xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ ‘ทักษิณ’ ติดคุกเรียกคะแนนสงสาร ‘อิ๊งค์’ เร่งจัด ‘Road Map’ สู้เลือกตั้งมั่นใจ ‘พท.’ ไม่มีวันตาย!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ นักกฎหมาย ชี้‘ทักษิณ ชินวัตร’ จะติดคุกรวม 2 ปี จากคำวินิจฉัยศาลฯ เห็นชัด‘ทักษิณ’
คือผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการส่งพักรักษาชั้น 14 เพื่อใช้หักวันคุมขังโทษตามวันพิพากษา จึงต้องโทษตาม ม.157 และ 86 พร้อมตั้งข้อสงสัยทนายทักษิณ อธิบายหรือไม่ว่าต้องติดมากกว่าที่ศาลฎีกาตัดสิน หากรู้อาจตัดสินใจ‘หนี’ ก็ได้ พร้อมอโหสิและเห็นใจ‘ทักษิณ’ ที่ไม่มีกัลยาณมิตร มีแต่คนแอบหาผลประโยชน์ มั่นใจตระกูลชินวัตรไม่มีวันวางมือทางการเมือง เชื่อ‘เพื่อไทย’โกยคะแนนสงสาร ด้าน‘สุทิน คลังแสง’ ยัน‘เพื่อไทยไม่มีวันตายแต่มีโอกาสฟื้นคืนชีพ’จับตาสรุปผลการวิเคราะห์พรรค เพื่อนำไปปรับปรุงทุกด้าน    รวมทั้งหัวหน้าอิ๊งค์ควรเปลี่ยนหรือไม่และนี่คือRoad Map ที่เพื่อไทยจะใช้ต่อสู้กับคู่แข่ง ภายใต้‘ทักษิณ’ ไม่ทิ้งพรรค!


หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง   สั่งบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร 1 ปี กรณีการเข้ารักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ  ตั้งแต่วันนี้ (9 กันยายน 2568) โดยได้มีการพิจารณาเหตุผลต่าง ๆ ที่มีการชี้แจงกับศาลฯ กลับพบว่าหลักฐานฟังไม่ขึ้น แต่ที่น่าสนใจยังมีนักกฎหมายที่ได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ  ทั้งหมดแล้วชี้ให้เห็นว่านายทักษิณ อาจไม่ได้ติดคุกแค่เพียง 1 ปีเท่านั้น    อีกทั้งการติดคุกของนายทักษิณจะมีผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย    และอาจเป็นจุดต่ำสุดของพรรคได้หรือไม่?

ที่สำคัญสังคมต่างเชื่อกันว่า พรรคเพื่อไทยคือพรรคของตระกูลชินวัตร ที่ส่งผ่านกันมารุ่นต่อรุ่น แต่ละยุคก็ต้องเผชิญวิบากกรรม ทั้งนายทักษิณ ที่ต้องกลับมาติดคุกในวันนี้ ตามด้วย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องคดีทุจริตจนต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ และล่าสุดนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊งค์    ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงทำให้ประเทศชาติเสียหายจนไม่ส่ามารถเป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป

ดังนั้นวิบากกรรมที่นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย กำลังเผชิญอยู่นั้นจะสามารถพลิกฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่ ? หรือจะปิดฉากการเมืองของตระกูลชินวัตร จึงเป็นเรื่องที่น่าค้นหาโดยเฉพาะในมุมมองของนักกฎหมายและแกนนำเพื่อไทย

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมายและอดีต สส.พัทลุง ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า

 “คุณทักษิณไม่น่าจะติดคุกเพียง 1 ปีหรอก หลังจากนี้ก็น่าจะโดนคดีอาญา 157,86 อีกอย่างน้อยก็อีก 1 ปี รวมแล้วน่าจะอยู่ในคุก 2 ปี”

