ละครบ้านเปรยจัน กลบเหตุทหารไทยถูกกับระเบิดเรียบส่วนข้ออ้างทหารไทยใช้ปืนRPD ยิง พบมีแต่ทหารเขมรเท่านั้นที่ใช้ โรงพยาบาลใจกว้างอนุญาต AOT นับสิบเข้าห้องICU ส่วนคนป่วยนอนอมยิ้มเพจดังตาดีอ่านค่าเครื่องมือสุขภาพคนป่วยปกติ พบแค่สายน้ำเกลือไม่พบการให้เลือดหลายเพจร่วจับโป๊ะละครกัมพูชาDarth Prin จับผิดกัมพูชาสวมคนตายไล่เวลาที่แท้ตายก่อนเกิดเหตุ ชมเก่งต้มได้ถึงนายกฯที่จดหมายแสดงความเสียใจ
รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ได้ร่วมลงนามในปฏิญญาร่วมไทย–กัมพูชา (Joint Declaration) เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความมั่นคงตามแนวชายแดน ครอบคลุม 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ การถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์สแกม และการบริหารจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดนจังหวัดสระแก้ว
ดูเหมือนสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังคลี่คลายแม้จะมีบางอย่างที่ติดขัดอยู่บ้าง
เหยียบทุ่นระเบิด
แต่แล้ว 10 พฤศจิกายน 2568 ช่วงเวลา 9.36 น. ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิดใหม่ที่ห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ ทหารเจ็บ 4 นาย สาหัสขาขาด 1 นาย กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย จ่าสิบเอก เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าขวาขาด พลทหาร วชิระ พันธะนา มีอาการแน่นหน้าอกจากแรงอัด พลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขา พลทหาร อนุชา สุจารี มีอาการระคายเคืองตาจากฝุ่นหรือสารเคมีของระเบิด
กองทัพบกยืนยันเหตุระเบิดห้วยตามาเรีย เป็นการลักลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ ถือเป็นการละเมิดปฏิญญาร่วม และแสดงความเป็นปรปักษ์ อันส่งผลให้ข้อตกลงต้องยุติลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
วันรุ่งขึ้น 11 พฤศจิกายน 2568 มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ จนได้ข้อสรุปว่า ระงับปฏิญญาสันติภาพ ไทย-กัมพูชา งดส่งตัวเฉลยศึก 18 คนและทำหนังสือประท้วงต่อประชาคมโลก
บ้านเปรยจัน
จากนั้น 12 พฤศจิกายน 2568 กองทัพภาคที่ 1 ได้รับรายงานจากกองกำลังบูรพา เหตุการณ์ยิงปะทะกันในบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัด สระแก้ว ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ เมื่อเวลา 16.10 น. ได้เกิดเหตุการใช้อาวุธปืนยิงมาจากฝั่งกัมพูชา คาดว่าเป็นอาวุธปืนเล็ก AK-47 จำนวนประมาณ 30 นัด โดย กกล.บูรพา ได้ยิงเตือนและดำเนินการโต้ตอบเหตุการณ์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนสถานการณ์จะสงบลง ตรวจสอบฝ่ายไทยไม่ได้รับการสูญเสีย
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพาได้ทำการเตือนและตอบโต้ยึดตามกฎการใช้กำลังอย่างเคร่งครัดเพื่อระงับเหตุ ซึ่งการใช้อาวุธตอบโต้นั้นเป็นทางเลือกสุดท้ายในสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อปกป้องชีวิตและอธิปไตยของชาติ โดยกำลังพลได้ยิงตอบโต้ด้วยอาวุธปืนเล็กยาวไปยังทิศทางยิงของฝ่ายตรงข้ามที่กระทำต่อกำลังพลฝ่ายเรา โดยใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ ไม่ให้ถูกเป้าหมายพลเรือน ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และได้ทำการหยุดตอบโต้ เมื่อภาวะคุกคามจากฝั่งตรงข้ามสิ้นสุดลงทันที
