หยุดยิงยังไม่ถึง 2 เดือน เขมรออกอาการ ลักลอบนำเข้าสินค้าไทย-แรงงานกัมพูชาเสี่ยงกลับไทยหางานทำ ตบหน้านโยบายผู้นำกัมพูชา พูดได้-แต่ทำไม่ได้ ขณะที่เปลี่ยนปั๊ม PTT เป็น Peace ของเตีย เสียม ดึงเรื่องช้ารอนโยบาย 2 ผู้นำ หวั่นคืนดีกันแล้วไม่คุ้ม ส่วนบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว สระแก้วได้รัฐบาลเต็มดูแล
ช่วงรอยต่อทางการเมืองของไทยที่เปลี่ยนขั้วจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นพรรคภูมิใจไทยและได้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้ามา
เป็นนายกรัฐมนตรีแต่สถาการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา แม้จะได้ข้อสรุปเรื่องการหยุดยิงแต่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 พบชาวกัมพูชายังคงเข้ามายั่วยุทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่แถบจังหวัดสระแก้วและตราด
หลังข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ28 กรกฎาคม 2568 สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาดูเหมือนจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
ฝ่ายกัมพูชาลดความขัดแย้งลงโดยยุติทีมงานแถลงข่าวเป็นการชั่วคราวเฉพาะโฆษกกระทรวงกลาโหมอย่าพลโทหญิงมาลี
โสเจียตา ที่มักแถลงข่าวบิดเบือนไปจากความเป็นจริงแต่ได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งเมื่อ 15 กันยายน 2568 ตอบโต้เรื่องโดรนว่าไม่เคยส่งโดรนไปชายแดนไทย
ข้อสงสัยฮุน มาเนต
โดยก่อนหน้านี้การนิ่งเงียบของ2 ผู้นำกัมพูชา ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำจนนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาต้องออกมาโพสต์ผ่านFacebook เมื่อ 9 กันยายน 2568 ถึงข้อสงสัยต่าง ๆ และกล่าวทิ้งท้ายว่า“ผมหวังว่าการชี้แจงสั้นๆ
เกี่ยวกับประเด็นข้างต้นจะช่วยคลี่คลายข้อสงสัยบางประการที่ผมพบเห็นในโซเชียลมีเดียในอดีตได้”
นี่คือสัญญาณที่เริ่มเห็นได้ว่าคนกัมพูชาเองเริ่มสงสัยในตัวผู้นำของเขา ด้วยการตั้งคำถาม ทั้งเรื่องการนิ่งเฉย การถอนกำลังทหารการแลกเปลี่ยนดินแดน รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
แบนของไทย-ลักลอบนำเข้า
หลังข้อตกลงหยุดยิง เราได้เห็นสิ่งที่ย้อนแย้งกับนโยบายของผู้นำกัมพูชาที่เคยประกาศเอาไว้ หลายเรื่อง ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่เริ่มมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวผู้นำกัมพูชาจากชาวกัมพูชาเอง
เริ่มกันที่การประกาศแบนสินค้าไทยจากทั้งชาวโซเชียลกัมพูชา ตลอดจนถึงผู้นำอย่างสมเด็จฮุนเซน จากปัญหาเรื่องการปิดด่าน ขณะที่ภายในกัมพูชาเองเริ่มขาดแคลนสินค้าจากไทย จนเกิดเหตุที่มีการจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าจากไทยบริเวณชายแดนหลายครั้ง
“ที่เราเห็นการตรวจจับนั้นเฉพาะกรณีที่จับได้เท่านั้น ที่จับไม่ได้แล้วรอดเข้าไปในเขมรอีกเท่าไหร่ แน่นอนว่าราคาสินค้าย่อมสูงขึ้นกว่าเดิมจากความยากลำบากในการขนส่ง แต่สินค้าเหล่านี้ก็ยังเป็นที่ต้องการของชาวกัมพูชา ส่วนทางกับเรื่องการแบนสินค้าไทยบนโลก Social”
ขณะที่เส้นทางการส่งสินค้าจากไทยไปกัมพูชา มีการเปลี่ยนเส้นทางผ่านทางประเทศลาวก่อนแล้วจึงกลับเข้าสู่กัมพูชา