โดยได้ขยายความในประเด็นนี้ว่า อยากให้ทุกคนไปอ่านคำวินิจฉัยในหน้า 2 และ 3 ว่าจำเลยทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่าตนไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน แต่จำเลยมีเพียงโรคประจำตัวซึ่งเป็นโรคเรื้อรัง รักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ ...อีกทั้งจำเลยเข้ามามีส่วนตัดสินใจในการรักษาของแพทย์ จำเลยจึงไม่อาจอ้างได้ว่า การดำเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่มิได้เกิดจากการกระทำของจำเลย เพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยู่โรงพยาบาลตำรวจ มาหักวันคุมขังโทษตามวันพิพากษา

“คำวินิจฉัยคล้าย ๆ จะบอกว่าจำเลยมีอาการแบบนี้ เป็นเรื่องของหมอ เป็นผู้วินิจฉัยว่าจำเลยป่วยและเป็นคนส่งไปรักษาชั้น 14 ซึ่งจำเลยพยายามจะบอกว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งที่จำเลยรู้ข้อเท็จจริงอยู่ว่าไม่ได้ป่วยฉุกเฉิน ก็ยังไปอยู่เบื้องหลังในการกระทำผิดจะอ้างว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ คุณทักษิณคือผู้สนับสนุนนั่นเอง”




ดังนั้นกรณีของนายทักษิณจึงมีความเสี่ยงที่จะต้องติดคุกเพิ่มเพราะสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำความผิด ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของ ป.ป.ช.เพื่อไต่สวน เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในการเข้าพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลตำรวจ

“เรื่องนี้เข้า ม.157 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐจะโดนก่อน ส่วนคุณทักษิณไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ พูดง่าย ๆ ม.157 เป็นยาสามัญประจำบ้านของเจ้าหน้าที่รัฐที่คิดมิชอบ และเข้า ม.86 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งจะต้องได้รับโทษ 2 ใน 3 ส่วน ของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้”

ทั้งนี้คดีนี้อยู่ที่ ป.ป.ช.แล้ว สามารถนำคำวินิจฉัยนี้ไปฟ้องได้โดยไม่ต้องไต่สวนซึ่งนายทักษิณ ก็จะเป็นจำเลยในฐานะผู้สนับสนุน เหตุที่นายนิพิฏฐ์ มั่นใจว่านายทักษิณ จะโดนประเด็นนี้ด้วยเพราะคดีเจ้าหน้าที่รัฐนั้นขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และเมื่อขึ้นศาลอาญาทุจริตฯ พวกอธิบดี ผบ.เรือนจำ รวมถึงแพทย์ที่เข้าข่าย 12 คนนั้นจะปฏิเสธว่าทักษิณป่วยจริงได้อย่างไร และมีแนวทางต่อสู้คดีอย่างไร ในเมื่อศาลฎีกา ได้ตัดสินแล้วว่า ไม่ได้ป่วยฉุกเฉิน

“ศาลต้องดูละเอียดว่าเจ้าหน้าที่คนไหนไปเกี่ยวข้องระดับไหน ถ้าใครไม่มีส่วนให้คุณทักษิณไปนอนชั้น 14 ก็อาจจะรอด การติดคุกครั้งนี้ ก็จะมีโอกาสได้พักโทษเมื่อติดไปแล้ว 2 ใน 3 ส่วน คดีหลังก็จะได้รับโทษต่อจากคดีแรก”

นายนิพิฏฐ์ บอกว่าส่วนตัวมีความสนใจมากว่า ฝ่ายกฎหมายของนายทักษิณ มีการชั่งน้ำหนักคดีลูกความอย่างไร แต่ถ้าตัวเองเป็นทนายให้นายทักษิณ จะแนะนำให้นายทักษิณตัดสินใจพิจารณาว่า หากวันนี้ 9 ก.ย.ศาลฎีกาตัดสินว่านายทักษิณมีความผิดต้องเข้าเรือนจำ 1 ปี และต้องบอกย้ำอีกว่าถ้านายทักษิณ ผิดเจ้าหน้าที่ที่กระทำการก็ต้องผิดทั้งหมด ซึ่งจะเกี่ยวพันมาถึงนายทักษิณจะต้องได้รับโทษจากความผิดนี้ 2 ใน 3 ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนตรงนี้ต้องให้นายทักษิณ รับรู้เพื่อจะได้พิจารณาว่ารับได้หรือไม่เมื่อ worst case เป็นเช่นนี้

