พรรคประชาชน มีแต่เรื่อง“มนุษยธรรม-ไปกราบอะไร-ใครไม่อยากให้สงครามจบ”คนการเมืองชี้เป็นสูตรสำเร็จพูดไปก่อน ถ้ากระแสตีกลับค่อยขอโทษเชื่อหลายเหตุการณ์ช่วงนี้มีผลกระทบต่อความนิยม แต่เป็นทุกพรรค คาดเพื่อไทยหนักสุดเลือกตั้งใหม่ส้มก็ยังมา แต่อาจน้อยลง วัดใจพรรคอนุรักษ์นิยมปลุกกระแสขึ้นหรือไม่
“ทหารมีไว้ทำไม?” ยังคงเป็นคำพูดอมตะ ที่พรรคการเมืองอย่างพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนในปัจจุบัน เป็นต้นทางของวลีดังกล่าว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคกลายเป็นบุคคลที่ถูกจับจ้องเป็นอย่างมาก จากนั้นคำพูดอันสวยหรูก็ถูกประดิษฐ์ออกมาอีกครั้ง “ทหารมีไว้ปกป้องประเทศ ไม่ใช่ปกครองประเทศ” ยิ่งในช่วงที่เกิดการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พรรคประชาชนที่ไม่ค่อยจะชื่นชนกับอาชีพทหารมากนัก พยายามที่จะไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้
เท้ง : หมอ
หลังได้ข้อสรุปเรื่องหยุดยิงก็ยังคงมีปัญหาตามมากับพรรคประชาชนอีกหลายเรื่องเริ่มกันที่ 2 สิงหาคม 2568 นพ.เพียรศักดิ์ แซ่หว่อง กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี โพสต์ข้อความถึงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน หลังมีภาพระบุข้อความประณามโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ โดยกล่าวหาว่าปฏิเสธรักษาคนไข้ชาวกัมพูชา
"ถึงน้องเท้ง ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน เรื่อง ไม่เห็นด้วยกับแถลงการณ์ของพรรค จากหมอเพียรศักดิ์ หมอเด็ก โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลฯ สิริรวมอายุของคุณเท้งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของการเดินทางของโรงพยาบาลนามสรรพสิทธิประสงค์ เรามีประวัติศาสตร์อันยาวนานก่อนคุณเกิดกว่า 50 ปี ถ้าต้องเรียนมนุษยธรรม คุณเท้งต้องมาคลุกคลีคนไข้กับเรา แล้วจะไม่ต้องไปอ่านตำราหรือสรรหาคำสวยๆ มาเป็นวาทกรรม
โรงพยาบาลแห่งนี้ดูแลคนไข้ในอีสานใต้กว่า 6 ล้านคน มาครบ 90 ปี การปรับตัวของโรงพยาบาลในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นสิ่งที่โรงพยาบาลจำเป็นต้องทำ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ทุกคน ทั้งคนไทยและเขมรที่นอนอยู่โรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่กว่า 4,000 ชีวิต คนกว่า 1 หมื่นคน เข้าออกโรงพยาบาลในแต่ละวัน เมื่อไม่ยืนอยู่ตรงกลางของความขัดแย้ง กรุณาอย่ามองด้านเดียว เพราะผู้ที่ทำอย่างนั้นย่อมเป็นผู้นำไม่ได้
ในวันที่ระเบิดลงโรงพยาบาลหลายที่ ในวันที่ผู้คนล้มตายในร้านสะดวกซื้อ ในวันที่ปั๊มน้ำมันโดนทำลาย ในวันที่ทหารขาขาดและเสียชีวิต วันที่บ้านประชาชนถูกทำลาย ในวันที่ผู้คนนับแสนหนีตาย คุณไปอยู่ที่ไหน วันที่ประชาชนเดือดร้อนคุณทำอะไร?