ทุกอย่างดูเหมือนลงตัวไปหมดจากฝั่งกัมพูชา เราไม่รู้ว่าเขาเตรียมการอะไรไว้บ้างหรือไม่ ทหารไทยเหยียบกับระเบิด 10 พ.ย. รุ่งขึ้น 11 พ.ย.ไทยมีมติระงับปฎิญญาที่ลงนามร่วมกันเมื่อ 26 ตุลาคม 2568 จากนั้น 12 พ.ย .เขมรตีปี๊บว่าทหารไทยยิงพลเรือนชาวกัมพูชา ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฟ้องทั่วโลก
Neth Pheaktra เปิดเรื่อง
ทุกอย่างเริ่มที่ Neth Pheaktra รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศกัมพูชาเป็นผู้โพสต์ ก่อนที่จะกระจายไปยังสื่ออื่น ๆ ของกัมพูชา ทุกอย่างเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
อย่างเช่น Facebook “PR Cambodian Government” โพสต์ข้อความว่า ข่าวประชาสัมพันธ์จากโฆษกประจำจังหวัดบันเตียเมียนเจย ทราบว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15.50 น. ทหารไทยได้ใช้ปืนไรเฟิล RPD ยิงประชาชนชาวกัมพูชาที่พักอยู่ในเต็นท์ยางภายในเขตอธิปไตยของราชอาณาจักรกัมพูชา ที่บ้านเปรยจัน ตำบลโอเบโจน อำเภอโอชรอฟ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ส่งผลให้มีประชาชนชาวกัมพูชาเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ใช้โอกาสนี้ออกมากล่าวหาประเทศไทยว่า ข้าพเจ้าขอประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้ความรุนแรงโดยปราศจากการยั่วยุของฝ่ายไทยต่อพลเรือนชาวกัมพูชาผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้านเปรยจันในช่วงบ่ายของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งส่งผลให้พลเรือนชาวกัมพูชาได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และสูญเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า 1 ราย การกระทำนี้ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดต่อหลักการมนุษยธรรมและข้อตกลงร่วมกัน
ที่ได้บรรลุไว้ก่อนหน้านี้ในการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี
สร้างกลบข่าวเหยียบกับระเบิด
แหล่งข่าวกล่าวว่า วันนี้กัมพูชาใช้เหตุการณ์ที่หมู่บ้านเปรยจัน ขึ้นมากลบเรื่องการลอบเข้ามาวางระเบิด จนทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ที่ห้วยตามาเรีย ศรีสะเกษ กัมพูชาประโคมข่าวเรื่องทหารไทยยิงพลเรือนที่บ้านเปรยจัน อ้างเรื่องยึดมั่นในสันติภาพ ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเชื่อกัมพูชาบ้าง อาจมีบางเรื่องที่บางชาติมีผลประโยชน์ร่วมกันก็อาจอยู่ฝ่ายเดียวกันได้ แต่กรณีนี้ยังมีข้อสังเกตหลายประการที่ขัดแย้งกับข่าวที่กัมพูชาอยากให้เป็น
ประการแรก กลบข่าวเรื่องกัมพูชาเป็นผู้วางระเบิดได้ทันที ประการที่สองไทยประกาศระงับปฎิญญาไทย-กัมพูชา เข้าทางอ้างได้ว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่ม ทั้ง ๆ ที่ข้อตกลงดังกล่าวเรื่องการปราบ Scammer เป็นเรื่องที่กัมพูชาลำบากใจ เพราะถือเป็นรายได้หลักของประเทศ แถมได้ภาพกลายเป็นผู้ที่ถูกกระทำ
RPD มีแต่กัมพูชาใช้
เรื่องที่อ้างว่าทหารไทยใช้ปืน PRD ยิงพลเรือนกัมพูชานั้น เพจ Army Militaly Force ชี้แจงว่า กองทัพไทยเลือกประจำการปืนกลเบาที่มาจากมาตรฐานของกลุ่มประเทศนาโต (NATO) เป็นหลัก โดยไม่เคยมีประวัติการประจำการปืนกลเบาที่มาจากมาตรฐานโซเวียต เช่น รุ่น RPD (Ruchnoy Pulemyot Degtyaryova) ในการใช้งานอย่างเป็นทางการ
เช่นเดียวกับเพจ Bangkok I love you ที่ตั้งข้อสังเกตุเรื่องปืนว่า เขมรอ้างไทยใช้ ปืน RPD กระสุน 7.62×39 มม. ยิงประชาชนในเขตหมู่บ้านเปรยจันทร์ โดยข้อเท็จจริงคือ ไทย “ไม่ใช้ และไม่ประจำการปืนชนิดนี้ เพราะกองทัพไทยใช้ระบบอาวุธมาตรฐาน NATO ได้แก่ 5.56×45 มม. และ 7.62×51 มม.
