xs
xsm
sm
md
lg

นโยบายเหลว!! ปลายหอกย้อนทิ่มรัฐบาล“ตระกูลฮุน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทุกอย่างฟ้อง แรงงานกลับไปไม่มีงาน กลับล้านได้งาน 3 แสน ที่เหลือเคว้งหนีตายกลับไทย แบนสินค้าไทย-แต่รายใหญ่หอบของไทยล็อตใหญ่ยกโกดัง อ้างแค่จัดเก็บไม่ได้มาตรฐานไม่สนคนเขมรจ่ายแพงขึ้น ยุคนกัมพูชาทิ้งเงินบาทถือเรียล เจอพ่อค้ากดอัตราแลกเปลี่ยนจาก 124 เรียลต่อ 1 บาทเหลือแค่ 100 เรียล คนชายแดนล้ำย้ายบาทไป True Money ชี้ทุกนโยบายกลายเป็นปัจจัยลบกดดันรัฐบาล

หลังการหยุดยิงเมื่อข้ามเข้าสู่วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ในห้วงเวลานี้สถานการณ์ด้านชายแดนไทยกัมพูชายังคงมีความเคลื่อนไหวในหลาย ๆ ส่วน ทั้งความพยายามเข้ามาทวงพื้นที่คืนของชาวกัมพูชา หรือการเสริมทัพของทหารกัมพูชาตามพื้นที่ยุทธศาสตร์จุดต่าง ๆ

ขณะที่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นพรรคภูมิใจไทย กับระยะเวลาอีก 4 เดือนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ ส่วนกัมพูชายังอยู่ในการบริหารของ 2 ผู้นำพ่อลูกฮุน เซน และฮุน มาเนตเหมือนเดิม

แจกข้าวสาร 25 กิโล

ผลต่อเนื่องทั้งก่อนการปะทะและหลังปะทะจากนโยบายที่ออกมาจากผู้นำฝั่งของกัมพูชา เริ่มสร้างปัญหาให้กับประชากรของกัมพูชามากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนโยบายชักชวนชาวกัมพูชาที่มาขายแรงงานในประเทศไทยกลับ ด้วยสัญญาว่าจะหางานในประเทศให้ทำ แถมมีขอล่อใจเพื่อให้เช่นของแจกต่าง ๆ ที่เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2568 ก่อนการปะทะ

ตามมาด้วยคำขู่ผ่านทางญาติพี่น้องว่าอาจมีการยึดที่หรือตัดสิทธิประโยชน์ต่า ๆ ส่งผลให้มีชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศเฉียด 1 ล้านคน สิ่งที่ตามมาคือตำแหน่งงานในกัมพูชาสามารถรองรับได้เพียง 2 แสนกว่าอัตรา

อย่างช่วงวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ขแมร์ไทม์รายงานว่า ทางกัมพูชาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตโบงคมุม ไปมอบของขวัญให้แรงงานชาวกัมพูชา 669 คน เดินทางกลับจากประเทศไทย คนงานแต่ละคนได้รับของขวัญเป็นชุดประกอบด้วยข้าวสาร 25 กิโลกรัม เส้นก๋วยเตี๋ยว น้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำบริสุทธิ์ และเงินช่วยเหลือบางส่วน


กลับเกือบล้านได้งาน 3 แสน

ปัญหาที่พบคือแรงงานที่กลับจากประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานด้านก่อสร้างและภาคการเกษตร ขณะที่งานส่วนใหญ่ในกัมพูชาเป็นงานด้านอุตสาหกรรมและงานด้านบริการ ทำให้ความต้องการงานไม่ตรงกัน บางแห่งกำหนดอายุในการทำงานถ้าเกินก็ไม่รับ หรือต้องมีพื้นฐานงานมาก่อน หากไม่มีต้องทำการฝึกอบรม(เสียค่าใช้จ่าย)

แรงงานกลับจากไทยไปเกือบล้านคน กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพกัมพูชาหางานให้ได้ 3 แสนอัตรา แล้วอีก 6-7 แสนคนจะทำอย่างไร จำนวนไม่น้อยเลือกที่จะเดินทางกลับมาหางานทำในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งทหารจากฝั่งไทยจับได้แทบทุกวันและส่งตัวกลับ บางรายก็เลือกที่จะบินเข้ามาประเทศไทยแล้วยอมทิ้งตั๋วขากลับ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยที่จะสกัดกั้น