ส่วนสินค้าไทยในกัมพูชาที่มีอยู่ บางส่วนใช้วิธีการเปลี่ยนสลากสินค้าใหม่ว่าเป็นของกัมพูชาหรือประเทศอื่น บ้างก็ปิดทับด้วยสลากว่า Made in Cambodia แต่สลากอื่นยังเป็นภาษาไทยอยู่ก็มี
หรือการสร้าง Content ทุบทำลายสินค้าไทย หรือเททิ้งสินค้าไทย เพื่อสร้างยอด Like ยอด View ก็ต้องดูว่าสุดท้ายทำได้จริงตลอดหรือไม่ หรือถ่ายทำคลิปจบแล้วกลับมาเก็บไปใช้เหมือนเดิม ซึ่งคลิปจากฝั่งไทยก็จับผิดชาวกัมพูชาอยู่หลายครั้ง
คนกัมพูชาเองควรย้อนกลับไปทบทวนดูว่า ทั้งหมดเกิดขึ้นจากอะไร ทำไมพวกคุณจะต้องมาเดือดร้อนเหมือนที่เป็นเช่นทุกวันนี้ ผู้นำกัมพูชาต้องจริงใจที่จะแก้ปัญหามากกว่านี้ ไม่ใช่ใช้คนในประเทศเป็นเครื่องมือในการต่อรองและสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง
ยื้อเวลาเปลี่ยนปั๊ม
ในเรื่องการแบนสินค้าไทยนั้น รวมไปถึงเรื่องพลังงาน จากเดิมที่กัมพูชามีสถานีให้บริการน้ำมันส่วนใหญ่เป็น PTT(ปตท.) จากไทย ตอนนี้มีหัวหอกในการเปลี่ยนแปลงอย่างนายเตีย เสียม ลูกชายของพลเอกเตีย บัน ขุนพลคู่บารมีของสมเด็จฮุนเซน
ปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ในเขมรมีราว 200 แห่ง ส่วนใหญ่เป็น PTT เป็นของนายเตีย เสียม 2 แห่ง ที่เตรียมจะเปลี่ยนเป็น PEACE Petroleum Cambodia (PPC) และมีปั๊มอื่น ๆ ที่จะเข้าร่วมเป็น PPC รวม 35 แห่ง พร้อมทั้งแจ้งว่า กำลังเตรียมนำเข้าน้ำมันใหม่จากบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ปั๊มที่เหลือยังนิ่งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แถมพบว่ามีผู้โพสต์ Facebook โพสต์ภาพบางปั๊ม PTT มีรถจักรยานยนต์เข้าคิวเติมน้ำมันกันหนาแน่น พร้อมตั้งคำถามว่า 18 วีรบุรุษทหารยังไม่ถูกปล่อยตัว
เท่าที่ทราบคือภาพดังกล่าวนั้น แต่ละปั๊มเขาทำการตลาดเพิ่มเข้าไป เช่น แจกแถมสิ่งต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันได้ผล ดึงให้ชาวกัมพูชาเข้าไปใช้บริการได้ แม้ปากจะบอกว่าแบนสินค้าจากไทย
Tube Coffee แทน Amazon
ปั๊ม PTT ส่วนใหญ่ในกัมพูชามักจะคู่กับร้านกาแฟ Amazon กรณีการเปลี่ยนเป็นปั๊ม PPC ทางนายเตีย เสียม ได้ปรับเปลี่ยนไปร่วมมือกับร่วมมือกับ TUBE COFFEE ซึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติกัมพูชา 100% เมื่อ 7 กันยายน 2568
สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้ เราพบว่า มีเพียงภาพกราฟฟิกของการเปลี่ยนภาพลักษณ์จากปั๊ม PTT เป็น PCC จาก Facebook ของ Tea Siam เท่านั้น
ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้โพสต์ข้อความไว้เมื่อ 28 สิงหาคม 2568 ว่า การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์และระบบใหม่ของสถานีบริการทั้งหมดต้องใช้เวลา การเตรียมการ และการบูรณะเพื่อสะท้อนถึงอัตลักษณ์ใหม่ของ PEACE เราทุกคนต้องการสร้างสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อลืมความเจ็บปวดในอดีตและก้าวเดินบนเส้นทางแห่งความภาคภูมิใจของชาวกัมพูชา
เชื่อว่านาทีนี้นายทุนก็ต้องประเมินท่าทีของผู้นำกัมพูชาก่อนว่าจะไปในทิศทางใด ไม่ใช่ลงมือเปลี่ยนปั๊มไปแล้ว ผู้นำของ 2 ประเทศตกลงกันได้แล้วกลับมาเป็นมิตรกันเหมือนเดิม ซึ่งมีความเป็นไปได้ แบบนี้กลุ่มทุนก็จะลำบากไปด้วย
เราจะเห็นได้ว่า PPC คืบหน้าช้ามาก ส่วนปั๊มอื่นก็รอดูทิศทางที่ชัดเจน แต่ปั๊มของเตียเสียม นั้นอาจต้องขยับก่อนคนอื่นเพราะเป็นลูกของเตีย บัน ดูเหมือนเขาก็พยายามดึงเรื่องเปลี่ยนปั๊มอยู่ไม่รีบ เพราะมีความเสี่ยงในเรื่องทุนในการดำเนินการได้
