“พล.ท.พงศกร” แฉ 4 ขั้นตอนฟอกเงินของแก๊งสแกมเอมร์ พบเข้ามาลงทุนในหลายธุรกิจของไทย ทั้งอสังหาฯ เกษตรแปลงใหญ่ แต่ที่ง่ายสุดคือซื้อหุ้นบลูชิพในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีเครือข่ายข้าราชการ-นักการเมืองช่วยคุ้มครอง แลกกับเงินสนับสนุนในการขับเคลื่อนงานการเมือง เมื่อครอบงำการเมืองได้ก็แก้กฎหมายเปิดทางให้ทุนเทาสามารถถือครองอสังหริมทรัพย์ในไทย เผย เป็นทุนสีเทาขนาดใหญ่ในระดับที่ซื้อประเทศไทยได้ทั้งประเทศ แนะ “รัฐบาลอนุทิน”ใช้จังหวะที่โลกล้อมกัมพูชา ประสานความร่วมมือกับนานาชาติในการปราบปรามสแกมเมอร์ พร้อมเสนอไทยเป็นฐานปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมใน“เขมร”
ปัญหาสแกมเมอร์ดูจะเป็นภัยร้ายที่คุกคามประเทศต่างๆทั่วโลกอยู่ในตอนนี้ ขณะที่ประเทศไทยนั้นก็มีกระแสข่าวเล่าลือว่ามีนักการเมืองหลายคนที่พัวพันกับแก๊งสแกมเมอร์และทุนสีเทา โดยนำเงินของกลุ่มคนเหล่านี้มาใช้ในการขยายฐานทางการเมือง อีกทั้งยังเอื้อให้ทุนสีเทาเข้ามาทำธุรกิจในไทยเพื่อเปลี่ยนเงินใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดินอีกด้วย
ส่วนว่าแก๊งสแกมเมอร์จะผ่องถ่ายเงินสีเทาเข้ามาในระบบเศรษฐกิจและการเมืองไทยอย่างไรนั้น คงต้องไปฟังข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง
พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ อธิบายวิธีการฟอกเงินของแก๊งสแกมเมอร์ ว่า หลังจากที่สแกมเมอร์ซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านหลอกเงินจากคนไทยและคนในประเทศอื่นๆได้แล้ว ก็จะเปลี่ยนเงินสดที่หลอกมาได้เป็นคริปโตเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน และทำให้ยากต่อการติดตาม เนื่องจากธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ไม่ได้ผูกติดกับตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้ ทำให้สแกมเมอร์สามารถส่งเงินไปมาได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน จากนั้นขั้นต่อไปสแกมเมอร์ก็จะเปลี่ยนคริปโตเป็นทองคำเพื่อฟอกเงินและปกปิดเส้นทางการเงินที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงและตรวจสอบได้ยากกว่าการทำธุรกรรมคริปโต อีกทั้งทองคำยังมีมูลค่าสูงและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ทำให้สามารถขนย้ายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย
ขณะเดียวกันสแกมเมอร์ก็จะเข้าหาผู้มีอำนาจในประเทศไทยเพื่อให้ช่วยคุ้มครอง และดำเนินการฟอกเงินขั้นสุดท้ายด้วยการนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจต่างๆกับคนไทยเพื่อฟอกเงินสีเทาให้เป็นสีขาว เช่น ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำเกษตรแปลงใหญ่ โดยยอมขาดทุนเพื่อสร้างตัวเลขทางบัญชีว่าได้ลงทุนไปเท่านี้ และได้รายได้กลับมาเท่านี้ เช่น ลงทุน 10 ล้าน ขายได้ 7 ล้าน ขาดทุน 3 ล้าน กลุ่มทุนสีเทาก็จะได้เงินที่ฟอกแล้วขึ้นมาอยู่บนดิน 7 ล้าน แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือนำเงินไปฟอกในตลาดหุ้นเพราะเป็นการทำธุรกรรมที่เงินเข้าออกเร็ว โดยจะซื้อแบบขาดทุน ยอมติดดอย แต่เนื่องจากหุ้นมีมูลค่าสูงจึงสามารถเคลมได้ว่าเสียเงินซื้อหุ้นไปเท่าไหร่ ขายคืนแล้วได้เงินเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่เงินจากสแกมเมอร์จะวิ่งไปที่หุ้นบลูชิพ(หุ้นของบริษัทที่มีชื่อเสียง มั่นคง และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง)เพราะมีความน่าเชื่อถือ