แต่ในวันที่โรงพยาบาลพยายามปรับกิจกรรมเพื่อความเหมาะสมทุกฝ่าย คุณกลับนั่งไขว่ห้างในห้องแอร์ แล้วลอกวาทะกรรมมาว่าคนอื่นโดยที่ตัวเองไม่ได้ลงมือทำอะไร หมอถือว่าเป็นการกระทำเช่นนั้นเป็นของคนโง่และคนไม่ดี การไม่พูดและให้กำลังใจคนอื่นจะดูน่ารักกว่า พูดไปก็ทำลายตัวเอง จงอย่าได้ดูแคลนองค์กรที่เขาดูแลชีวิตผู้คนมานาน โดยที่คุณไม่ได้ซึมซับรากเหง้า การกระทำนี้จะด้อยค่าของคุณเอง มีปัญหากรุณาติดต่อหมอเพียรศักดิ์ แซ่หว่อง
และฝาก สส.พรรคประชาชน อุบลฯ ไปบอกด้วยครับ คุณยอมมีหัวหน้าที่มีทัศนคติเท่านี้จริงๆ หรือ หมอเพียงอยากชวนมาเดินดูโรงพยาบาล และอยากชี้ให้เห็นว่า คำว่ามนุษยธรรมนั้นคืออะไร โดยไม่ต้องเปิดตำรา ในวันที่เราไม่มีปัญญาทำอะไร จงปิดปากตัวเอง และเฝ้ามองคนอื่นที่เขาทำด้วยความชื่นชม คุณค่าในตัวของคุณจะเพิ่มทันที!!!!
ป.ล. หมอไม่ได้มีปัญหาอะไรกะส้มนะ แต่เริ่มรู้สึกว่าส้มที่แช่ไว้ในตู้เริ่มเน่าและกลิ่นเริ่มเหม็น!!!"
เท้งเข้ามาตอบ
จากนั้นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ผมไม่เคยโพสต์ ให้สัมภาษณ์หรือสื่อสารในลักษณะแบบที่ปรากฎในโพสต์แต่อย่างใด
สถานการณ์ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความอ่อนไหว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เราผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยกันคือ ความจริงและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ผมเข้าใจถึงความรู้สึกโกรธ อัดอั้น เมื่อเราเห็นข่าวในลักษณะนี้ แต่อยากขอให้ทุกคนติดตามข่าวสารอย่างมีสติ ไม่มีอะไรจะทำลายประเทศไทยได้นอกจากข่าวปลอม ที่สร้างความเกลียดกันให้เกิดกับคนในชาติ
ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคน ขอให้ทุกท่านปฎิบัติหน้าที่ตามจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวเองโดยไม่แบ่งแยก ไม่เลือกปฏิบัติ
การแสดงออกให้โลกเห็นว่าเราเป็นประเทศที่เข้มแข็ง ในขณะเดียวกัน คนไทยก็เป็นคนที่มีวุฒิภาวะ เป็นสยามเมืองยิ้มและเป็นประเทศที่น่าอยู่ จะทำให้ทั่วโลกเห็นว่าเราเป็นประเทศที่มีอารยะ ไม่ใช้วิธีสกปรกแบบคนอื่น
ส่วนผมมีวิธีทำงานอย่างไร อยู่แต่ในห้องแอร์ไหม ผมขอไม่ใช้พื้นที่นี้ในการอธิบาย และน้อมรับในคำวิจารณ์ และขอให้ทุกท่านติดตาม ตรวจสอบการทำงานของผมได้จากช่องทางการของผมครับ
นนท์ : สังเวชนียสถาน
จากนั้นช่วง 13-15 สิงหาคม 2568 มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.นนทบุรี เขต 8 พรรคประชาชน อภิปรายเมื่อ 15 สิงหาคม 2568 เสนอตัดงบโครงการสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากรเผยแผ่พระพุทธศาสนา งบประมาณ 5 ล้านบาท โดยกล่าวว่า "ทำไมพระสงฆ์ถึงต้องมีขวัญและกำลังใจในการทำงานด้วยเหรอครับ ผมก็งงนะครับ แล้วบอกว่าเพื่อเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานในประเทศอินเดียและเนปาล ก็คือไปสถานที่ที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผู้ได้ประโยชน์ ไปทั้งหมด 100 รูป ตกรูปละ 50,000 บาท ไปทำอะไรครับท่านประธาน ไปกราบครับท่านประธาน"
