xs
xsm
sm
md
lg

ชี้กองทัพฮุนเซนถูกกองทัพไทยถล่ม 10 ปีก็ยังไม่ฟื้น หวั่นคนเขมรลุกฮือเพราะอดอยาก เศรษฐกิจพัง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ตีแผ่การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ชื่นชม 3เหล่าทัพปฏิบัติการเชิงรุกทางทหารได้ตรงเป้าหมาย จุดสำคัญถูกทำลายเรียบทำให้กองทัพฮุนเซน พ่าย เชื่อต้องใช้เวลาอีก 10 ปี    จึงจะฟื้นศักยภาพขึ้นมาเท่าเดิมเหตุเศรษฐกิจในเขมรสาหัสแหล่งเงินสแกมเมอร์‘ถูกถล่ม-ถูกยึด’กาสิโนถูกบอมบ์    จัดหาเงินซื้ออาวุธได้ยาก จับตาคนเขมรอาจลุกฮือเพราะความอดอยาก และ‘2มหาอำนาจ’  ก็หนุน ‘สม รังสี-เจ้าฟ้าจักราวุธ-พล.อ. เตีย บัญ”รอขึ้นแท่น เชื่อฮุนเซนต้องรีบหาทางลดความเสี่ยงสถานะตระกูลฮุนขอเจรจาฝ่ายไทยเพื่อกอดเก้าอี้ไว้ให้มั่น แจงเลือกตั้งปี 2569ภูมิใจไทยไม่ได้เปรียบจากกระแสชาตินิยม เพราะประชาชนรู้ว่าเป็นฝีมือกองทัพหวั่นเงินสแกมเมอร์สองแสนล้านที่อยู่เมืองไทยอาจถูกผันมาเป็นเงินซื้อเสียงเลือกตั้ง!

เข้าสู่การปะทะวันที่ 10 บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนักโจมตีใส่พื้นที่ไทย ทำลายทรัพย์สินประชาชนและยังพยายามใช้สงครามข่าวสารโจมตีอย่างต่อเนื่อง เพื่อพลิกเกมรบหลังถูกกองทัพไทย ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ระดมสรรพกำลังป้องกันอธิปไตยไทย พร้อมผลักดันกำลังทหารของกัมพูชาที่รุกล้ำเขตแดนไทยออกไปทั้งหมด เป้าหมายเพื่อทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา

โดยกองทัพไทยมีจุดยืนในการตอบโต้กัมพูชาตามสัดส่วนไม่เกินเหตุ แยกเป้าโจมตีทางทหารชัดเจน ไม่ละลานเฉกเช่นกัมพูชาที่โจมตีพลเรือน เป็นการละเมิดกฎสิทธิมนุษยชน ถึงขณะนี้เราจะเห็นว่ากองทัพกัมพูชาเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำจากปฏิบัติการเชิงรุกของกองทัพไทย ตัดเส้นทางลำเลียงและการส่งกำลังบำรุงทั้งกำลังพลและอาวุธที่จะมาสนับสนุนแนวหน้า รวมทั้งยังทำลายแหล่งที่ตั้งของพวก Scammer ศูนย์กาสิโน ซึ่งเป็นแหล่งทุนสีเทาได้สำเร็จ

ส่งผลให้ 2 พ่อลูกตระกูลฮุน ยากที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายรุกได้ เพราะอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ทางทหารถูกทำลายในศึกครั้งนี้ไปแล้วและอาจจะต้องใช้เวลานานนับ 10 ปีกว่าจะฟื้นกองทัพให้แข็งแรงขึ้นมาเทียบวันนี้ได้

พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ และอดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สนง.ปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่า สถานการณ์การรบไทย-กัมพูชาครั้งนี้รุนแรง เพราะเราใช้ปฏิบัติการเชิงรุกทางการทหารเพื่อยึดคืนแผ่นดินไทยที่ถูกกัมพูชารุกล้ำเข้ามาคืนทั้งหมด ณ วันนี้ได้ถึง 90% แล้ว ขณะที่กำลังทางอากาศ เราใช้ในการรบเพื่อทำให้กองทัพกัมพูชาสิ้นศักยภาพ ด้วยการทำลายคลังแสง แหล่งที่ซ่อนอาวุธ ทำลายคลังน้ำมัน ทำลายเส้นทางคมนาคม ส่วนกองทัพเรือ ยึดคืนบ้าน 3 หลัง และกำลังรุกหนักตรวจเข้มไม่ให้ยุทธปัจจัยต่างๆ ผ่านเข้ามาทางเรือเข้ากัมพูชาได้




สำหรับยุทธวิธีการรบทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ เราโจมตีแบบปิดล้อม เพื่อตัดกำลังของกัมพูชา เมื่อโดนแบบนี้เชื่อว่านายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะให้ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โทรศัพท์ติดต่อมาเพื่อขอเจรจา และต้องเลือกเจรจาที่กรุงเทพฯ ทุกอย่างก็จะจบที่การเจรจา

สิ่งที่ปรากฏชัดว่าฮุนเซน ไม่มีทางเลือกแล้วจึงต้องขอเจรจา ก็เพราะอาวุธยุทโธปกรณ์เหลือน้อย ประกอบกับยุทธวิธีรบก็แพ้กองทัพไทย เพราะเราสามารถทำลายจุดยุทธศาสตร์ของเขาได้ อีกทั้งกัมพูชาอยู่ในสถานะลำบาก รายได้จากสแกมเมอร์ ทั้งถูกยึด และสถานที่ถูกกองทัพถล่มเสียหาย ภาคเศรษฐกิจมีปัญหามาก ธนาคารต้องปิดตัว ภาคแรงงานเรียกแรงงานกลับ แต่ไม่มีงานให้ทำ คนตกงาน คนจนมากขึ้น ภาคบริการท่องเที่ยว ต่างชาติก็ไม่มาเที่ยว รายได้หดหาย ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม กระทบไปหมด เหตุผลสำคัญมาจากการที่ไทยปิดด่าน

ดังนั้นสิ่งที่นายฮุนเซน ทำได้ขณะนี้ คือพยายามดึงเวลาและคิดหาทางว่าจะทำให้สถานการณ์สู้รบจบอย่างไร เพราะมีผลต่อสถานะของตัวนายฮุนเซน ตระกูลฮุน และบริวารของเขา เชื่อว่าฮุนเซนต้องเลือกการเจรจาเพื่อหยุดสงครามและเพื่อทำให้เขายังคงรักษาอำนาจในกัมพูชาต่อไปได้

“การที่กองทัพไทยทำลายขีดความสามารถกัมพูชาลงได้ และยึดพื้นที่ของไทยกลับคืนมาจะเป็นการเสริมความมั่นคงและจัดระเบียบใหม่เพราะเราสามารถกั้นรั้วเขตแดน เพื่อสะดวกในการเฝ้าระวัง หากเขมรรุกล้ำเข้ามา เรายิงทิ้งได้ทันที”

พล.อ.รังษี อธิบายว่า เหตุที่เชื่อว่ากองทัพไทยได้ทำลายกองกำลังทางทหารกัมพูชาให้สิ้นสภาพได้นั้น เพราะก่อนที่กองทัพไทยจะเปิดศึกโดยไม่มีการเจรจานั้น เหล่าทัพได้ดำเนินการตามแผนและซักซ้อม และปรับแผนมาหลายรอบ ซึ่งช่วงที่ไม่มีการปะทะ กองทัพได้มีการทำงานด้านการข่าว รวมทั้งการวางแผนทางยุทธวิธี ซึ่งหากสังเกตดี ๆ การสู้รบครั้งนี้ จะเดินตามแผนและบรรลุภารกิจ สามารถเข้ายึดพื้นที่ได้ และสามารถทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ๆ ของกัมพูชาได้ตรงจุดและสำเร็จ

พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ และอดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สนง.ปลัดกระทรวงกลาโหม

2 พ่อลูกตระกูลฮุน:  ฮุน เซน-ฮุน มาเนต
อย่างไรก็ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นจนนำไปสู่การรบ เกิดจากฮุนเซน เป็นผู้ชักศึกเข้าบ้าน เพราะคิดการใหญ่จะปล้นทรัพยากรในอ่าวไทย โดยร่วมมือกับไทยสแกมเมอร์ ไทยเทาทั้งหลาย อีกทั้งยังกอด Mou 43-44 ไว้ และสร้างพื้นที่ทับซ้อน ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 มาขีดเส้นแบ่งเขตเพื่อผลประโยชน์ของเขา

พล.อ รังษี ย้ำว่า เวลานี้ฮุนเซนกำลังหัวเสียสิ่งที่รุมเร้าและประสบปัญหาภายในซึ่งเงินสแกมเมอร์ที่เคยมีมากมาย ถูกยึดไปจากเครือข่าย "เฉิน จื้อ" ที่ปรึกษาผู้นำตระกูลฮุน และประธานบริษัทปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป หรือ ปรินซ์กรุ๊ป (Prince Group) ในกัมพูชาซึ่งถูกสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรยึดทรัพย์ไปก่อน ตามด้วยฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และไทย รวมแล้วกว่า 1ล้านล้านบาท

“เมื่อ ธนาคารปรินซ์ ถูกยึดเงินสแกมเมอร์ไป ก็ขาดสภาพคล่อง คนมาถอนเงิน ก็ไม่มีถอน ทีนี้ HuiOne Pay แบงก์ของฮุนโต ก็มีปัญหา เพราะเศรษฐกิจภายในมันพัง ก็ล้มไปอีกแบงก์ และอีกสามแบงก์ ก็กำลังตามมา”

ขณะเดียวกันภายในกัมพูชายิ่งเดือดร้อนหนัก เมื่อไทยปิดด่าน ออกคำสั่งเรียกแรงงานเขมรในไทย 9 แสนคนกลับ ผลที่ตามมาคือเขมรเดือดร้อนเอง เพราะเรียกกลับไป9 แสนคน แต่มีงานให้ทำแค่ 150,000 อีก 750,000 ตกงาน ซึ่งแรงงานพวกนี้ไม่มีเงินเก็บ โรงงานในกัมพูชา ก็นำวัตถุดิบเข้าไม่ได้ ภาคแรงงาน อุตสาหกรรมก็ต้องปิดตัว ก็ยิ่งทำให้เดือดร้อนใหญ่ ภาคเกษตร ก็เดือดร้อน ข้าวเน่าคาโกดังปรากฏให้เห็น

“ฮุนเซน มาเจอเศรษฐกิจภายในพัง กำลังเข้าสู่ความหายนะ และมาเจอกองทัพไทยครั้งนี้ก็ใช้มุกเดิมวิ่งล็อบบี้ ทรัมป์ และอันวาร์ เพื่อให้ช่วยเจรจา แต่ 2 พ่อลูก คาดการณ์ผิด นายกฯ เราฟังทหารและสั่งให้รบต่อ เพราะการข่าวทหารดีมาก เจอจุดยุทธศาสตร์ไหนต้องทำลาย และยุทธวิธีรบร่วมสามมิติเป็นการรบสมบูรณ์แบบ”

อีกทั้งฮุนเซน กำลังได้รับผลของการกระทำ เวลานี้คงจะช็อก ที่หมายสำคัญถูกทำลายเรียบ ทั้งคลังอาวุธ คลังน้ำมัน เส้นทาง คมนาคม และทั้ง3 เหล่าทัพก็ยังไม่หยุดโจมตีทำตามเป้าหมายทั้งสิ้น!

