ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ(MWG)ระบุความขัดแย้งไทยและกัมพูชา ส่งผลกระทบต่อแรงงานเขมรและภาคเกษตรของไทยรุนแรงเพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ชี้ไทยมีมาตรการจัดหาแรงงานทดแทนได้จากศรีลังกา ลาว พม่าขณะที่แรงงานเขมรจำใจต้องกลับบ้าน ทั้งที่ไม่ชอบฮุนเซน แต่เพราะความน่ากลัวอำนาจมาก หากต่อต้านก็จะ ‘หาย’ ไปเลย ผนวกกับเจอพิษกลุ่มคนไทยที่เกลียดชังเข้าทำร้ายทำให้ 3 แสนกว่าคนต้องกลับบ้าน วันนี้พวกเขากำลังเจอภาวะไร้งาน ไร้เงินต้องลักลอบกลับเข้าไทยเพื่อหางานทำ ยอมรับใครได้นายจ้างดีคอยคุ้มครองแม้จะอยู่อย่างหวาดผวาใช้แป้งทานาคาปะหน้าเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นพม่าก็ยังมีรายได้ส่งกลับบ้านได้ จับตาแรงงานเขมรจะลักลอบต่อเนื่องมากขึ้น ‘MWG’ เสนอทางออกแก้ปัญหาแรงงานเขมร
ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนการปะทะบริเวณชายแดนของทั้ง 2 ประเทศจึงจะสงบลงได้อย่างจริงใจ โดยเฉพาะความพยายามยั่วยุของ ‘สมเด็จฯ ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภากัมพูชา และทหารกัมพูชา ทั้งออกข่าวเท็จที่มีมาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการวางทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่ชายแดน จนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลกระทบในแง่ความสัมพันธ์ของประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายตามมา
ที่สำคัญแรงงานกัมพูชาที่เคยทำงานในประเทศไทย ที่ผ่านมาต่างมีเงินส่งกลับบ้านเลี้ยงดูครอบครัว ก็ต้องอยู่อย่างหวาดผวากลัวมาตรการของฮุนเซน และกลัวการปั่นกระแสว่าหากยังเป็นแรงงานอยู่ในไทยก็จะถูกทำร้าย สิ่งเหล่านี้คือความโหดร้ายที่ฮุนเซน ก่อขึ้น ใช่หรือไม่? เพราะแรงงานเขมรที่หลั่งไหลกลับไปแล้วก็ต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ไม่มีงานทำ ชีวิตความเป็นอยู่ในครอบครัวลำบากแสนเข็ญ
วันนี้ทางออกของแรงงานเขมร คือต้องดิ้นรนช่วยตนเองและเลือกที่จะลักลอบข้ามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนเข้ามาในประเทศไทย ขณะที่ประเทศไทยแม้จะขาดแคลนแรงงานเขมรไปบ้าง แต่ก็พร้อมรับมือหาแรงงานต่างด้าวใหม่ทดแทน
นายอดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (MWG) ระบุว่า แรงงานเขมรที่อยู่ในประเทศไทยก่อนที่จะกลับไปยังกัมพูชานั่นมีประมาณเก้าแสนกว่า ๆ แบ่งเป็นแรงงานเขมรที่ถูกกฎหมายประมาณ 500,000 คน ที่เหลือเป็นแรงงานที่ไม่ถูกกฎหมาย โดยแรงงานเขมรที่กลับไปเพราะปัญหาความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศประมาณ 300,000 คน และมีแนวโน้มทยอยกลับไปเรื่อยในช่วงที่มีการปะทะรุนแรง