“ผมไม่แน่ใจว่าฝ่ายกฎหมายบอก worst case นี้หรือไม่ หรืออีกมุมหนึ่ง บอกทักษิณว่าเช็กแล้วหลุดคดี จึงไม่ต้องพูดถึงคดีหลังที่จะตามมา ผมวิเคราะห์นะ worst case ถ้าต้องติดคุก 2 ปี คุณทักษิณ ต้องชั่งใจว่า ยอมรับมั้ย ถ้าไม่ได้ ต้องหนี”

ประเด็นข้อกฎหมายเช่นนี้ทีมทนายต้องรู้ เพราะ basic มาก ซึ่งมองเห็นแล้วว่า นายทักษิณ มีอาการเครียด ตั้งแต่เข้าไปฟัง เพราะคนเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี เรืองอำนาจ อายุก็ 70 กว่าปีแล้ว ก็รู้สึกเห็นใจมาก ๆ และอโหสิให้แล้วเพราะตัวเองก็เคยโดนแจ้งความในสมัยนายทักษิณ ถึง 13 คดีและต่อสู้กันมาเช่นกัน

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมายและอดีต สส.พัทลุง
อย่างไรก็ดี การที่นายทักษิณต้องติดคุก หากเรามองบริบทสังคมไทย นิสัยคนไทยขี้สงสาร พรรคเพื่อไทยก็ต้องดึงคะแนนสงสารนี้มาให้ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่นายทักษิณ โพสต์ในเฟซบุ๊ก บ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง เคยทำอะไรมาบ้าง และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จัดทำนโยบายดี ๆ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งไม่มีใครกล้าทำนายทักษิณ ก็ทำมาแล้ว และการที่นายทักษิณ ยอมติดคุกแบบนี้สำหรับคนเสื้อแดงจะมีคะแนนสงสารแน่ ๆ แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ต้องพูดถึง ก็ยังคงเกลียดอยู่เหมือนเดิม

“ต้องดูต่อไปว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยจะเป็นใคร เพราะคนในตระกูลชินวัตรหมดแล้ว และบรรดาคนในพรรคที่เป็นคนรุ่นเก่าควรถอยไปได้แล้ว ต้องเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆ หรือถ้าเป็น ทายาท นักการเมืองรุ่นเก่าในพรรค ก็ต้องดูว่าเป็นใคร ขายได้หรือไม่ สำหรับส่วนตัวเห็นว่าคุณอุ๊งอิ๊งค์ ก็ต้องลดบทบาทลงได้แล้ว แม้จะอยู่ในพรรค แต่เมื่อดำรงตำแหน่งในทางการเมืองไม่ได้แล้ว เพราะถูกถอดถอนตลอดชีวิต ก็ต้องทำเหมือนคุณทักษิณ คือเป็นผู้นำจิตวิญญาณได้ เมื่อดำรงตำแหน่งไม่ได้ แต่ไปช่วยหาเสียงได้ ก็ไม่รู้ว่าใครในตระกูลชินวัตรจะเข้ามารับต่อ แต่ก็ไม่น่าจะมีใครแล้วมั้ง”

ส่วนจะให้อดีตนายกฯ อิ๊งค์ เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรเป็นหัวหน้าพรรคต่อแล้ว เพราะโดนโจมตีเรื่องกัมพูชา หากจะนำวงศ์วานว่านเครือในตระกูลชินวัตรเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคในสถานการณ์เช่นนี้ ดูจะขับเคลื่อนยาก ทางออกที่ดีคือต้องสลัดให้หลุดจากเครือข่ายชินวัตรไปก่อน