“ฮุนเซน หลังชนฝาแล้วเดี๋ยวก็ส่งคนมาเจรจา ซึ่งกองทัพรู้และดูว่าภารกิจทางทหารเราสมบูรณ์ ครบถ้วนหรือยัง ถ้าสมบูรณ์ครบถ้วน เราก็สามารถเจรจากับกัมพูชาได้ ภายใต้เงื่อนไขสำคัญเพื่อรักษาเอกราชของเรา”

ประเด็นสำคัญที่เราต้องจัดการก็คือเรื่องการใช้แผนที่คนละมาตรา ซึ่งเถียงกันไม่จบในเรื่องการปักปันเขตแดน ต้องให้กัมพูชายอม ต้องมาใช้ 1:50,000 และ MOU 43, 44 ที่มีปัญหาต้องยกเลิก เพราะกัมพูชาอ้างอิงแผนที่ 1:200,000 หากกัมพูชาตกลงมาใช้ แผนที่ 1:50,000 และยอมรับความจริงได้ คิดว่า การปักเขตแดนไม่เกินสองปีทั้งทางบกและทางทะเลเสร็จสิ้นได้

“ถ้าฮุนเซน ยังไม่ยอมประเทศเขาจะอยู่อย่างไร เมื่อเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง ประเทศไทยก็ปิดด่าน อีกไม่นานได้เห็นประชาชนกัมพูชาต้องอดอยาก ประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้าน เขาก็ต้องตัดสินใจเพื่อความมั่นคงของตัวเขาด้วย”

ส่วนภารกิจทางกองทัพในการยึดแผ่นดินของเราคืน เหลือเพียง 10% เชื่อว่าไม่ยากแล้ว และน่าจะเบ็ดเสร็จก่อนเลือกตั้งปี 2569 หากไม่มีประเทศอื่นเข้ามาแทรกแซงเพราะแสนยานุภาพทางทหารของกัมพูชาถูกทำลายสิ้นซากแล้ว

“ศักยภาพของกองทัพกัมพูชา อาวุธยุทโธปกรณ์ คลังแสงถูกทำลายไปสิ้น เขาจะต้องใช้เวลาเกือบ 10 ปี ถึงจะเติบโตมาอยู่จุดเดิมนี้ได้ เพราะเศรษฐกิจเขาพังยับเยิน การที่จะทำให้กองกำลังทางทหารแข็งแรงได้ ต้องพึ่งเศรษฐกิจ เพราะต้องใช้เงินซื้ออาวุธ ประเทศจีนก็ทวงเงินกู้หนึ่งแสนหกหมื่นห้าพันล้าน ผมมองว่า ฮุนเซน จะอยู่ในตำแหน่งไม่ได้ เพราะคนที่รองจากฮุนเซน คงไม่ปล่อยให้ประเทศยับเยินแบบนี้เหมือนกัน”

พล.อ รังษี บอกว่า แนวโน้มฮุนเซน จะโดนยึดอำนาจสูง เพราะสหรัฐฯ ก็สนับสนุน “สม รังสี” อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นอยู่ที่ฝรั่งเศส และเชื่อว่า สหรัฐฯ จะใช้วิธีเดียวกันกับ ‘อาหรับสปริง (Arab Spring) ในการเอาฮุนเซนลง ปัจจุบัน สม รังสี ก็ปลุกประชาชนในประเทศตลอดเวลาให้ล้มฮุนเซน ขณะที่จีนก็สนับสนุนเจ้าฟ้านโรดม จักราวุธ ผู้นำพรรคฟุนซินเปก (FUNCINPEC) และเชื้อพระวงศ์กัมพูชา และพล.อ.พลเอก เตีย บัญ (Tea Banh) เพราะถึงอย่างไรทั้งจีนและสหรัฐฯ จะไม่ยอมเสียกัมพูชา และสิ่งที่เกิดขึ้นในกัมพูชาเป็นผลจากการกระทำของ 2 พ่อลูกตระกูลฮุนจริง ๆ