แต่ปืน RPD คือยุทโธปกรณ์ยุคโซเวียต ใช้กระสุน 7.62×39 มม. ซึ่ง ไม่ใช่ มาตรฐานของกองทัพไทย และ ไม่ได้อยู่ในบัญชีประจำการของไทยเลย จึงเป็นไปไม่ได้ 100% ที่ไทยจะใช้อาวุธชนิดนี้ยิงประชาชนเขมร
RPD คืออาวุธที่กองทัพเขมรใช้เป็นประจำ จากภาพที่แพร่ในโซเชียลและสื่อกัมพูชาเอง แสดงให้เห็นว่า ทหารเขมรถือปืน RPD กลุ่มติดอาวุธเขมรใช้ RPD ในการฝึกและลาดตระเวน
จับผิดตายทิพย์
สอดคล้องกับเพจเจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามันได้โพสต์ไว้ “คนกัมพูชาถูกยิงโดยอาวุธสงความ ที่ไม่มีในประเทศไทยแต่กัมพูชามี คนไทยเหยียบกับระเบิดโดยไทยไม่เคยมีแต่กัมพูชามี /เอ๊ะกันบ้างชาวโลก” พร้อมตั้งข้อสังเกตุความแปลกของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บชาวกัมพูชาไว้เช่นกัน
เริ่มที่งานศพที่อ้างว่าถูกยิงเสียชีวิต เพจกองทัพบกทันกระแส เปรียบเทียบการจัดงานศพของชายชาวกัมพูชาที่อ้างว่าถูกทหารไทยยิง
โพสต์ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 21.29 น. และ13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11.37 น. พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าไม่มีภาพผู้เสียชีวิตออกมา มีเพียงแค่ภาพผู้บาดเจ็บ 3 ราย เหตุการณ์สิ้นสุดเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. แต่ในภาพดูเหมือนจัดงานศพช่วงบ่ายก่อนหน้าการปะทะ แสงแดดในภาพจ้ามาก
อีกทั้งปืน RPD ในเมืองไทยไม่มีปืนชนิดนี้ แถมทางการกัมพูชาแถลงการณ์ไว้มาก 14.00 น.เผาศพแล้วไม่ถึง 24 ชั่วโมง
จุดต่อมาคือการเปิดให้คณะผู้สังเกตุการณ์อาเซียน AOT เข้าไปห้อง ICU ที่ระบุว่ามีผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงอยู่ มีการตั้งข้อสังเกตุว่าแพทย์ปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้าไปในห้อง ICU ได้มากขนาดนี้ แถมพบแต่เพียงสายน้ำเกลือ สวนทางกับคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่ส่วนใหญ่มักต้องให้เลือด หรือแม้กระทั่งค่าของเครื่องมือทางการแพทย์ บางรายการบ่งบอกว่าผู้ป่วยไม่ได้ป่วยหนักตามที่ออกข่าวมาก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังพบคลิปที่คณะ AOT ไปเยี่ยมภรรยาผู้เสียชีวิตที่จัดงานศพอยู่ แต่เธอมีสีหน้ายิ้มแย้มออกมาทักทายกับคณะที่มาเยี่ยม
มันตอบยากว่าสิ่งที่เราเห็นเป็นละครจากฝั่งกัมพูชาหรือไม่ แต่มันมีหลายจุดที่ต้องตั้งคำถามเหมือนกันว่าทำไมงานศพตั้งพิธีไม่ถึง 1 วันเผาแล้ว แถมไม่มีใครเห็นศพ ถูกยิงจริงหรือไม่ ผิดวิสัยกับกรณีทั่วไป
จับผิดตายสวมคนตาย
เพจเจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน โพสต์ข้อความของ Darth Prin ที่จับผิดเรื่องศพชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตแล้วอ้างว่าถูกทหารไทยยิงไว้อย่างน่าสนใจ
กัมพูชาเล่นใหญ่ใส่ไทย เต้าข่าวว่าพลเรือนโดนทหารไทยยิง เจ็บ 3 ตาย 1 แต่เต้าไปเต้ามา ดันหลอกตัวเอง จนนายกกัมพูชาหลงเชื่อจริงและถึงขั้นออกจดหมายแสดงความเสียใจกับ “ศพที่ไม่ได้ตายเพราะเหตุการณ์นั้น” เรียบร้อย
เรื่องนี้ไม่รู้จะเรียกว่าโง่จนตลก หรือโง่แบบโง่คูณสอง คู่มือคัดเลือกผู้นำของ Scambodia นี่มันยังไงกัน
ชาวเนตกัมพูชาชื่อ Bong Mark น่าจะคิดว่าคนไทยโง่พอ ๆ กับชาวเขมรบางกลุ่ม เลยเอารูปงานศพ (ที่คนตายไม่เกี่ยวกับชายแดน) มา “ประกอบข่าวปลอม” แล้วโพสต์ตอน 3 ทุ่ม 12 พฤศจิกายน 68 แต่ดันลืมไปว่า…ประเทศไทยไม่ได้เอาคนฉลาดไปทำปุ๋ยเหมือน Scambodia เราดู “เวลา–แสง–เงา–ตำแหน่งดวงอาทิตย์” ก็รู้ทันทีว่า ปลอม 100%
คำนวณกันชัด ๆ
1. สถานที่เกิดเหตุ: เวลาเกิดเหตุจริงคือ 16:30 น. วันที่ 12 พ.ย. 2568 พิกัด 13.817°N, 102.741°E (ชายแดนสระแก้ว–Prey Chan) คำนวณจากดาราศาสตร์แล้วดวงอาทิตย์มีมุมเงยประมาณ 15° เงายาว 4.7–5 เท่าของความสูง เป็นแดดช่วง “เฉียงต่ำใกล้ตกดิน”
2. ภาพงานศพ: ภาพที่ Scambodia ยัดมาอวดโลกมีเงาสั้น แสงคมชัด มุมดวงอาทิตย์ 50–60° ซึ่งจะเกิดได้เฉพาะช่วง 11:00–13:00 เท่านั้น
3. Timeline: เหตุยิงนับจากเวลา 16:30 → หามคนเจ็บในหมู่บ้าน → ส่งโรงพยาบาล Mongkul Borei ระยะ 54–56 กม. ใช้เวลาราวชั่วโมง จากนั้นยังต้องตรวจอาการ รายงานเหตุ ชันสูตรเบื้องต้น เคลื่อนย้ายศพ ตั้งโต๊ะหมู่ ดอกไม้ พวงหรีด ญาติพร้อมครบ แม้หมอจะวิ่งด้วยความเร็วแสง ญาติบินมาด้วย warp drive เร็วที่สุดที่ภาพงานศพจะถูกถ่ายคือ 19:30–20:30
ถ้ามันจะจัดงานศพนาย Dy Nai (ที่สมมุติว่าถูกยิงตายวันนั้น) ตอนนั้นดวงอาทิตย์จะต้องตกแล้ว แน่นอน ฟันธง มืดสนิท ไอ้ภาพงานศพที่แดดกดหัว 50–60° จึงเป็นไปไม่ได้แบบ 99.99% เหลือให้ 0.01% ถ้าเขมรจะจัดไฟสตูดิโอไฮเบย์หมื่นวัตต์ให้เหมือนตอนเที่ยง
ความเป็นไปได้
ถ้าภาพงานศพ “เป็นจริง” มันต้องถูกถ่ายหลัง 11:00 ของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 แต่ Bong Mark โพสต์ตั้งแต่ 21:00 ของวันที่ 12 พ.ย. มันจึงสรุปได้ว่า ภาพงานศพถูกถ่ายก่อนเหตุยิงหลายชั่วโมงแบบดิ้นไม่หลุด หลุด timeline ตั้งแต่ระดับเด็กประถม แต่ Scambodia กลับเชื่อกันทั้งประเทศ จนถึงนายกรัฐมนตรี
นี่ถ้ามันฉลาดกว่านี้อีกนิด โพสภาพหลังเที่ยงวันที่ 13 พ.ย. เราจะจับผิดยากกว่านี้เยอะ
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