ถือว่าแรงงานที่กลับไปกัมพูชามากเกินคาด ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลกัมพูชาจะประเมินว่าไทยต้องง้อแรงงานเหล่านี้หรือไม่ แต่ไทยได้เตรียมแรงงานเมียนมาร์หากยังขาดแคลนอาจเพิ่มแรงงานจากศรีลังกาอีกประเทศหนึ่งมาทดแทน

แรงงานคือสินค้าออก

แรงงานกัมพูชาที่มาขายแรงงานในประเทศไทยก็ไม่ต่างกับสินค้าออกของกัมพูชา เงินที่พวกเขาหาได้ก็ส่งกลับไปเลี้ยงครอบครัวในกัมพูชา เมื่อเรียกแรงงานกลับไปเท่ากับประเทศไม่มีสินค้าออก ไม่มีเงินไหลกลับเข้าไปเลี้ยงครอบครัวของพวกเขา บวกกับสินค้าที่เคยส่งออกมาไทยไม่สามารถทำได้ ย่อมส่งผลต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

หากปล่อยไว้อย่างนี้สิ่งที่จะตามมานอกจากเศรษฐกิจของกัมพูชาจะมีปัญหาแล้ว ความไม่พอใจของประชาชนกัมพูชาต่อรัฐบาลก็จะเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่าผู้นำของกัมพูชาจะเก็บคนเหล่านี้ไว้ในประเทศหรือไม่?

เราเริ่มเห็นคนงานราว 8,000 คนในโรงงานทาราล (TARAL) ได้รวมตัวประท้วงเพื่อตอบโต้คำสั่งการเลิกจ้างคนขับรถบรรทุกจำนวนมากและการลดค่าแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่หน้าโรงงาน จังหวัดกำปงสปือ การประท้วงเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568 และดำเนินต่อไปจนถึงเช้าวันที่ 3 เรียกร้องค่าแรงที่เป็นธรรม ค่าอาหารกลางวัน รวมถึงนโยบายการลาป่วยที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม

จึงไม่แปลกที่เราได้เห็นคนกัมพูชาจำนวนหนึ่ง เริ่มหาช่องทางธรรมชาติหลบหนีเข้ามาหางานทำในประเทศไทย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแรงกดดันให้กับรัฐบาลกัมพูชามากยิ่งขึ้น


แบนสินค้าไทยแลกของแพง

นโยบายไม่ซื้อสินค้าจากประเทศไทย ยังถูกตอกย้ำจากผู้นำประเทศอีกครั้ง แต่ด้วยพรมแดนที่ติดกันและมีการใช้สินค้าของไทยมานานหลายสิบปี เมื่อแบนสินค้าไทย กัมพูชาก็ต้องหันไปพึ่งสินค้าจากประเทศอื่น ราคาย่อมแพงขึ้นด้วยระยะทางในการขนส่ง แต่ก็มีข้อดีที่จะกระตุ้นให้ทุนในประเทศผลิตสินค้าของกัมพูชาขึ้นมาใช้เอง ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทุนและเทคโนโลยี

แต่เรายังเห็นการลักลอบนำเข้าสินค้าไทยบริเวณชายแดนอยู่ กองทัพภาคที่ 1 จับได้หลายราย หรือล่าสุดที่กัมพูชาตรวจจับการนำเข้าสินค้าจากไทยจำนวนมากในโกดังแถบพนมเปญ

5 ตุลาคม 2568 สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค การแข่งขันและปราบปรามการฉ้อโกง แห่งกัมพูชา เข้ายึดเนื้อสัตว์แช่แข็ง 270 ตัน อ้างว่าพบผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกจัดเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะและในอุณหภูมิสูงที่เป็นอันตราย ก่อความกังวลร้ายแรงเกี่่ยวกับความปลอดภัยทางอาหารในเมืองหลวง

“ของส่วนใหญ่มียี่ห้อดัง ยังไม่หมดอายุ ลองดูเหตุผลในการตรวจยึดคือ จัดเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นโอกาสที่สินค้าเหล่านี้จะถูกทำลายจึงมีความเป็นไปได้น้อย”แหล่งข่าวกล่าว

กัมพูชาก็ยังแบนสินค้าไทยมาตั้งแต่ช่วงที่กระทบกระทั่งกัน แต่เราก็เห็นการนำเข้าสินค้าไทยด้วยวิธีการต่าง ๆ มาตลอด ผลที่ตามมาคือ ราคาสินค้าอื่น ๆ ที่นำมาใช้ทดแทนย่อมมีราคาสูงขึ้น ตามต้นทางของแต่ละประเทศ ส่วนจะหันมาบริโภคสินค้าของกัมพูชาเองก็ต้องถามว่าที่ผลิตได้เองมีกี่ตัว ราคาถูกกว่าหรือไม่ คุ้มค่าในการลงทุนใช่มั๊ย?