ทว่าผลดีที่จะเกิดกับประเทศไทย คือพวกสแกมเมอร์หมดไป และไทยก็จะมีโอกาสจัดการพวกไทยเทาให้หมดไป ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการ ซึ่งยอมรับว่าศึกในเนี่ยน่ากลัวกว่าศึกนอกเยอะ ศึกนอกเราเห็นตัว แต่ศึกในพวกนี้มันแอบ

“จัดการนักการเมืองไทยเทา ต้องรณรงค์สกัดพวกแจกเงิน เพราะคนพวกนี้มันต้องการเข้ามาโกง ไม่ต้องการมาบริหารประเทศ คุณทำผิดกฎหมาย ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสส.เลย”


หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ บอกว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งในปี2569 จะน่ากลัวมาก จะมีการซื้อเสียงแบบถล่มกันเลย เงินที่ใช้ซื้อก็จะเป็นเงินสแกมเมอร์ที่เหลืออยู่อีกมาก รัฐไทยยึดไปแล้วหมื่นกว่าล้านยังถือว่าน้อยไป ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับมาคาดว่าเงินสแกมเมอร์อยู่ในเมืองไทยไม่ต่ำกว่าสองแสนล้านบาท

“ผมว่าถ้าฮุนเซน ยังอยู่ไม่ถูกบีบให้หลุดไปก่อน เขารู้จุดอ่อนของเราว่าถ้าเขาคุมการเมืองเราได้ทั้งสภาบน สภาล่าง ด้วยการใช้เงินสแกมเมอร์ จ่ายหัวละ 50 ล้านตั้งเป้าที่ 250 คน ใช้เงินเพียงหมื่นสองพันห้าร้อยล้านเท่านั้นซึ่งเป็นไปได้ และสิ่งที่ฮุนเซนจะได้กลับคืนมามากมายหรือไม่ก็ต้องรอดู”

หากจะถามว่าเงินสแกมเมอร์ 2 แสนล้านบาทอยู่ตรงไหน พล.อ.รังษี บอกก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไง ในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และอีกในหลาย ๆ กิจการ ก็ต้องรอดูว่าฮุนเซนมันจะเปิดรูปอะไรมาอีกว่ามีนักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการเทาๆ และแจ็กพอตไปเจอใครบ้าง

ถึงวันนี้จึงอยากบอกประชาชนในการเลือกตั้งปี 2569 ใครมาแจกรับไว้ได้ แต่อย่าเลือก ต้องศึกษากันให้ดีเพราะการเลือกตั้งครั้งนี้จะชี้อนาคตประเทศไทย เพราะเรากำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจทั้งของไทยและของโลก เพราะโลกกำลังเข้าสู่ The Great Depression (ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่) หนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทยใกล้เพดานใหม่ที่ 70% แล้ว

ส่วนผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 33 จะต้องเป็นคนเก่ง รู้เรื่องและเข้าใจบริบทต่าง ๆ เราจึงต้องรณรงค์เลือกพวกที่ไม่แจกเงินและเลือกให้แลนด์สไลด์ไปเลย เพื่อมาร่วมแก้วิกฤตที่เรากำลังเผชิญ ทั้งวิกฤตความมั่นคงของโลก วิกฤตความมั่นคงภายใน วิกฤตเศรษฐกิจของโลก วิกฤตเศรษฐกิจของเราเองทุกวันนี้ ประชาชนไม่มีแรงซื้อ นักธุรกิจไม่มีแรงขาย รัฐบาลก็ตายอย่างเดียว เพราะได้รายได้แค่จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้ ภาษีค่าธรรมเนียม ทุกวันนี้เงินแห้งหมดแล้ว