โดยแรงงานเขมรที่อยู่ในไทยจริง ๆ แล้ว พบว่าไม่มีใครอยากจะกลับแต่ก็เพราะปัญหาการสู้รบบริเวณชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัยที่เริ่มลุกลามเป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคลและนำไปสู่ความรู้สึกชาตินิยม
“ต้องกลับเพราะฮุนเซนสั่งแรงงานเขมรในไทยถ้าไม่กลับอาจถูกยึดที่ดินและเสียสัญชาติ และยังมีข่าวที่ปั่น ๆ กันออกมาว่าแรงงานเขมรจะถูกทำร้าย ด้วยความกลัว แรงงานเขมรก็เริ่มทยอยกลับไปซึ่งเราจะเห็นภาพบริเวณด่านชายแดนที่แรงงานแน่นด่าน และช่วงที่มีแรงงานเขมรกลับมากขึ้นก็คือช่วงที่มีกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มต่าง ๆ ของไทยไล่ทำร้ายแรงงานเหล่านี้ทำให้ต้องกลับกัมพูชามากขึ้น รวมเบ็ดเสร็จก็สามแสนกว่าคนแล้ว”
ส่วนแรงงานที่ตัดสินใจอยู่ต่อก็โชคดีที่ได้นายจ้างคอยดูแลอย่างดี จัดที่พักให้ คอยส่งข้าว ส่งน้ำ เพื่อให้แรงงานอยู่อย่างปลอดภัยและแรงงานเขมรเหล่านี้ก็ใช้วิธีการนำแป้งทานาคา มาทาหน้าไว้เพื่อให้ดูว่าเป็นแรงงานพม่า
“แรงงานเขมรที่อยู่ในไทย ก็อยู่อย่างหวาดผวา 80% ที่กลับไปก็เพราะกลัวถูกทำร้าย ช่วงหลังที่ปรากฏการไล่ทำร้าย ข่มขู่แรงงานเขมร แรงงานกลุ่มไหนได้นายจ้างคุ้มครองก็อยู่ได้ แต่ก็อยู่อย่างยากลำบากในการใช้ชีวิตทั่วไปไม่กล้าแม้กระทั่งออกไปตลาด”
นายอดิศร เกิดมงคล บอกอีกว่า จริง ๆ แรงงานเขมรไม่อยากกลับ เพราะทำงานที่เมืองไทยสามารถส่งรายได้ไปเลี้ยงครอบครัว ส่วนใหญ่จะทำงานด้านก่อสร้าง เกษตร และอื่น ๆ การกลับไปก็ไม่รู้ว่าจะมีงานทำหรือไม่ หากมีงานทำ จะได้ค่าตอบแทนเพียงพอหรือไม่ แต่ในประเทศไทย แรงงานเหล่านี้จะได้ตามค่าจ้างขั้นต่ำตามแต่ละพื้นที่ที่รัฐกำหนดไว้และถ้าใครมีฝีมือก็จะได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้เขามีรายได้ที่ชัดเจนและมั่นคงตามสัญญาที่ทำไว้กับหน่ายราชการและนายจ้าง
“จริง ๆ คนเขมรไม่ได้เชื่อมั่นรัฐบาลกัมพูชาที่ว่าจะจัดหางานให้อยู่แล้ว และคนเขมรก็ไม่ได้ชอบฮุน เซน ก็เหมือนที่ไม่ชอบนักการเมืองไทยนั่นแหละ แต่ฮุน เซนน่ากลัวเพราะมีอำนาจมาก ทำให้คนเขมรไม่กล้าต่อต้าน เพราะถ้าใครต่อต้านมันจะหายไปเลย คนเขมรจึงต้องเซฟตัวเอง เลือกที่จะอยู่อย่างไรถึงจะปลอดภัย ไม่หายตัวไป”
อย่างไรก็ดีการหลั่งไหลกลับประเทศของแรงงานกัมพูชาต้องยอมรับว่าทำให้เกิดปัญหาแรงงานขาดแคลนโดยเฉพาะแรงงานภาคเกษตรกรรมทางด้านตะวันออกอย่างรุนแรง เพราะช่วงนี้เป็นฤดูของการเก็บลำไย เข้าเดือนตุลาคมจะเป็นเรื่องอ้อย และผลไม้ต่าง ๆ รวมทั้งสวนยางบริเวณตะวันออก เราจึงได้เห็นการประกาศรับสมัครแรงงานไทยเก็บลำไย 30,000 อัตรา
