เสียดายชีวิตคน ทหารตาย ประชาชนตาย เขาก็ทิ้งไว้ตรงนั้น ชีวิตเขาชินกับสภาพคนตายแบบนี้ แล้วเขาก็หาทหารรุ่นใหม่เข้ามารบแทน”
พล.ท.กนก บอกว่า สิ่งที่ต้องเกาะติดเวลานี้และทำให้คาดการณ์ได้ว่าผู้นำกัมพูชา 2 พ่อลูกตระกูลฮุน จะหยุดยิงหรือไม่ ให้คอยดูว่าการรบที่ผ่านมากัมพูชาเสียหายด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มาก และคลังอาวุธก็ถูกทำลาย แต่ถ้าช่วงนี้กองทัพไทยเห็นว่ากัมพูชา มีอาวุธทางการทหารใหม่ ๆ ออกมาขอให้รู้ไว้เลยว่า กัมพูชาไม่มีวันหยุดยิงแน่นอน เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะการจะมีอาวุธมาเติมได้ ก็อยู่ที่เงินที่จะใช้สั่งซื้อกับผู้ผลิต
“เงินที่นำมาเติมให้ฮุนเซน ก็มาจากเงินสแกมเมอร์ซึ่งมากมายมหาศาล เมื่อมีเงินเยอะ เขาก็สั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในระบบใต้ดินได้สะดวก เขาจะซื้อจากประเทศไหนก็ได้ เพราะผู้ที่ผลิตมาก็ต้องอยากขาย ซึ่งเงินสแกมเมอร์มันเยอะกว่างบประมาณของประเทศไทย ขณะที่ไทยจะซื้ออาวุธก็ต้องรองบประมาณและระบบจัดซื้อจัดจ้างซึ่งนาน แต่การสั่งซื้ออาวุธของใต้ดิน ยกหูก็ได้แล้ว”
จากนี้ไปกองทัพไทยต้องจับตาดูหลังวันที่ 24 ธ.ค.ไปแล้ว กัมพูชามีอาวุธที่จะใช้รบอย่างไร มีปริมาณมากขนาดไหน และจำนวนความถี่ที่กัมพูชาใช้ในการยิงเข้ามาในพื้นที่ชายแดนของไทย ว่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้าเพิ่มขึ้นผิดสังเกตก็คาดการณ์ได้ว่ามีผู้สนับสนุนกัมพูชาแน่นอน
“อาวุธจะใหม่กว่า BM-21 หรือไม่ ต้องไปดูที่ตำบลกระสุนตกว่าแรงระเบิดเป็นแบบไหน”
ส่วนเรื่องประเทศมหาอำนาจ หรือ ประเทศอื่น ๆ ที่เคยจัดการสแกมเมอร์และเครือข่ายต่าง ๆ นั้น วันนี้เขาไม่ต้องทำอะไรจึงกลายเป็นเพียงผู้ดู เมื่อไทยได้ทำลายแหล่งสแกมเมอร์ในกัมพูชาตามบริเวณชายแดนได้หลายจุด ถ้าจะถามว่าในอนาคตบรรดาพวกจีนเทา ที่เคยมาใช้กัมพูชาเป็นที่ตั้งสแกมเมอร์นั้น ก็คงไม่กล้ามาตั้งอีกแล้ว เพราะหากตัดสินใจลงทุนก็จะเกิดความไม่ปลอดภัย
นี่คือปฏิบัติการจัดการและขับไล่สแกมเมอร์ออกไปได้ดีมาก แต่รัฐบาลก็ต้องระมัดระวังไม่ให้สแกมเมอร์พวกนี้ย้ายฐานมาอยู่ประเทศไทย โดยเฉพาะบรรดาอาคารสูงต่าง ๆ แค่เปิดใช้พื้นที่เพียงชั้นเดียวก็สามารถทำได้แล้ว
“พวกสแกมเมอร์ที่มีการเปิดเผยชื่อออกมาแล้ว หน่วยงานความมั่นคงต้องตามดู ตามจับให้หมดเพราะที่มีการยึดทรัพย์ไม่กี่คน มันน้อยเกินไป แต่ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร ก็แปลว่ามีคนในรัฐบาลเป็นสแกมเมอร์เองหรือไม่” อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


