2 เซียน!พระเครื่องและวัตถุมงคลยอมรับวงการพระเครื่องป่วนจากพิษเศรษฐกิจ แถมเจอพระผู้ใหญ่ฉาวทั้งเรื่องสีกาและทุจริตเงินวัดกระทบคนไม่สนใจ พระเครื่องรุ่นใหม่ที่พระโมฆบุรุษร่วมปลุกเสก หนักสุด ๆ เกิดวิกฤตจากเซียนพระคนดังจ่าย‘เช็คเด้ง’ รูปแบบเดียวกับคดีแชร์แม่ชม้อยซื้อ-ขายปั่นราคาพระเครื่องพุ่งปรี๊ด จนเกิดหนี้เน่าเป็นพัน ๆ ล้านบาทเซียนพระต้องฟ้องร้องทางแพ่งกันเอง‘ต้อม สำนักจันทร์’ แจงวงการพระเครื่องต้องหั่นราคา 40-50% เพื่อความอยู่รอด ขณะที่แผงพระเจ๊งระนาวต้องปิดตัว และทุนจีนยิ้มเข้าเซ้งร้าน-แผงพระได้ในราคาถูก ด้าน “บอลสกล คนสว่าง” ชี้ยุคเศรษฐกิจซบเซา แต่คนไทยแสวงหาเหรียญหลวงปู่ศิลาจากกระแสชาตินิยม 2 รุ่น ทั้ง‘พิทักษ์ไทย-พหูรมาน’ที่หลวงปู่สร้างให้กับกองทัพภาคที่ 2 ส่วนรุ่นค้าขายรุ่งเรือง‘เหนือดวง-จินดามณี’ยังครองใจตลาดเช่นเดิม!
บรรดาเซียนพระเคยบอกไว้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา ค่าครองชีพจะพุ่งขึ้นอย่างไร แต่วงการวัตถุมงคล พระเครื่องมักจะไม่ได้รับผลกระทบจะยังคงแข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันหาได้เป็นเช่นนั้น เพราะวงการพระเครื่องกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ถึงวันนี้เรียกว่าสาหัสที่สุดปั่นป่วนไปทั้งวงการ แต่ในความโชคร้ายนั้นก็ยังมีพระเครื่องที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นที่ต้องการสูงจากกระแสความรักชาติที่เกิดตามมาจากเหตุการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชานั่นเอง
‘ต้อม สำนักจันทร์’ หรือมานพ จันทร์ศรี หนึ่งในเซียนพระที่คลุกคลีอยู่ในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคลต่าง ๆ มากว่า 20 ปี มีร้านพระเครื่องที่ใหญ่ ตั้งอยู่อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน บอกว่าวงการพระเครื่อง วัตถุมงคลเครื่องรางต่างๆ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งจากพิษเศรษฐกิจที่เรียกว่าสาหัสแล้ว ยังต้องมาเผชิญกับวิกฤตศรัทธาที่มีต่อวงการพระสงฆ์โดยเฉพาะเรื่องฉาว ๆ มั่วสีกา และการทุจริตเงินวัดของพระผู้ใหญ่ที่มีข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนที่สนใจและเล่นพระใหม่ ก็เริ่มฉุกคิดและหาข้อมูลว่าพระที่ตกเป็นข่าวและถูกปาราชิกที่ในวงการสงฆ์เรียกว่า โมฆบุรุษ นั้นเข้าไปร่วมพิธีกรรมในการปลุกเสกพระเครื่องรุ่นไหน อะไรอย่างไรบ้าง
“ก็ย้อนไปดูกันตั้งแต่ในช่วงปี 2550 พระที่เป็นโมฆบุรุษ ประพฤติตนผิดพระวินัย ไปร่วมปลุกเสกพระเครื่องรุ่นไหนกันบ้าง มันส่งผลกระทบทางด้านจิตใจคนที่เล่นพระใหม่ เพราะเขาจะรู้สึกว่ามันไม่ขลัง แต่บอกทั้งหมดไม่ได้ว่าพระผู้ใหญ่ที่ปาราชิกไปนั้นปลุกเสกรุ่นใดบ้างเดี๋ยวจะมาฟ้องร้องกัน”