“แรงงานลาวหลังลงกล้า ปลูกข้าวที่ลาวแล้ว ช่วงรอเก็บเกี่ยวก็จะเข้ามาทำงานในไทย ทำไร่อ้อยในภาคอีสาน เพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์เข้าโรงงาน แรงงานลาวถูกกฎหมายก็จะประมาณ 400,000 คน และไม่ถูกกฎหมายจะประมาณแสนกว่า ๆ พวกนี้จะนั่งเรือเข้ามาทำงานแบบเช้า เย็นกลับ อีกกลุ่มที่เข้ามาอยู่ตามฤดูกาลจะเป็นแบบวีซ่าท่องเที่ยว พวกนี้จะได้รับการผ่อนผันตามข้อตกลงอยู่ได้ 60 วัน พวกนี้จะไปเป็นแม่บ้าน หรือทำงานที่ไม่ค่อยเจอคน”
อีกทั้งการจะนำเข้าแรงงานลาวที่ไม่ถูกต้องและเข้ามาตามฤดูกาล มาทำงานภาคเกษตรในภาคตะวันออกทดแทนแรงงานเขมรที่กำลังขาดแคลนอย่างรุนแรงแบบถูกกฎหมายนั้น ต้องใช้เวลาเดือนถึงเดือนครึ่งจะไม่คุ้มค่าในช่วงที่ผลผลิตการเกษตรกำลังออก เพราะจะมีค่าใช้จ่ายหรือที่เรียกว่าค่าดำเนินการหมื่นห้า ไม่นับรวมค่าทำพาสปอร์ต ค่ากิน เงินเดือนด้วย
“แต่ถ้าใช้วิธีขึ้นทะเบียนแบบประมง คือให้คนที่มีวีซ่าท่องเที่ยว ที่หมดไปแล้วไปรายงานตัวและยื่นขึ้นทะเบียนกับท้องที่ ให้ออกเอกสารให้ก่อน ค่อยไปขอวีซ่าทีหลัง แต่จะอยู่ได้แค่ 60 วัน ซึ่งความต้องการแรงงานภาคเกษตรต้อง 5-6 เดือน MWG จึงเสนอให้ยกเว้นวีซ่าไปเลยหรือเปลี่ยนประเภทตราวีซ่า เป็นวีซ่าพิเศษสามารถทำงานได้ 6 เดือนถึง 1 ปี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะภาคเกษตรที่ภาคตะวันออกต้องการแรงงานลาว วิธีนี้จะทำให้ได้แรงงานลาวเร็วที่สุด”
นอกจากนี้การได้แรงงานลาวมาทำภาคเกษตรนั้น จะสามารถอบรมและสื่อสารได้ง่ายกว่าแรงงานพม่า เพราะภาษาฟังกันรู้เรื่อง ส่วนพม่าต้องใช้ล่าม ซึ่งการได้แรงงานไทยหรือลาวได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ปัญหาแรงงานไทย มีข้อกังวล คือแรงงานไทยจะทำไม่นาน แต่ภาคการเกษตรต้องการความต่อเนื่องในการทำงาน เพราะถ้าเก็บผลผลิตไม่ทันจะเสียหายหมด อย่างอ้อยเก็บไม่ทันก็จะเจอค่าปรับ และช่วงสำคัญคือช่วงเก็บเกี่ยวและช่วงเพาะปลูก
“ผู้ประกอบการคุยกับทางลาวแล้ว ระยะสั้นก็พอจะได้เพราะเป็นแรงงานนอกฤดูการเก็บเกี่ยวของทางลาว แต่ถ้าจะนำมาทดแทนแรงงานเขมร เป็นปี 2 ปี ยังต้องคุยกันอีกว่าทางลาวจะจัดหาคนให้ได้หรือไม่”
สำหรับแรงงานพม่า ที่มีอยู่ในประเทศไทยเกือบสามล้านคน และที่เข้ามาผิดกฎหมายประมาณ 6 แสน รวมเบ็ดเสร็จประมาณ 4 ล้านคน ยิ่งช่วงที่มีการสู้รบคนพม่าจะลักลอบเข้ามาเยอะมาก ซึ่งแรงงานพม่าจะทำทุกภาคส่วน ก่อสร้าง ภาคบริการ ภาคการเกษตรและภาคโรงงานอุตสาหกรรม
“แรงงานพม่าภาคเกษตรจะอยู่แถวภาคเหนือและภาคตะวันตก พืชเกษตรอย่างอ้อย กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม ส่วนใหญ่จะเป็นพม่า ภาคอีสาน ก็ลาว ภาคตะวันออก จะเป็นกัมพูชา ตอนนี้มีผลผลิตลำไยตั้งแต่ ปราจีน สระแก้ว จันทบุรี และตราดบางส่วน ส่วนใหญ่ส่งออกไปจีน มีล้งจีนมารอรับกันเหมือนล้งทุเรียน”