ดึงกลับแต่ไม่มีงาน
อีกกรณีหนึ่งคือภาพชาวกัมพูชาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศตามด่านพรมแดนจุดต่าง ๆ คนกัมพูชากลับไปราว 1 ล้านคน ตามคำเชิญชวนของผู้นำอย่างฮุนเซน แจกข้าวสาร 5 กิโลกรับ ไข่ไก่และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พร้อมแจ้งว่ารัฐบาลเตรียมหางานให้ทำและหาทางพักหนี้ให้ ล็อตต่อมาเป็นเรื่องการปล่อยข่าวว่าถ้าไม่กลับอาจมีการยึดที่ดินและทรัพย์สินต่าง ๆ
สุดท้ายเราได้เห็นภาพของทหารกองทัพภาคที่ 1 จับกุมชาวกัมพูชาที่ลักลอบกลับเข้ามาที่ประเทศไทยหลายชุด รวม ๆ แล้วน่าจะเป็นพันคนแล้ว ทุกคนให้คำตอบคล้ายกันคือกลับไปแล้วไม่มีงานทำ แม้หน่วยงานของกัมพูชาจะพยายามรั้งพวกเขาเอาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งพวกเขายอมที่จะจ่ายค่านายหน้าสูงถึงราว 5 พันบาทต่อคน
ปัญหาคือแรงงานที่กลับไปนั้นมากเกินกว่าตำแหน่งงานประเทศที่มี โครงการใหญ่ของจีนในกัมพูชาอย่างฟูนันเตโชก็หยุดพัก อีกประการหนึ่งคือเรื่องของเงื่อนไขในการรับเข้าทำงาน หลายแห่งจำกัดอายุไม่เกิน 35 ปี ทำให้หลายคนไม่ผ่านคุณสมบัติ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการอบรมเพื่อเพิ่มทักษะในการทำงาน ซึ่งมีเรื่องค่าใช้จ่ายตามมา รวมทั้งเรื่องหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ทำให้เรงงานเขมรที่กลับจากประเทศไทยไปหางานทำยาก
คนกัมพูชาก็รู้ว่าถูกผู้นำหลอก เมื่อไม่มีรายได้ก็ต้องดิ้นรนหาทางกลับเข้ามาทำงานในไทยอีกครั้ง งานนี้เท่ากับหลับตากันข้างหนึ่ง ผู้นำกัมพูชาก็ไม่กล้าที่จะยื้อแรงงานเหล่านี้ไว้ เพราะไม่สามารถหางานให้พวกเขาทำได้ ถ้าเก็บไว้ก็เท่ากับเก็บคนที่ไม่พอใจรัฐบาลไว้ในประเทศให้มากขึ้น การปล่อยพวกเขากลับไปก็เท่ากับลดแรงกดดันต่อรัฐบาล
ขณะที่กระแสการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่ ในกัมพูชาอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ยังเชื่อในสิ่งที่ผู้นำพูด อันเนื่องมาจากระบบ Single Gateway ของระบบการสื่อสาร ที่ยังสามารถปิดกันข้อมูลข่าวสารจากโลกภายนอกได้แม้จะมีนักเคลื่อนไหวอย่าง Phan Phanna พยามปลุกเร้าอยู่ก็ตาม
รอเจรจา
ภาพรวมในช่วงที่ผ่านมา เหมือนกัมพูชายอมรับกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องแบนสินค้าไทยไม่เป็นผลและมีแรงงานไหลกลับเข้าไทย แต่บังเอิญมีกรณีบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว เข้ามาปลุกกระแสได้อีกครั้ง แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของกัมพูชาดีขึ้น
แม้ฮุน มาเนต จะฟ้องต่อผู้นำชาติต่าง ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีที่มาที่ไป เขาไม่พูดเลยว่าคนกัมพูชารุกล้ำประเทศไทย เขาพูดแค่ว่าคนกัมพูชาถูกกระทำ ซึ่งหลักในการปฎิบัติที่ทางการไทยใช้ทุกอย่างมีขั้นตอน(เตือนแล้ว)และเป็นไปตามหลักสากล
ขณะเดียวกันทางทีของสมเด็จฮุนเซน ชัดเจนว่ายังคงเน้นไปที่การเปิดด่านเป็นหลัก เพราะด่านหมายถึงเงินที่จะไหลเข้ากัมพูชา บ่อนการพนัน และความสะดวกของเหล่า Scammer ซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา จากนี้ไปการเจรจาเพื่อหาทางออกของผู้นำทั้งประเทศไทยและกัมพูชาน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j