“เราต้องสร้างโครงการอะไรขึ้นมาเพื่อระดมทุนในประเทศ ต่างประเทศ การสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างศักยภาพในประเทศ และต้องตรงกับยุทธศาสตร์ประเทศมหาอำนาจ คือ เราอย่าไปฝันกับ startup เราต้องกลับมาอยู่ในโลกความจริงว่า การท่องเที่ยวเราจะทำอย่างไร การจัดการสินค้าเกษตรเราจะทำอย่างไร ให้กลับขึ้นมาเหมือนเดิม”


ขณะที่การเลือกตั้งปี 2569 หลายคนอาจเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยได้เปรียบและมีโอกาสมากที่สุดจากกระแสชาตินิยม แต่ พล.อ รังษี มองต่างมุมว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เปรียบด้วยเหตุผล

ประเด็นที่ 1 การที่เขายุบสภาก่อน เป็นเรื่องส่วนตัว และการต้องแก้กฎหมายโดยที่ไม่มีประชาชนร่วมได้เลย เป็นการตกลงของ 2 พรรคคือภูมิใจไทยและพรรคประชาชน สุดท้ายเบี้ยวกันเอง

ประเด็นที่ 2 ชาวบ้านที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยังเดือดร้อนมหาศาล เสียหายเป็นแสนล้าน แต่รัฐบาลรักษาการคงไม่มีเวลาไปดูแล เพราะต้องหาเสียง และที่ผ่านมา นายกฯ อนุทินยังไม่แสดงความประทับใจเท่าไหร่กับประชาชน

ประเด็นที่ 3 การซื้อบ้านใหญ่เข้าพรรค คิดว่า ประชาชนรับไม่ได้ เป็นการเมืองแบบเก่า ๆ และโพลสำรวจก็บอกว่า 40% ที่ยังไม่เลือกใคร ถ้า 40% กลุ่มนี้เทไปที่ใคร ก็แลนด์สไลด์อย่างที่บอก วิกฤตเศรษฐกิจ รอบนี้กระทบทุกครัวเรือน อีกทั้งข้อมูลตั้งแต่มกราคม - ธันวาคม ปีนี้ รถยนต์ถูกยึดไป 3 ล้าน 1 แสนคัน ยังไม่รวมบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล รวมทั้งบ้าน

ประเด็นที่ 4 กระแสชาตินิยม ไม่เทคะแนนไปที่นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย เพราะประชาชนรู้ว่า กองทัพเป็นคนจัดการไม่ใช่นายอนุทิน จะเห็นได้ว่าในช่วงแรก ๆ นายกฯ อนุทิน อึกอัก เพราะไม่รู้เรื่องความมั่นคง แต่ด้วยความเป็นคนฉลาด จึงโยนให้กองทัพเป็นผู้ดำเนินการ

นี่คือฝีมือของ 3 เหล่าทัพ ‘บก- เรือ -อากาศ’ แห่งกองทัพไทย!

ที่สำคัญ พรรคภูมิใจไทย ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีความโดดเด่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จะเน้นประชานิยม และเป็นนโยบายซื้อเสียงล่วงหน้า จึงหวังให้ประชาชนตื่นรู้ รวมทั้งต้องรณรงค์เรื่องการซื้อเสียง และพิษภัย นอกจากนี้พรรคการเมืองควรนำเรื่องหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ หนี้ภาคเอกชน มาตีแผ่ให้ประชาชนได้รับรู้โดยเฉพาะหนี้สาธารณะ ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 600 ล้านบาท เพราะเราทำงบขาดทุนมา 13 ปีแล้ว


จากนี้ไปต้องดูว่า 2 พ่อลูกตระกูลฮุน จะมาขอเจรจาหยุดยิงหรือไม่ หรือประชาชนกัมพูชาจะลุกฮือขับไล่ตระกูลฮุน รวมถึงการเลือกตั้งปี 2569 พรรคภูมิใจไทยจะสามารถกวาดคะแนนเสียงจากกระแสชาตินิยมได้จริงหรือไม่!?

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j



กำลังโหลดความคิดเห็น