ส่วนที่วงการตลาดพระเครื่องได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดเกิดจากเรื่อง ‘การตีเช็ค’ ที่เกิดจากพิษเศรษฐกิจและการปั่นราคาพระเครื่องจนราคาเกินจริง คล้าย ๆ แชร์แม่ชม้อยจนเกิดเป็นหนี้เสียในวงการพระเครื่องเป็นพันกว่าล้านบาท ซึ่งเป็น เซียนใหญ่ จากนครสวรรค์ โดยเขาใช้เครดิตตัวเองมาซื้อพระ จากกลุ่มวงการพระเครื่องด้วยกัน และจ่ายเป็นเช็คให้แล้วนำพระไปขายต่อได้ในราคาที่สูงมากแต่เช็คที่ตีออกไปนั้นมันเกิดเด้ง ไม่มีการจ่ายตามงวด ก็พัวพัน ปั่นราคากันแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเงินที่ขายพระมาได้นั้น นำไปทำอะไร เป็นแบบนี้น่าจะประมาณ 5 ปี แต่เรื่องเพิ่งมาแดงเมื่อปลายปี 2567 ทำให้วงการพระเครื่องปั่นป่วนมากที่สุด
“ทั้งพิษเศรษฐกิจ การปั่นราคาพระจนเกินจริง การตีเช็คเด้งของเซียน มาเจอเรื่องพระโมฆบุรุษ เข้าไปอีก เรียกว่าเลวร้ายเละเทะที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในวงการพระเครื่อง”
ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นของวงการพระเครื่องในเวลานี้ก็ต้องย้อนมาดูว่าสายพระเครื่องที่จะอยู่รอดได้ก็คือสายพระเครื่องที่ยอมปรับราคาลงมา 40-50% ของราคาพระเครื่องที่มีการตีเช็คขายออกไปในเวลานั้น แต่ถ้าสายไหนเลือกที่จะแช่แข็งราคาไว้ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงก็น่าจะลำบาก หรือจะรอให้รัฐบาลมาช่วยมันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะนี่เป็นเรื่องของแต่ละสายพระเครื่อง และร้านค้าในสายจะต้องปรับราคาลงมาจึงจะรอดได้
“เวลานี้ซื้อ-ขายพระเครื่อง ต้องปรับลดลงมาทุกสายแน่นอน เพราะพระเครื่องมีเป็นพัน ๆ วัดพัน ๆ สาย ให้อยู่ในสภาวะราคาตลาดจริง ๆ ลดมา 40-50% แต่บางสายเขาจะลดแค่ 20% อยู่กันแบบถู ๆ ไถ ๆ ให้มันรอดไปก่อน อย่างสายหลวงพ่อกวยเราก็ปรับราคาลงมาให้ซื้อง่ายขายคล่อง ส่วนทุกคนที่เข้าไปอยู่ในวังวนกับเซียนใหญ่ นครสวรรค์ ก็ต้องค่อย ๆ จัดการกันไป เรียกว่าก็ต้องอยู่กันกับประเภท ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย และก็ไปฟ้องแพ่งกันให้ได้ ถือเป็นเรื่องการตัดสินใจแต่ละราย”
‘ต้อม สำนักจันทร์’ บอกอีกว่าให้ไปดูชั้น 3 ที่เคยเป็นร้านหรือแผงเช่าพระ ที่อาคารพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน ก็มีคนจีนมาเซ้งร้านจากคนไทยที่ต้องปิดตัวเพราะไปไม่รอดจำนวนมาก และราคาเซ้งก็ถูกลงมาก อีกทั้งราคาทองสูงขึ้นทำให้คนแกะกรอบพระ ที่เป็นทองมาขายกัน โดยจะมีคนมาเปิดร้าน หรือเดินรับซื้อกรอบทองกันอยู่บริเวณนั้น
“จะมีคนที่เดินรับซื้อกรอบทอง ยิงเป็นเปอร์เซ็นต์เลย มีการคิดคำนวณวันต่อวัน มีสูตรคำนวณ เพราะตอนนี้เครื่องมือเครื่องไม้เราทันสมัย ไม่คลุมเครือเหมือนเมื่อก่อน”
ดังนั้นใครที่มีพระเครื่องและต้องการมาปล่อยพระเครื่อง ก็ต้องแยกกันเป็น 2 ส่วน คือราคาพระเครื่องกับราคากรอบทอง ซึ่งทุกร้านจะมีคอนเนกชันกับร้านทอง โทร.ไปก็จะวิ่งมาตีราคาขายกรอบทองได้ทันที และก็มีที่เปิดเป็นร้านรับซื้อกรอบทองบนชั้น 3 ก็มีหลายร้าน สะดวกได้ราคาตรงกับความเป็นจริง และเป็นธรรม เพราะมีเครื่องมือยิงเปอร์เซ็นต์ เห็นกันต่อหน้าคนซื้อและคนขายกันทุกวัน