“ เนื่องจากสแกมเมอร์นำเงินสีเทาจากฝั่งกัมพูชามาฟอกในไทยจึงต้องให้ผู้มีอำนาจช่วยคุ้มครอง ซึ่งอาจจะเป็นข้าราชการหรือนักการเมืองก็ได้ อาจจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นก็ได้ นักการเมืองระดับชาติก็ได้ ถ้านักการเมืองเหล่านี้สามารถแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินได้ก็ไม่มีปัญหา ซึ่งรูปแบบนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก” พล.ท.พงศกร กล่าว
พล.ท.พงศกร กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมานักการเมืองของไทยบางส่วนก็ระดมเงินจากทุนสีเทาเพื่อใช้ขยายอำนาจให้ตัวเอง ซึ่งเรื่องแบบนี้มีมานานแล้ว ส่วนเส้นทางของแก๊งสีเทานั้นจะเริ่มจากการลงทุนสีขาวก่อน โดยเป็นการลงทุนในธุรกิจปกติทั่วไปผ่านบีโอไอ(สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) จากนั้นจึงนำเงินสีเทาเข้ามาฟอกโดยมีพรรคพวกที่มีคอนเน็กชันช่วยฟอกให้ ขณะที่ฝ่ายการเมืองก็ได้เงินจากทุนเหล่านี้มาขยายอำนาจ หรือบางครั้งทุนสีเทาก็ผันตัวเข้ามาทำงานการเมืองเอง เมื่อทุนสีเทาเข้ามามีอิทธิพลทางการเมือง นักการเมืองที่เข้าสภาได้เพราะทุนสีเทาก็จะออกกฎหมายหรือนโยบายต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ทุนเทา
ที่ผ่านมารัฐบาลของไทยก็มีการออกกฎหมายที่เอื้อให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้ถึง 90 ปี สามารถซื้อคอนโดได้โดยมีเงื่อนไขว่าในคอนโดนนั้นๆจะมีต่างชาติถือครองเป็นเจ้าของได้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดในสีหนุวิลล์ซึ่งเป็นแหล่งสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชามาแล้ว ในสิงคโปร์ก็เคยเกิดขึ้นจนกระทั่งรัฐบาลสิงคโปร์ยกเลิกกฎหมายลักษณ์นี้ไปเนื่องจากคนสิงคโปร์ไม่มีบ้านอยู่เพราะทุนสีเทามาแย่งซื้อหมด
“ เมื่อมีทุนสีเทาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนทางการเมืองมากเข้า ต่อไปการเลือกตั้งในระดับต่างๆก็จะใช้เงินซื้อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแม้แต่การเมืองบ้านใหญ่ก็สู้ไม่ได้เพราะเงินสีเทามันได้มาง่าย แต่นักการเมืองบ้านใหญ่เขาต้องทำมาหากินจึงจะได้เงินมา ซึ่งทุนสีเทาที่ได้จากการฉ้อฉลหลอกลวงนั้นเป็นการเข้ามาของทุนต่างชาติหรือทุนระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ในระดับที่อาจจะซื้อประเทศไทยได้เลย อย่างในสิงคโปร์ บ้านราคา 100 ล้าน ทุนสีเทามาซื้อ 200 ล้านก็ได้ เพราะเป็นเงินจากธุรกิจสีเทา เวลาขายก็ยอมขายขาดทุน ขายแค่ 100 ล้าน เขาก็จะได้ 100 ล้านที่เป็นเงินสะอาดกลับไป ซึ่งเขาไม่ได้ขาดทุนอะไร เพราะจริงๆแล้วต้นทุนของเขาคือศูนย์ เขาได้เงินเหล่านี้มาฟรีๆแค่เอาเงินมาฟอก เวลาทุนสีเทาเหล่านี้เข้ามาประมูลงานทั้งของรัฐและเอกชนก็จะเสนอราคาที่ต่ำมาก ทำให้บริษัทของไทยสู้ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องไปร่วมทุนกับพวกทุนเทา เป็นกิจการร่วมค้า เมื่อไม่กี่วันมานี้บริษัทอสังหาฯหลายรายของไทยก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับทุนเทา คือทุนสีเทามันลามทั้งประเทศ เหมือนมะเร็งที่ลามเร็วมาก ” พล.ท.พงศกร ระบุ
