Influencer เขมรที่มีผู้ติดตาม 1.6 ล้าน The Kanitha Show จากที่เคยด่าไทยมาตลอดกลับลำแนะกัมพูชายอมรับความจริง จนทัวร์ลง แถมสื่อกัมพูชา Cambodianess แนะคนกัมพูชาเรียนหนังสือให้มาก Admin เพจไทยตั้งข้อสังเกตคนเขมรเริ่มมีคำถามกับ 2 ผู้นำกัมพูชาจนต้องออกมาสยบข้อข้องใจผ่านสื่อออนไลน์
ในช่วงสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งที่ใช้ Social Media เพื่อสื่อสารกับบรรดาผู้ติดตามของเขา หรือที่เรียกันว่า Influencer ต่างใช้เครื่องมือเหล่านี้สื่อสาร เพื่อเป้าหมายที่ตนเองต้องการ ทั้งด้านบวกหรือด้านลบให้กับตัวเองหรือฝ่ายตรงข้าม
บางคนใช้สื่อเหล่านี้สร้างตัวตนขึ้นมาจนเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก บ้างต่อยอดทำธุรกิจ บ้างต่อยอดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง รวมไปถึงการนำเอาความขัดแย้งของ 2 ประเทศมาเป็นจุดขายของแต่ละคน
2 ฝั่งด่าไทยทั้งคู่
ในกัมพูชา Influencer แบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเชียร์รัฐบาลกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ฝ่ายเชียร์รัฐบาลเป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนักการเมืองฝั่งรัฐบาล เห็นด้วยกับนโยบายต่าง ๆ ของ 2 ผู้นำกัมพูชาทั้งฮุน เซน และฮุน มาเนต
อย่างช่วงแรกของความขัดแย้งมี Influencer ผู้หญิงเขรมที่แต่งตัวเป็นทหาร คนไทยเรียกกันว่า วัน มรณา ออกโรงหนุนทหารจนกลายเป็นไวรัลดัง สุดท้ายถูกจับด้วยธุรกิจครีมของเธอที่ว่าจ้างโรงงานในประเทศไทยผลิต ตามมาด้วย Rak Sa /Maraka boy21/โรน่าและเพื่อน
ส่วนฝั่งตรงข้ามมักเป็นกลุ่มฝ่ายค้านเดิมของกัมพูชาที่ต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ เช่น นายสม รังสี และนายคิม ซอก และยังมีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาลอย่าง Phan Phanna และ Leakhina Vann Japan
นักสังเกตการณ์รายหนึ่งกล่าวว่า Influencer ทั้งที่เชียร์และด่ารัฐบาลฮุนเซน มีสิ่งเหมือนกันอย่างหนึ่งคือด่าฝั่งไทย เชื่อข้อมูลจากฝั่งกัมพูชาเป็นหลัก ไม่ได้มีการตรวจสอบความจริงหรือเห็นแย้งในด้านข้อมูล มักกล่าวว่าไทยหรือเสียมเป็นผู้รุกราน เป็นผู้เริ่มต้นก่อน ดินแดนที่ชาวกัมพูชามาอาศัยช่วงสงครามที่ฝั่งไทยก็ถูกตีความว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา เพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลฮุนเซนจะพยายามชี้เรื่องความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้นำกับคนกัมพูชาที่มีความแตกต่างกันมากในเรื่องฐานะและการใช้ชีวิต หรือพยายามถึงนานาขาติเข้ามากดดันรัฐบาลกัมพูชา
เคยเชียร์รัฐบาล
แต่ตอนนี้มี Influencer อีกกลุ่มหนึ่งยอดผู้ติดตาม 1.6 ล้าน อย่างเพจ The Kanitha Show เดิมเคยเชียร์รัฐบาลฮุนเซน ฮุนมาเนตและด่าประเทศไทย พร้อมทั้งนำเสนอโพลว่าคนเขมร 90% นิยมในสหรัฐมากกว่าจีน จนเพจของเธอเป็นที่ชื่นชอบของคนในกัมพูชา
แต่วันนี้เพจของเธอเปลี่ยนไปหลายบทความที่ลงในเพจ แนะนำให้ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น จนคนกัมพูชาออกมาถล่มเพจของเธอ และเธอก็ตอบโต้คนเหล่านั้นด้วยการบล็อกผู้คนเหล่านั้น
แนะนำยอมไทย
จากเดิมที่หลายข้อความของเธอเป็นไปในแนวทางเดียวกับผู้นำกัมพูชา เชียร์ให้ยึดสหรัฐอเมริกาเป็นพันธมิตร แต่ช่วง 21 กันยายน 2568 The Kanitha story ลงข้อความว่า หลายๆ ท่านอาจสงสัยว่า กัมพูชาควรวางแผนอะไรดีที่สุดในการก้าวไปข้างหน้า?