ทว่าหากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังตึงเครียดอยู่เช่นนี้ไปอีกนานสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็คือการลักลอบของแรงงานเขมรที่กลับไปแล้วเข้าไทยต้องมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อันเกิดจากปัญหารายได้ ความยากลำบากไม่มีงานทำ เมื่อด่านทั่วไปตอนนี้ปิดหมด ต้องเข้าทางชายแดนมาทางช่องทางธรรมชาติ โดยมีคนนำเข้ามาหรืออาจมีนายหน้า แต่คงไม่คึกคักเหมือนสมัยก่อน เพราะความเสี่ยงมันมากขึ้น มีทหารตรึงกำลังที่ทำให้เข้ามาลำบากมากขึ้น ทางอีสานก็อาจจะเข้าได้ยากจะลักลอบมาได้ก็น่าจะมีทางภาคตะวันออกซึ่งไม่มีการปะทะรุนแรงดีที่สุด
“เข้ามาได้แล้วก็เข้ามาทำงานปกติ อาจไปอยู่กับนายจ้างเดิม หรือมีพรรคพวกที่เป็นแรงงานเขมร แต่ไม่ได้กลับก็อาจแนะนำงานให้ได้ด้วย”
ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ระบุว่า ในส่วนของกรมแรงงานได้มีการเตรียมการจัดหาแรงงานไว้รองรับด้วยการดึงแรงงานศรีลังกา ซึ่งการดึงแรงงานจากศรีลังกา คงจะต้องมีการเจรจากันเพิ่มขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าการใช้แรงงาน ลาว พม่าและเขมร ซึ่งจะคุ้มกับการนำเข้าหรือไม่? รวมไปถึงค่าจ้างขั้นต่ำจะรับได้หรือไม่? คาดว่าน่าจะใช้เวลาค่อนข้างนานถึงจะเซ็นบันทึกความเข้าใจหรือ MOU กันได้อาจจะเป็นปี ทาง MWG มีการเสนอให้เล็งไปที่เวียดนาม ค่าดำเนินการถูกกว่าศรีลังกา แต่ก็มีข้อที่น่าห่วงเพราะไทยไปล็อกให้เวียดนามทำได้แค่ก่อสร้างและประมง ซึ่งแรงงานเวียดนามสนใจภาคบริการ ส่วนภาคเกษตรมีบ้างแต่น้อย
“รอบแรกศรีลังกา น่าจะเข้ามาประมาณ 10,000 คนเป็นแรงงานภาคโรงงานภาคอุตสาหกรรมกับก่อสร้างมากกว่า”
ขณะเดียวกัน MWG ก็มีข้อห่วงใย ต่อสถานการณ์แรงงานกัมพูชาจึงได้นำเสนอประเด็นต่าง ๆ ในมุมมองขององค์กรภาคประชาสังคมเพื่อการบริหารจัดการแรงงานกัมพูชาต่อนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน โดยเฉพาะประเด็นเร่งด่วน กระทรวงแรงงานควรออกประกาศ และประชาสัมพันธ์ยืนยันว่าแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในไทยจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทยทุกประการ ควบคู่ไปกับการประสานงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเร่งดำเนินการในคดีที่มีการทำร้ายร่างกาย ข่มขู่คุกคามต่อแรงงานข้ามชาติอย่างเปิดเผย โดยสื่อสารสู่สาธารณะเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน นายจ้างและแรงงานข้ามชาติ รวมทั้งดำเนินคดีอย่างจริงจังต่อกลุ่มที่เผยแพร่ข้อมูลความเกลียดชัง ยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อแรงงานข้ามชาติ รวมทั้งไม่สนับสนุนกลุ่มที่มีพฤติกรรมดังกล่าว