สำคัญกว่านั้นคือราคาที่ขยับขึ้นนั้นประชาชนกัมพูชายอมรับได้และพร้อมจ่ายใช่หรือไม่ ถ้าไม่ ภาระเหล่านี้ก็จะถูกผลักมาที่ประชาชน คุณคิดว่าคนที่ต้องทนใช้ของแพง เขาจะชื่นชมรัฐบาลหรือไม่?


ฮุนเซนชวนเลิกใช้เงินบาท

ล่าสุด 6 ตุลาคม 2568 สมเด็จฮุนเซนได้โพสต์แสดงความไม่พอใจหลังจากพบการนำภาพของเขาไปเป็นเป้ายิงปืนในงานวัดของไทย ด้วยการเรียกร้องให้เลิกใช้สินค้าของไทยและเรียกร้องให้รีบเปลี่ยนเงินบาทไทยไปเป็นเงินเรียลของกัมพูชาหรือดอลลาร์สหรัฐ

จากนั้นได้ออกมาโพสต์ว่า เป็นเรื่องดีที่ชาวกัมพูชาใช้เงินเรียลในดินแดนของตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียและกลายเป็นจุดอ่อนของประเทศชาติเมื่อเงินเรียลถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมือง ในอนาคตเงินบาทจะฆ่าชาวกัมพูชาในดินแดนกัมพูชา โดยเฉพาะผู้ที่ยังคงใช้จ่ายและเก็บเงินบาทไทยไว้

สิ่งที่ผมอยากจะขอร้องคือ ผู้ที่รับแลกเปลี่ยน โปรดแลกเปลี่ยนเงินตามราคาตลาด และอย่าแสวงหาผลกำไรที่มากเกินไปโดยการลดค่าเงินบาทและเพิ่มค่าเงินเรียล ซึ่งจะทำให้คุณขาดทุน

สิ่งที่ตามมาหลังจากสมเด็จฮุนเซนเรียกร้องให้เปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินเรียลของกัมพูชา คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินเรียลกับเงินบาท เดิมอยู่ที่ 124 เรียลต่อ 1 บาทไทย แต่อัตราที่รับแลกกันภายนอกนั้นกดลงไปเหลือ 100 เรียล ต่อ 1 บาท ทำให้คนที่ไปแลกตามคำเรียกร้องของผู้นำกัมพูชาขาดทุนไปไม่น้อย


เชื่อผู้นำ(ครึ่งเดียว)

เพจทำไมถึงเจ๊ง ได้โพสต์ข้อความเมื่อ 9 ตุลาคม 2568 ว่า ประชาชนร่วมใจแลกเงินบาททิ้ง แต่ไม่ได้แลกเป็นเงินเรียลอย่างเดียว แต่กลับเติมเข้าทรูมันนี่วอลเล็ท

ในขณะที่มีผู้นำเงินบาทมาแลกเงินเรียล ตามนโยบายของฮุนเซน บริเวณร้านรับแลกชายแดน เช่น ปอยเปต จึงมีความคึกคักค่อนข้างมาก

แต่กลับมีข้อมูลจากชายแดนมาว่า คนกัมพูชาจำนวนมาก เอาเงินบาทไปแลกจริง แต่เป็นการแลกเพื่อนำมูลค่าไปอยู่ใน application true money wallet

เนื่องจากการชำระเงินผ่าน application ดังกล่าวเป็นที่นิยมในแถบพื้นที่ชายแดนและด่านเข้าออกตามชายแดนอยู่แล้ว และยังสามารถใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนกับคนไทยได้อีกด้วย การนำเงินบาทไปแลกแล้วเปลี่ยนค่าของเงินบาทไปอยู่ในรูปแบบ application = ไม่ได้ถือครองเงินบาทอยู่ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ผู้นำร้องขอ

ส่งผลให้คนจำนวนมากที่นำเงินบาทไปแลก ไม่ใช่การแลกเป็นเงินเรียลเพียงอย่างเดียว เนื่องจากประชาชนทราบดีว่าสกุลเงินเรียล มีความเสี่ยงในการถือครองแค่ไหน ในสถานการณ์เช่นนี้

เนื่องจากประชาชนกัมพูชาต่างมีภูมิคุ้มกัน เกี่ยวกับค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดมาหลายสิบครั้ง ในช่วง 40-50 ปีที่ผ่านมา