1. ยุติความขัดแย้งกับไทย เราไม่สามารถต่อสู้กับเสือที่แข็งแกร่งกว่าเราได้ ประเทศไทยกล่าวว่าจะสร้างรั้วลวดหนามยาว 27 กิโลเมตรตามแนวชายแดน เราคิดว่าพวกเขาควรทำด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง ด้วยวิธีนี้จะไม่มีการขัดแย้งชายแดนอีกต่อไปในอนาคต ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจหลายพันล้านดอลลาร์
2. ทำเครื่องหมายเขตแดนทั้งหมด เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในอนาคต ผ่านมา 40 ปีแล้ว ถึงเวลาที่กัมพูชาจะต้องทำให้สำเร็จ แม้ว่าเราจะสูญเสียเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร ดีกว่าที่จะสูญเสียมากกว่านี้ในอนาคต
3. อนุญาตให้มีการค้าขายกับไทยต่อไป อย่างที่ได้กล่าวไว้ในเดือนมิถุนายน ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านใด หากเราหยุดการค้าขายกัน จะนำไปสู่สงครามเพราะเราจะสูญเสียผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ในฐานะประชาชน เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ซื้อสินค้าทั้งหมดหากเราไม่ต้องการ แต่ถ้าใครต้องการ โปรดอย่าทำร้ายพวกเขา
4. ช่วยเหลือผู้คนที่สูญเสียที่ดินและบ้านเรือน รัฐบาลกัมพูชายังมีที่ดินว่างเปล่าเหลืออยู่มากมาย ซึ่งสามารถแบ่งสรรให้แต่ละบุคคลได้
5. กัมพูชาต้องก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ถอยหลัง แม้ว่าเราจะลืมประวัติศาสตร์ไม่ได้ แต่เราไม่สามารถอยู่ด้วยความเกลียดชัง หากจิตใจของเรายังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธ เราจะไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ เราจะร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชา
6. เป้าหมายระยะยาวของเรา คือ การมีนโยบายด้านความมั่นคงที่สามารถถ่วงดุลกับประเทศเพื่อนบ้าน หากเป็นไปได้ เราจำเป็นต้องสร้างพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาเพื่อปกป้องตนเองในอนาคต เราจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ปี 2025 เกิดขึ้นกับเราอีก
ทัวร์เขมรลงทันที
หลังจากนั้นทัวร์ชาวกัมพูชามาถล่มที่เพจของเธอทันที ทางเพจจึงได้โพสต์อธิบายในวันเดียวกันว่า “เราไม่ได้ให้ที่ดินแก่พวกเขา แต่เราไม่มีกำลังที่จะหยุดยั้งพวกเขาได้ ผู้ที่คัดค้านการสร้างรั้ว โปรดระดมพลอาสาสมัครเพื่อต่อสู้”
ดูเหมือนความเดือดดาลของคนกัมพูชายังไม่จบ ทางเพจ The Kanitha show จึงโพสต์ในวันรุ่งขึ้นว่า พวกคุณบางคนรู้หรือไม่รู้? กองทัพไทยแข็งแกร่งกว่ากัมพูชา เศรษฐกิจใหญ่กว่า 10 เท่า ประชากรมากกว่า 4 เท่า พวกคุณอยากให้เกิดสงครามอีกไหม?
สำหรับฉัน ฉันไม่ต้องการ และถ้าประเทศไทยต้องการสร้างรั้วลวดหนามในพื้นที่ ก็สร้างเถอะ เพราะเราขับไล่พวกเขาออกไปไม่ได้ เราแค่ไม่ยอมรับดินแดนนั้นเป็นของไทย ไม่เป็นไร ฉันขอให้เราพบสันติภาพ เพื่อที่เราจะได้พัฒนาตนเอง สร้างกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้น และพยายามผูกมิตรกับสหรัฐอเมริกา หากประเทศใดยังมีความขัดแย้งอยู่ พวกเขาจะไม่มา
Admin เพจฝั่งไทยรายหนึ่งกล่าวว่า เราก็งง ก่อนหน้าเธอยังด่าประเทศไทยอยู่เลย ไม่รู้นึกอย่างไรถึงเขียนข้อความเหล่านี้ออกมา หรืออาจได้รับข้อมูลที่กว้างขึ้น เพราะเธออยู่ที่สหรัฐฯ แต่แน่นอนว่าทัวร์ลง เธอก็ออกมาตอบโต้คนที่เข้ามาป่วนในเพจของเธอและไล่บล็อกบุคคลเหล่านั้น