“พวกแกนนำบางคน เช่นคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะยังอยู่เพื่อไทยหรือจะพากันหนีตายกันไปหมด ผมมองเห็นว่า คุณทักษิณ ไม่มีกัลยาณมิตรเลย คนที่มาอยู่ ก็แอบหาผลประโยชน์จากทักษิณทั้งนั้นแหละ ถ้าเรียกร้องให้ช่วยพรรค ยามนี้ สุริยะ สมศักดิ์ ก็อย่าไปไหนซิ”

ขณะเดียวกันก็เชื่อว่านายทักษิณ และตระกูลชินวัตร ไม่มีทางวางมือทางการเมือง แต่ต้องยอมรับว่า คนส่วนหนึ่งยังรักนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ถ้าวางมือไปกันหมด ก็จะเป็นพรรคใหม่ที่ไม่เกี่ยวพันกันเลย จะเริ่มต้นใหม่จึงเป็นเรื่องยากเหมือนกัน แต่ถ้านายทักษิณและตระกูลชินวัตร ยังอยู่เบื้องหลัง เป็นที่ปรึกษา ไปพบสมาชิกจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

“เพื่อไทยหรือชินวัตร จะกลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง คงต้องใช้เวลาจนนายทักษิณอาจหลุดคดีไปแล้วมั้ง เพราะการเมืองไม่เหมือนอย่างอื่นที่ล้มแล้วฟื้นได้ มีพรรคใหม่มาแทนที่พรรคเก่า ๆ ก็จะหายไป แต่จะยังคงมี 3 พรรคใหญ่ๆ เพื่อไทย ประชาชน และภูมิใจไทย ส่วนใครจะได้ที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ไม่รู้ ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติก็น่าจะหายไป และคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็ต้องวางมือแล้ว”




ด้านนายสุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีกลาโหมและสส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย บอกว่า พรรคเพื่อไทยได้มีการติดตามและประเมินสถานการณ์หลังนายทักษิณ ต้องติดคุกก็พอประเมินอารมณ์คนในสังคมได้ว่ารู้สึกเห็นใจ สงสาร ซึ่งเป็นนิสัยของคนไทย มักจะสงสารคนแพ้และเชียร์มวยรอง แต่ก็ไม่รู้ว่าอารมณ์ดังกล่าวจะมีระยะเวลานานแค่ไหน หรือเป็นเพียงอารมณ์ระยะแรกที่ได้รับรู้ แต่เมื่อย้อนไปดูเหตุการณ์ในสมัยปี 2551หลังนายทักษิณถูกรัฐประหาร จนต้องไปอยู่ต่างประเทศหรือช่วงที่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยรัฐประหาร ก็มีกระแสความสงสารท่วมท้น แต่อารมณ์เช่นนี้จะอยู่นานเพียงใดย่อมมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบ

“เพื่อไทยต้องแสดงออกถึงความมุ่งมั่น เข้มแข็งที่จะสู้ต่อ จะทำให้เราได้ใจประชาชน หรือกรณีที่พรรครัฐบาลหรือพรรคกึ่งรัฐบาลเช่นพรรคประชาชนดำเนินบทบาทไม่เป็นที่พึงประสงค์ มีการเกี้ยเซียะรัฐบาลทำสิ่งที่ไม่ชอบ หรือการแก้แค้นเอาคืน ความรู้สึกคนในสังคมจะเริ่มเห็นใจพรรคเพื่อไทยได้ บรรดา สส.ก็ต้องลงพื้นที่ให้หนัก ทำทุกอย่างให้ประชาชนรู้ว่าคุณทักษิณไม่ทิ้งพรรค และพรรคเพื่อไทยจะสู้ต่อไป”

อีกทั้งอารมณ์สงสารและการมุ่งมั่นของพรรคเพื่อไทย รวมถึงหากมีการเลือกตั้งเร็วเท่าไหร่จะเป็นผลบวกกับพรรคเพื่อไทย โดยพรรคต้องมีจุดขายด้วยการชูนโยบายที่จับต้องได้ โดยเฉพาะ30 บาทรักษาทุกโรคเวอร์ชันใหม่ ไปได้ทุกที่ หรือโครงการหวยเกษียณที่เป็นของดี และนโยบายอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์เข้าถึงประชาชนได้ง่ายก็น่าจะทำให้พรรคมีโอกาสมากขึ้น