ด้าน “วัชรพงษ์ ทองเลิศ” หรือ “บอลสกล คนสว่าง” จากวิศวกร ลูกพระจอมจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่สนใจและเรียนรู้พระเครื่องที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ศิลา สิริจันโท เจ้าอาวาสวัดหมื่นหิน จนสามารถบอกได้ว่าองค์ไหนของจริงหรือของปลอม 100% แถมเป็นคนแรกที่นำพระเครื่องหลวงปู่ศิลามาเปิดให้เช่าที่ศูนย์พระเครื่องพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ตั้งเป้าจะเผยแผ่บารมีหลวงปู่ให้คนได้รู้จักกว้างขึ้น บอกว่า ปัญหาวิกฤตศรัทธาจากเหตุการณ์ฉาว ๆ ที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์ ไม่ได้ทำให้วัตถุมงคล และพระเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ที่มีพิธีกรรมจากพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ตรงกันข้ามยิ่งเป็นแรงสนับสนุนให้คนมีความเหนียวแน่นมากกว่าเดิม อย่างกรณีพระเครื่องหลวงปู่ศิลา ที่เราเห็นบางรุ่นที่ปลุกเสกออกมาใช้ชื่อรุ่นแปลก ๆ ทั้งที่สังคมต้องการรุ่นที่เกี่ยวกับโชค ลาภ ร่ำรวย ใครจะสนใจ แต่ตรงกันข้ามเวลานี้คนกลับแสวงหามากขึ้น
“หลวงปู่ ท่านมีบารมี ท่านมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับชายแดน เมื่อ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม อดีตแม่ทัพภาค 2 ช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา มาขออนุญาตสร้างเหรียญรุ่นหนึ่งขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทหาร หลวงปู่ตั้งชื่อรุ่นนั้นว่า ‘พิทักษ์ไทย’ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้มีปัญหาชายแดนไทย-เขมร แต่ชื่อที่หลวงปู่ตั้งมีความหมายมาก ชี้ให้เห็นความเป็นชาตินิยมในวันนี้”
บอลสกล คนสว่าง บอกว่า ประมาณช่วงต้นปี 2567 ก็รู้สึกงงๆ ถามกันว่าทำไมหลวงปู่ศิลา ตั้งชื่อแบบนี้ คนที่ให้เช่าพระเครื่องหลวงปู่ จะนำไปปล่อยได้อย่างไร เพราะคนที่ต้องการเหรียญหลวงปู่จะเกี่ยวข้องกับความร่ำรวย ค้าขาย แต่หลวงปู่มาตั้งชื่อ ‘พิทักษ์ไทย’ ซึ่งวันนี้กำลังเป็นที่นิยมและคนต้องการ เพราะเกิดกระแสความรักชาติ จากเหตุการณ์ชายแดนไทย-เขมร
หากจะเทียบรุ่นที่เกี่ยวกับความรักชาติแล้ว ระหว่างรุ่นพิทักษ์ไทย กับรุ่นพหูรมาน วันนี้กลับพบว่า รุ่นพหูรมาน ซึ่งเป็นรุ่นที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนที่ถูกทหารเขมรยิงระเบิดใส่ แต่สุดท้ายรอดเพราะยิงไปถูกกล่องที่บรรจุเหรียญหลวงปู่ศิลารุ่นพหูรมาน แสดงให้เห็นถึงความขลัง จึงทำให้คนเริ่มตามหารุ่นนี้กันมาก
สำหรับเหรียญรุ่นพหูรมาน ‘สุธัญญา บุญสูง’ หรือคุณญี่ปุ่น ประธานบริษัทตรีเพชรอีซูซุ จัดสร้างขึ้น โดยหลวงปู่ศิลา ได้จัดให้มีพิธีพุทธาภิเษกและอธิษฐานจิตปลุกเสกเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และหลวงปู่ ได้มอบให้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับกำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และส่วนหนึ่งได้นำไปให้ประชาชนบูชาและนำรายได้ ไปสนับสนุนกำลังพลผู้ปฏิบัติงาน และบางส่วนเข้าวัดพระธาตุหมื่นหิน