แต่ก็ยังมีแฟนเพจของเธอที่โพสต์ให้กำลังใจ เช่น ถ้าคุณอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศกัมพูชา 1.คุณต้องโกหกเท่านั้น 2.คุณต้องเชื่อมั่นในรัฐบาลเท่านั้น 3.คุณต้องไม่ทะเลาะกับผู้นำ 4.คุณต้องไม่เผยแพร่ความจริง 5.คุณต้องโง่ ไม่ใช่ฉลาด
ปกป้องอธิปไตยด้วยการศึกษา
ที่จริงในเวลาที่ใกล้เคียงกัน Cambodianess สื่อกัมพูชา เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงชาวกัมพูชา เมื่อ 21 กันยายน 2568 เรียกร้องไม่มีข้อแก้ตัวอีกแล้วจากวิกฤตชายแดนชี้ว่า กัมพูชาหมดทางไป หนทางรอดเดียวคือการศึกษาและการคิดอย่างลึกซึ้ง
ความคิดเห็นทั่วโลก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนโพสต์บนเฟซบุ๊กที่มากมายมหาศาล แต่ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ข้อโต้แย้งที่มีเหตุผล และความเคารพต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งแตกต่างจากกัมพูชา
เฟซบุ๊กไม่ใช่แหล่งข้อมูลหลักของโลก สิ่งที่โลกได้รับรู้จากเราขึ้นอยู่กับความชัดเจน วินัย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับว่าเราเปล่งเสียงของเราดังแค่ไหนทางออนไลน์
เรายังคงอ่อนแอ เพราะคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 35 ปีของเราจำนวนมากขาดการศึกษา
ชาวกัมพูชาจำนวนมากมองว่าการอ่านเป็นเรื่องน่าเบื่อ การศึกษาเป็นเรื่องน่าเบื่อ และความอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องเสียเวลา เราชอบนินทามากกว่าการวิจัย ความบันเทิงมากกว่าการวิเคราะห์ และสโลแกน/วาทศิลป์มากกว่าสาระ นี่คือเหตุผลที่การถกเถียงของเราตื้นเขิน
คนกัมพูชาส่งสัญญาณ
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า ก่อนหน้านี้ฮุน มาเนต ก็ออกมาโพสต์เมื่อ 9 กันยายน 2568 ชี้แจงว่าทำไมถึงเงียบ ถอนทหาร-แลกเปลี่ยนดินแดนหรือไม่ ดูแลทหารแนวหน้าหรือไม่ “ผมหวังว่าการชี้แจงสั้น ๆ เกี่ยวกับประเด็นข้างต้นจะช่วยคลี่คลายข้อสงสัยบางประการที่ผมพบเห็นในโซเชียลมีเดียในอดีตได้”
ตามมาด้วย 19 กันยายน 2568 ฮุนเซนเผยแพร่บทสัมภาษณ์ใน U-Share2day ถึงเรื่องการปะทะกับไทยในช่วง 5 วัน ด้วยเหตุผลที่ฮุนเซนกล่าวอ้างต่าง ๆ นา ๆ และคุยว่ากองกำลังของกัมพูชาเหนือกว่าไทย
เริ่มเห็นว่าสัญญาณของประชาชนชาวกัมพูชาที่มีต่อตัวผู้นำของเขา น่าจะมีความถามตามมามากมาย ไม่เช่นนั้น 2 ผู้นำกัมพูชา คงไม่ต้องออกมาชี้แจงผ่านโลกออนไลน์
เช่นเดียวกับ Influencer ที่เคยยืนข้าง 2 ผู้นำกัมพูชาเริ่มมีแนวคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเพจ The kanitha show และยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เปิดเผยตัว
นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักสำหรับผู้นำของกัมพูชา มีคนบางส่วนเริ่มมีคำถามในใจมากขึ้น เริ่มมีความเห็นที่ไม่ได้คล้อยตามไปทุกเรื่อง เริ่มพูดถึงเรื่องการศึกษา ซึ่งถ้าคนฉลาดขึ้นผู้นำจะปกครองคนฉลาดเหล่านั้นอย่างไร
ส่วนคนที่เคยโพสต์เรื่องน้ำหนักกระเป๋าที่สนามบินเตโช syvanny sok ได้ออกมาชี้แจงว่า ดิฉันขอชี้แจงเกี่ยวกับความสับสนเกี่ยวกับวิดีโอเกี่ยวกับสนามบินแห่งใหม่ ซึ่งเป็นผลงานใหม่ที่ยอดเยี่ยมของประเทศเรา ดิฉันยังพบว่ามีกลุ่มผู้ฉวยโอกาสนำวิดีโอของดิฉันไปตีความว่าเป็นการโจมตีรัฐบาล เพื่อชี้แจงจุดยืนของดิฉันและครอบครัวเกี่ยวกับรัฐบาล ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันเคารพ รัก และไว้วางใจรัฐบาลมาโดยตลอด ดิฉันไม่รับผิดชอบต่อการนำวิดีโอของดิฉันไปใช้ในการโจมตีเพื่อทำลายชื่อเสียงของประเทศหรือโจมตีรัฐบาล
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j