นายสุทิน บอกว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยมีจุดแข็ง คือนายทักษิณ ,อุดมการณ์พรรค รวมทั้งนโยบายโดนใจประชาชน และตัวผู้สมัครที่เข้าถึงประชาชน รู้ปัญหาแท้จริง แต่พรรคก็ต้องมาเผชิญกับจุดอ่อนในเรื่องของนิติสงคราม ที่ต้องระวังอย่างมาก ไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยหรือแกนนำพรรคจะต้องโดนอะไรอีก ซึ่งต้องเฝ้าระวังและเกิดอาการผวากันอยู่แบบนี้ ส่วนเรื่องชายแดนหรือปัญหาเขมรนั้น พรรคไม่คิดว่าเป็นจุดอ่อน นอกจากมีคนพยายามปั่นกระแสแต่ปัจจุบันสังคมก็น่าจะรู้ข้อเท็จจริงกันแล้ว

นายสุทิน คลังแสง  อดีตรัฐมนตรีกลาโหมและสส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย
ปัจจุบันพรรคเพือ่ไทย ได้ทำการวิเคราะห์สรุปบทเรียนตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน รัฐบาลแพรทองธาร จนถึงปัจจุบันว่าพรรคเพื่อไทยมีจุดอ่อน จุดแข็งที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง และมีข้อผิดพลาดอะไรในการเดินงานการเมืองบ้าง รวมไปถึงตัวบุคคล คือ สส. ว่าใครเป็นจุดอ่อน จุดแข็ง ที่เราต้องเปรียบเทียบในระดับพื้นที่กับพรรคคู่แข่งด้วยเช่นกัน

“ทำการวิเคราะห์ครั้งนี้ เราจะเห็นปัญหาและมีทางออก ซึ่งส่งผลถึงการเลือกผู้สมัครแต่ละเขต กรรมการบริหารพรรค จะต้องปรับหรือไม่ปรับอย่างไร หรือทิศทางของพรรค นโยบายของพรรคจะต้องปรับหรือไม่อย่างไร รวมถึงทิศทางการแข่งขันในการเลือกตั้งไปด้วย ชัด ๆ ก็คือวิเคราะห์ตัวบุคคลทั้งหมด ทั้ง สส. หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค คนที่เคยเป็นรัฐมนตรี จะทำให้เราได้ข้อสรุปที่ดีที่สุดน่าจะภายในสิ้นเดือนนี้”

ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ครั้งนี้ จะทำให้เราเห็นภาพหรือจะเรียกว่าRoad map เพื่อไทยในอนาคตชัดเจนขึ้นและชี้ให้สังคมได้รับรู้ว่า “พรรคเพื่อไทยไม่มีวันตายจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่จะมีโอกาสฟื้นแน่นอน ส่วนคุณสมศักดิ์ คุณสุริยะ ที่มีคนจับตามองว่าจะย้ายพรรค ถึงวันนี้ทั้งสองคนยืนยันว่าจะยังคงอยู่กับพรรคเพื่อไทย”

นอกจากนี้มีข่าววงในจากพรรคภูมิใจไทย ระบุว่ารัฐบาลภูมิใจไทย จะยุบสภาต่อเมื่อได้จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2570 ผ่าน ครม.แล้ว เพื่อนำเข้าสภาซึ่งคาดว่างบประมาณปี 2570 จะผ่าน ครม.ได้ประมาณเดือนเมษายน ปี 2569




จากนี้ไปคงต้องจับตาดูพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคฝ่ายค้านจะเดินเกมการเมืองอย่างไร รวมไปถึงผลการศึกษาและวิเคราะห์ที่จะเป็น Road Map ในการทำงานและเป็นแผนกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ ‘พรรคเพื่อไทยไม่มีวันตายแต่กลับมีโอกาสฟื้นคืนชีพ’ ได้จริงหรือไม่? แม้ว่า ‘ทักษิณ ชินวัตร’ จะติดคุกก็ตาม!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น