"ท่านอยู่ประเทศไทย ท่านให้คนอื่นเขากราบไหว้ พอท่านไปประเทศอื่น ท่านกลับไปกราบอะไรก็ไม่รู้" นายนนท์กล่าว
ด่าขรม
จากนั้นมีผู้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการอภิปรายดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งอดีต สส.ของพรรคอย่างนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ยังออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยด้วยถ้อยคำที่รุนแรง “ขอสั้น ๆ อีกโพสต์ ที่พูดถึงการไปกราบสังเวชนียสถานว่า “ไปกราบอะไรก็ไม่รู้” เป็นการอภิปรายที่ควายมาก ทำให้เพื่อในพรรคต้องเหนื่อย”
16 สิงหาคม 2568 มีการเผยแพร่ข้อความของพระมหานรินทร์ นรินโท ป.ธ.9 เจ้าอาวาสวัดไทย ลาสเวกัส สหรัฐฯ ควรยุบพรรคประชาชนทิ้ง ตามมาด้วยสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรปออกสาส์นแสดงความห่วงใยถึงการอภิปรายในครั้งนี้ เมื่อ 17 สิงหาคม 2568 “การกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ล้วนมาจากหลักฐานที่เป็นเท็จ”
ประมาทพลาดพลั้ง
17 สิงหาคม 2568 นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.นนทบุรี เขต 8 พรรคประชาชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เรื่อง การชี้แจงถ้อยคำอภิปรายเกี่ยวกับสังเวชนียสถาน ระบุว่า ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจและขอโทษต่อพุทธศาสนิกชนและสังคม ต่อถ้อยคำที่ใช้ในระหว่างการอภิปราย ซึ่งทำให้หลายท่านขุ่นเคืองและรู้สึกว่ากระทบกระเทือนศรัทธาและความเคารพต่อสังเวชนียสถาน โดยเฉพาะมหาโพธิมณฑลสถาน
ข้าพเจ้าขอชี้แจงว่า เจตนาของการอภิปราย มิใช่เพื่อดูหมิ่นหรือทำร้ายความเชื่อของผู้ใด แต่เพื่อหยิบยกประเด็นการพิจารณางบประมาณแผ่นดินซึ่งหน่วยรับงบประมาณพึงอธิบายเป้าประสงค์และผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณในเชิงความคุ้มค่า ความเหมาะสมและความทั่วถึง ภายใต้หลักการตรวจสอบการใช้ทรัพยากรสาธารณะ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ
ถ้อยคำที่ว่า “กราบอะไรก็ไม่รู้” นั้น เป็นความประมาทพลาดพลั้ง แม้ว่าข้าพเจ้าต้องการให้ผู้ฟังพิจารณาถึงการแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างรวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา แต่การเลือกใช้ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการลืมเลือนความเคารพที่ข้าพเจ้าควรจะมีในฐานะผู้แทนราษฎร ต่อความเชื่อและสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของผู้คน และกราบขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ ข้าพเจ้าขอน้อมรับข้อวิจารณ์ และจะใช้ความรอบคอบมากยิ่งขึ้นในการอภิปรายครั้งต่อไป