สำหรับแนวทางที่ประเทศไทยจะป้องกันอันตรายจากแก๊งสแกมเมอร์นั้น “พล.ท.พงศกร” มองว่า มีทางเดียวคือต้องมีรัฐบาลที่มีเจตจำนงที่จะดูแลประชาชนอย่างจริงจัง ขณะที่ภาคประชาชนก็ต้องเข้มแข็งและช่วยกันกดดันให้รัฐบาลเร่งปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์และช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะคนที่ถูกหลอกไปทำงานในกัมพูชา ดูอย่างประเทศเกาหลีใต้มีนักศึกษาถูกหลอกและบังคับไปทำงานในแก๊งสแกมเมอร์ที่กัมพูชาถูกทำร้ายจนเสียชีวิตแค่ 1 คน รัฐบาลเกาหลีส่ง รมช.ต่างประเทศบินด่วนไปกัมพูชาเพื่อกดดันให้รัฐบาลกัมพูชาแก้ปัญหาเรื่องนี้ ขณะที่มีคนไทยตกเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชากว่า 3,000 คน คนเหล่านี้ถูกทำร้ายและบางรายเสียชีวิต แต่รัฐบาลไทยกลับนิ่งเฉย ไม่ทำอะไรเลย ส่วนทางด้านภาคประชาชนของเกาหลีใต้ก็เข้มแข็ง พอเห็นข่าวคนเกาหลีถูกทำร้ายในกัมพูชา ชาวเกาหลีลุกฮือทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นภาคประชาชนของไทยก็ต้องลุกขึ้นมากดดันรัฐบาลในเรื่องนี้
ในหลายประเทศอำนาจของประชาชนเข้มแข็งจึงสามารถกดดันให้ข้าราชการหรือนักการเมืองจัดการกับขบวนการสีเทาต่างๆได้ การทำงานขององค์กรต่างๆต้องยึดโยงกับประชาชน เช่น ญี่ปุ่นประชาชนสามารถถอดถอนผู้พิพากษาได้ ในยุโรปฝ่ายการเมืองมีความอิสระและยึดโยงกับประชาชน องค์กรอิสระก็แต่งตั้งโดยประชาชน ขณะที่อำนาจขององค์กรต่างๆในไทยนั้นถูกตัดตอน บางส่วนก็ไปยึดโยงกับฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจ เมื่อการตรวจสอบไม่มีความเข้มข้นก็ยากที่จะจัดการกับขบวนการสีเทา
พล.ท.พงศกร ชี้ว่า รัฐบาลไทยควรใช้จังหวะที่เกาหลีใต้ดำเนินมาตรการปราบปรามสแกมเมอร์ในกัมพูชาในการประสานความร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปเป็นเหยื่อของแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ขณะเดียวกันก็ใช้โอกาสที่ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯและเกาหลีใต้ประกาศนโยบายปราบปรามสแกมเมอร์เสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการจัดการแก๊งสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติที่มีผลต่อความมั่นคงของมนุษย์ โดยให้มีการตั้งฐานปฏิบัติการของนานาชาติในประเทศไทยและส่งกำลังเข้าไปจัดการกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา จัดหาที่พักและอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ของประเทศต่างๆที่เข้ามาปฏิบัติการปราบปรามสแกมเมอร์
“ ไทยควรใช้จังหวะที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ดึงนานาชาติเข้ามาร่วม โดยรัฐบาลไทยสามารถดึงประเทศต่างๆที่เห็นความสำคัญของการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ อังกฤษ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย หรือสิงคโปร์ เข้ามาร่วม โดยใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการในการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งล่าสุดเห็นว่าสหรัฐฯกำลังจะไปตั้งฐานปฏิบัติการฯที่เวียดนามแล้วเพราะเราช้ากว่าเขา ซึ่งการแก้ปัญหาสแกมเมอร์นั้นใช้ความร่วมมือแบบทวิภาคีมันไม่เพียงพอ เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับโลกแล้ว ต้องใช้พหุภาคี แต่ตอนนี้รัฐบาลไม่ขยับทำอะไร ได้แต่ตั้งคณะกรรมการทั้งๆที่หน่วยงานต่างๆมีหน้าที่จัดการอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังไม่ดึง สมช.เข้ามาร่วมทั้งที่สแกมเมอร์ถือเป็นภัยต่อความมั่นคง ประชาชนก็เลยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะรัฐบาลมีเอี่ยวกับแก๊งสแกมดมอร์หรือเปล่า ” พล.ท.พงศกร กล่าว
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