อีกทั้งจัดตั้งสายด่วนแรงงานข้ามชาติในภาวะฉุกเฉิน ที่มีเจ้าหน้าที่ล่าม และทีมสนับสนุนภาคสนามจากกรมการจัดหางานและองค์กรภาคประชาสังคม และสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจให้นายจ้างและแรงงานข้ามชาติ โดยทำหน้าที่ให้ข้อมูลแก่นายจ้างและแรงงานข้ามชาติ รับเรื่องร้องเรียนในกรณีต่าง ๆ เป็นต้น
พร้อมกันนั้น MWG ยังมีข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการสถานการณ์แรงงานกัมพูชา ทั้งนี้จากการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดพบว่ามีสาเหตุที่แรงงานกลับกัมพูชาจำนวนมากเพราะความไม่มั่นใจด้านความปลอดภัย (การคุกคาม, ทำร้ายร่างกาย, อาชญากรรมจากความเกลียดชัง) ดังนั้นกระทรวงแรงงานประกาศยืนยันสิทธิและความปลอดภัยของแรงงานข้ามชาติ พร้อมประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินคดีกรณี Hate Crime และเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ
รวมทั้งจัดตั้งจุดประสานงานชายแดนเพื่อดำเนินการ Fast Track สำหรับแรงงานกัมพูชาที่ประสงค์กลับเข้ามาทำงาน โดยใช้ข้อมูลเดิมและยกเว้น Re-entry Visa และปรับปรุงระบบนำเข้าแรงงานตาม MoU ให้ลดขั้นตอน ลดค่าธรรมเนียมเพิ่มความรวดเร็ว เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เกิดจากผลกระทบจากการเดินทางกลับประเทศต้นทางของแรงงานกัมพูชา รองรับปัญหาความต้องการแรงงานเร่งด่วนของภาคเกษตรได้รวดเร็ว เป็นต้น
จากนี้ไปประเทศไทยคงได้เห็นภาพแรงงานเขมรหาวิธีลักลอบเข้าไทยเพื่อมาหางานทำเพิ่มมากขึ้น เพราะรู้แล้วว่าสิ่งที่ ‘ฮุน เซน’ สั่งให้กลับไปนั้นแค่โฆษณาว่าแรงงานเขมรกลับไปแล้วจะมีงานทำ มีรายได้ เป้าหมายจริงคงหวังจะทำให้ภาคเศรษฐกิจไทยต้องประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน
แต่ในความเป็นจริงไทยสามารถรับมือได้โดยหาแรงงานจากที่อื่นทดแทน ในทางตรงข้ามที่ปรากฏชัดคือเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (12 สิงหาคม 2568) นาวาเอกไกรสร โพธิ์ตุน หัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 2 (ร้อยบ้านแหลม) ทำการจับกุมชาวกัมพูชาลักลอบข้ามแดนกลับเข้ามายังประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย โดยอาศัยช่องทางธรรมชาติ พื้นที่อำเภอโป่งน้ำร้อน สามารถควบคุมชาวกัมพูชารวมกว่า 50 คน ในกลุ่มนี้ยังมีเด็กทั้งชายหญิง รวมทั้งมีทารกติดมาด้วย
นี่คือภาพความจริงที่ ‘สมเด็จฯ ฮุน เซน’ ควรรับรู้!!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j