19 สิงหาคม 2568 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พร้อมด้วย พระมหาวัฒนา ปญฺญาทีโป วัดมหาสวัสดิ์นาคพุฒาราม จังหวัดนครปฐม และคณะยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบ สส. พรรคประชาชน จำนวน 5 คน กรณีอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ด้วยถ้อยคำที่ถูกมองว่าเป็นการลบหลู่และโจมตีพระพุทธศาสนา
ช่อ : ใครไม่อยากให้สงครามจบ
พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า พูดถึงสถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชา ทำนองว่า "มีคนไม่อยากให้สงครามจบ เพราะช่วงเวลาที่เกิดสงคราม คือเวลาที่ตนเป็นฮีโร่หรือไม่" จนมีคลิปที่ทหารคนหนึ่งได้ฝากข้อความไปยังแกนนำคณะก้าวหน้า ล่าสุดช่อ พรรณิการ์ ได้ออกมาชี้แจงว่า กลุ่มคนที่อาจไม่ต้องการให้สงครามยุติ ข้อที่ 1 คือ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนและกลุ่มสุดท้าย คือ "ทหารการเมือง" ที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจากการขัดแย้ง ตรงกันข้ามกับทหารอาชีพที่ต้องการความสงบสุข
พร้อมทั้งกล่าวว่า 3 กลุ่มที่ต้องการให้สงครามยุติโดยเร็วที่สุด ได้แก่ ทหารแนวหน้าและครอบครัว ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน และผู้ประกอบการที่ต้องพึ่งพาแรงงานกัมพูชา
“ส้ม” คะแนนนิยมลด
แหล่งข่าวจากแวดวงการเมืองกล่าวว่า ถ้ามองพรรคสีส้มช่วงนี้ความนิยมลดลง จากเดิมที่มีวลีเด็ด“ทหารมีไว้ทำไม” เมื่อเกิดเหตุความไม่สงบด้านชายแดน พรรคส้มพยายามไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่มาสะดุดตรงที่หัวหน้าพรรคออกมาพูดเรื่องมนุษยธรรมทำไมโรงพยาบาลไม่รักษาคนกัมพูชาจนเกิดการตอบโต้กับคุณหมอ
ช่วงนั้นเกิดกระแสลบมาก เพราะคนไทยและทหารไทยบาดเจ็บล้มตาย จนหัวหน้าพรรคต้องรีบออกมาชี้แจง
ตามมาด้วยเรื่องอภิปรายงบประมาณประจำปี 2569 ส.ส.ของพรรคประชาชน ไปกล่าวถึงการใช้งบที่ไม่คุ้มค่าของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ "ท่านอยู่ประเทศไทย ท่านให้คนอื่นเขากราบไหว้ พอท่านไปประเทศอื่น ท่านกลับไปกราบอะไรก็ไม่รู้"
ร้อนจนองค์กรสงฆ์เดินเรื่องให้มีการตรวจสอบ แม้แต่อดีต สส.ของพรรคก็ออกมาตำหนิ
“พรรคประชาชนจะมีสูตรสำเร็จเสมอ พูดไปก่อน กระแสตีกลับก็ค่อยออกมาขอโทษ ไม่ว่าจะเป็นยุคผู้นำคนใดของพรรค”
ส่วนเรื่อง ช่อ พรรณิการ์ เป็นจังหวะที่พูดในช่วงสถานการณ์ที่ยังครุกรุ่น แต่ก็ไม่เป็นผลดีกับพรรค เพราะคนที่ติดตามการเมืองก็ทราบดีว่าทางพรรคมีทรรศนคติกับทหารอย่างไร
เชื่อว่าหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาชน ส่งผลต่อความนิยมของพรรคลดลง 30-40% เพียงแต่ช่วงนี้คะแนนนิยมในทุกพรรคลดลงแทบทั้งหมด พรรคเพื่อไทยน่าจะลดลงมากกว่าพรรคอื่น หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ส้มก็ยังมา แต่อาจมาน้อยลงกว่าเดิม เพราะประชาชนไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า ขึ้นอยู่กับพรรคจากสายอนุรักษ์นิยมด้วยว่าจะสร้างจุดขายด้วยเรื่องอะไร และดึงดูดใจคนได้มากน้อยแค่ไหน
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j