เพิ่มเติม : จากข้อมูลของเว็บไซต์ทางการตลาดระบุว่า กัมพูชาเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีผู้ใช้บริการเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศไทยโดยมีผู้ใช้งานถึง 10% ของประชากรทั้งหมดของกัมพูชา

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มเติมอีกว่า ถามว่าก็มี application ที่ชำระค่าบริการต่าง ๆ ได้เปลี่ยนเงินจริง ๆ เข้าไปอยู่ในบัญชีดิจิตอลได้ กัมพูชามีให้บริการ แต่มีข้อจำกัดบางประการด้านสกุลเงินและมีเรื่องของความเสถียร รวมไปถึงหากชำระเงินให้คนไทยที่ไม่ได้มีแอปตัวนี้จะไม่สามารถใช้ได้

แต่ตัว true money wallet ในการทำตลาดและเชื่อมโยงกับร้านค้าในกัมพูชามายาวนาน รวมไปถึงเป็นที่นิยมทางฝั่งไทยชาวกัมพูชา ที่ต้องการลดความเสี่ยงจึงเลือกแลกเงินเก็บไว้ใน app true money

(แอปฯ)ตัวนี้เข้าใจได้ ลึก ๆ แล้ว ผู้ที่อาศัยอยู่ตามชายแดนย่อมมีความสัมพันธ์กับคนไทย อาจจะเป็นลักษณะคู่ค้าลักษณะนายจ้างหรือลักษณะเพื่อน และถ้าจะต้องทำการสั่งซื้อจ่ายเงิน หรืออะไรให้กับคนไทยหรือคนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว การยอมรับการใช้งาน application นี้ลงตัวที่สุด

ผู้ชำระและผู้รับชำระต่างใช้แอพพลิเคชั่นทั้งคู่ และไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนดังนั้นประชาชนจึงแลกเงินลงใน application ของไทย

ประเทศแรกที่ True Money เข้าไปทำตลาดคือกัมพูชา ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 มีลูกค้าใช้งานเดือนละ 2 ล้านคน คิดเป็นจำนวนเกิน 10% ของประชากรกัมพูชาที่มีประมาณ 16 ล้านคน

ส่วนหนึ่งที่ประชาชนกัมพูชาใช้ application ตัวนี้กันเยอะมากมากกว่า 10% ของประชากรทั้งประเทศ เพราะในช่วงโปรโมทเลือกใช้ดารานักร้องชื่อดัง แวนด้าในการโปรโมท ซึ่งทำออกมาหลายตัว

หอกย้อนกลับมาทำลาย

วันนี้ 3 แนวทางหลักที่สมเด็จฮุนเซนออกโรงปลุกกระแสรักชาติ เพื่อต่ออายุให้กับผู้นำคนต่อไป กำลังย้อนกลับเข้าหาตัวของผู้นำกัมพูชาเอง ดึงแรงงานกลับ แต่ไม่มีงานให้ทำ หมดโปรโมชั่น หลับตาปล่อยกลับประเทศไทย แรงงานเหล่านี้คิดไม่ได้หรือว่าคุณถูกหลอก การจะกลับเข้ามาทำงานที่ไทยอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนก่อนหน้าเกิดเรื่อง นายจ้างคนไทยก็เห็นอุปนิสัยของคนกัมพูชามากขึ้นแล้ว

แบนสินค้าไทย ไม่จัดหาสินค้าทดแทน ตั้งเป้าผลิตสินค้าเอง ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ส่งผลสินค้าทดแทนอื่นแพงขึ้นตามไปด้วยตามระยะทางจัดส่ง และยังมีคนในกัมพูชาลักลอบนำเข้าทั้งรายใหญ่-รายเล็ก คนในกัมพูชายอมรับและยอมจ่ายด้วยหรือไม่ ผลลบตกอยู่กับรัฐบาลหรือไม่

ยุให้เปลี่ยนเงินบาทเป็นเรียล จนถูกกดราคา มีใคร(ในกัมพูชา)เข้าไปควบคุมหรือไม่ ตอนนี้ 1 บาทไทยเท่ากับ 100 เรียล จากเดิม 124 เรียล คนกัมพูชาแถบชายแดนฉลาดพอเปลี่ยนเงินบาทไปไว้ใน True Money ไม่กังวลอัตราแลกเปลี่ยน ใช้ซื้อของระหว่างกัน(สกุลบาท)ได้เหมือนเดิม

จะเห็นได้ว่านโยบายจากท่านผู้นำเหล่านี้ ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลกัมพูชา แถมในอนาคตจะมีปัญหาทางเศรษฐกิจตามมา ไม่ต่างไปจากหอกที่กลับมาทิ่มแทงผู้ออกนโยบาย

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น