ทั้งนี้เหรียญพหูรมาน สร้างทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อทองแดง และเนื้อชนวน โดยเนื้อทองคำประมูลล่าสุดนำเงินให้กองทัพ เหรียญละ 1,700,000 บาท ส่วนราคาเนื้ออื่น ๆ ที่มีการจำหน่ายพบว่าเนื้อเงิน ประมาณเหรียญละ 2-3 หมื่นบาท เนื้อทองแดงประมาณ 3-5 พันบาท ส่วนเนื้อชนวนประมาณ 4-5 พันบาท ปัจจุบันเนื้อทองแดงเป็นที่สนใจของตลาดพระเครื่องมาก ซึ่งเหรียญนี้ดังจากที่ทหารชายแดนแคล้วคลาดปลอดภัยและออกมาช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม เป็นช่วงที่มีการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 พอดี
อย่างไรก็ดีเหรียญพหูรมาน จะเป็นที่ต้องการมากกว่าเหรียญพิทักษ์ไทย เนื่องจากมีกระแสทหารที่ถูกยิงแคล้วคลาดเป็นที่ประจักษ์ แต่ความจริงแล้วเหรียญพิทักษ์ไทย เด่นในเรื่องของอภิญญา ของหลวงปู่ศิลา ที่ท่านรู้วาระล่วงหน้าและนำมาตั้งชื่อรุ่นนี้ ท่ามกลางความแปลกใจของบรรดาลูกศิษย์ ว่าทำไมท่านตั้งชื่อแบบนี้ เพราะพวกเรายังไม่รู้ปัญหาชายแดน จนกระทั่งมีการปะทะกันเกิดขึ้น ถึงรู้ว่าทำไมหลวงปู่ถึงตั้งชื่อนี้ให้กับ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ซึ่งเป็นผู้จัดสร้าง และทำพิธีพุทธาภิเษกที่กองทัพภาคที่ 2 และเปิดจองที่ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เช่นกัน
“เหรียญพหูรมานและเหรียญพิทักษ์ไทย เป็นที่สนใจเพราะกระแสจากสงคราม ความรักชาติ และประสบการณ์ของทหารแคล้วคลาด เวลานี้เหรียญหลวงปู่หลายรุ่นที่บรรดาทหารจะห้อยคอกัน เพราะเขาศรัทธาในหลวงปู่ ซึ่งก็จะคล้ายกับที่คนนิยมห้อยหลวงปู่ทวด ที่เน้นความแคล้วคลาด ปลอดภัย”
นอกจากเหรียญพหูรมานและเหรียญพิทักษ์ไทย ที่เน้นเรื่องความปลอดภัย แคล้วคลาดที่เป็นที่นิยมแล้ว เหรียญหลวงปู่ศิลา รุ่นเหนือดวง และ รุ่นจินดามณี ที่เน้นเรื่อง เมตตา ค้าขาย การงาน การเงิน ได้รับความนิยมมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันตลอดเป็นอันดับต้นๆ
‘บอลสกล’ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ตลาดพระเครื่องของทุก ๆ เกจิอาจารย์ ก็เงียบมากเป็นผลมาจากเงินสีเทา ที่เคยถูกนำมาปั่นในวงพระเครื่องมีจำนวนมาก แต่หลังจากทางตำรวจมีการปราบปรามเอาจริงเอาจังกับเงินสีเทา ทำให้เงินก้อนนี้หายไปจากตลาดพระเครื่อง อีกประการหนึ่งก็เกิดจาก ‘เช็คเด้ง’ ของรายใหญ่ในวงการได้สร้างความเสียหายเป็นพัน ๆ ล้านบาท ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็แก้ไขปัญหากันไป ฟ้องทางแพ่ง และให้โอกาสรายใหญ่ที่ทำให้เกิดปัญหาแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้หนีและถ้าทุกอย่างดีขึ้นเขาก็น่าจะแก้วิกฤตหนี้หรือเช็คเด้งที่เกิดขึ้นได้ เพราะเขาเองก็เป็นคนที่มีความสามารถ นี่คือการให้โอกาสของคนในวงการพระเครื่อง
สุดท้ายก็เป็นเรื่องของพิษเศรษฐกิจที่ทุก ๆ อาชีพต่างก็ต้องเผชิญ และหากใครต้องการแกะกรอบพระที่เป็นทองมาขาย ที่อาคารพันธุ์ทิพย์ ก็มีเซียนพระหลายคน ผันตัวมาซื้อ-ขายกรอบทองพระ ก็เปิดให้บริการกันแล้ว
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j