xs
xsm
sm
md
lg

แนะ“กองทัพไทย”ถล่มคลังแสงหลักเพื่อปิดจ็อบ หาก“กัมพูชา”เบี้ยวสัญญา GBC เปิดฉากยิงอีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พล.ท.พงศกร” ชี้ หากเขมรละเมิดข้อตกลงหยุดยิง หลังประชุม GBC “กองทัพไทย”ต้องรีบปิดจ็อบ โดยโจมตีลึกเข้าไปถึง 100 กิโลเมตร เพื่อถล่มกองกำลังและคลังอาวุธส่วนในของกัมพูชา พร้อมทั้งรวบรวมหลักฐานและร้องต่อนานาชาติว่าเขมรโจมตีไทยก่อน ด้าน “รศ.ดร.ปณิธาน” ระบุ ทหารไทยสามารถตอบโต้ได้ตามหลักการป้องกันตนเอง ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องปฏิบัติการสื่อสารเชิงรุกเพื่อให้องค์กรและประเทศต่างๆช่วยกดดันกัมพูชา

แม้การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย จะสิ้นสุดลงแล้วและมีข้อตกลงร่วมกัน แต่หลายฝ่ายก็ยังไม่มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วกัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลง โดยเฉพาะเรื่องการหยุดยิงและไม่เคลื่อนย้ายกำลังเพื่อล้ำดินแดนไทยเข้ามาอีก เนื่องจากในการเจรจาเรื่องเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2568 ซึ่งทั้งสองประเทศตกลงหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขตั้งแต่เวลา 00.00 น.ของวันที่ 29 ก.ค. แต่กัมพูชาก็ยังระดมยิงอย่างต่อเนื่อง

จึงเกิดคำถามตามมาว่าหากกัมพูชาละเมิดข้อตกลง GBC ประเทศไทยควรจะดำเนินการอย่างไร ?

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ชี้ว่า ข้อตกลงหยุดยิงที่มีการเจรจาร่วมกันในการประชุม GBC ระหว่างไทย-กัมพูชาในครั้งนี้นั้นเป็นการตกลงหยุดยิงกันตามหลักการอยู่แล้ว แต่จะปฏิบัติตามหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งประเด็นที่หลายฝ่ายวิตกอย่างยิ่งก็คือแม้จะมีการตกลงกันแล้วแต่กัมพูชากลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง โดยเฉพาะเรื่องการหยุดยิงและไม่เสริมกำลังพลเข้ามาในพื้นที่ที่มีปัญหากัน ซึ่งการไม่เคลื่อนย้ายกำลังจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด ต้องไปตกลงกันให้ดีว่าการเคลื่อนย้ายกำลังคืออะไร ขยับอย่างไรจึงถือว่าเป็นการเคลื่อยย้ายกำลัง การเข้ามารื้อลวดหนามถือว่าเป็นการเคลื่อนย้ายกำลังไหม และถ้ากำลังทหารไม่ได้ขยับแต่มีการจัดตั้งพลเรือนให้ขยับล้ำแดนเข้ามาจะทำอย่างไร ต้องระบุรายเอียดให้ชัดเจน นอกจากนั้นควรจะตกลงกันเรื่องโดรนที่บินข้ามแดนกันไปมาซึ่งถือเป็นภัยคุกคามว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร

“ ที่สำคัญคือจะบังคับให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงได้อย่างไร จะต้องมีคนกลางหรือคณะสังเกตการณ์หรือไม่ ซึ่งการตั้งคณะสังเกตการณ์ก็เป็นเรื่องยากเพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้ประเทศใดประเทศหนึ่งมาสอดแนม แม้แต่มาเลเซียซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาหว่างไทยกับกัมพูชาก็ถูกวิจารณ์อย่างมากในช่วงหลายวันที่ผ่านมาว่าไม่ค่อยเป็นกลาง จึงยากที่จะให้ประเทศใดเป็นตัวกลางเพราะทุกประเทศก็มีฝักมีฝ่าย ต่างก็เลือกข้างกันหมด ” รศ.ดร.ปณิธาน กล่าว

ส่วนกรณีที่หากกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงใน GBC รัฐบาลไทยควรดำเนินการอย่างไรนั้น “รศ.ดร.ปณิธาน” แนะนำว่า

1.หากกัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลง รัฐบาลไทยควรร้องเรียนไปยังมาเลเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียนและเป็นผู้ประสานงานในการเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศ เนื่องจากเรายังไม่มีกลไกอื่น

2. รัฐบาลไทยควรรวบรวมหลักฐานต่างๆที่ชี้ว่ากัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงและแจ้งไปยังองค์การสหประชาชาติ รวมถึงนานาชาติเพื่อให้นานาชาติช่วยกำกับดูแล ไม่เช่นนั้นระเบียบโลกจะรวนไปหมด เช่น ถ้ากัมพูชาเข้ามาวางทุ่นระเบิดก็แจ้งไปที่องค์การสหประชาชาติว่าด้วยการลดอาวุธ หรือ UNODA ซึ่งดูแลเรื่องการปลดอาวุธว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลง หรือแจ้งไปที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบหลักในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศก็ได้

3. กรณีที่รัฐบาลจะยื่นเรื่องที่กัมพูชาโจมตีพลเรือนของไทยไปยัง ICC นั้นไทยต้องรวบรวมหลักฐานให้หนักแน่นและชัดเจน ที่สำคัญจะต้องมีพันธมิตรในการช่วยผลักดันเนื่องจากองค์กรในลักษณะนี้ไม่ใช่ศาลยุติธรรมจริงๆแต่เป็นศาลการเมืองซึ่งมีที่มาจากสมาชิกของสหประชาชาติซึ่งรู้อยู่แล้วว่าแต่ละประเทศล้วนมีการเลือกข้างหรือทำงานในลักษณะต่างตอบแทน

“ ไทยควรจะร้องไปยังองค์กรและประเทศต่างๆให้มากที่สุด เป็นการเดินเชิงรุกในหลายช่องทาง ต้องทำทุกอย่างเพื่อกดดันอย่าให้กัมพูชาละเมิดข้อตกลงและกติกาสากล เพราะขณะนี้กัมพูชาเดินเกมเร็วและเดินในระดับสากลในหลายเวที ซึ่งเรากำลังไล่ตามเขาอยู่ ประเด็นคือรัฐบาลอยากจะแจ้งไปยังองค์กรระหว่างประเทศหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ที่จริงเราควรส่งหลักฐานการละเมิดข้อตกลงไปยังองค์กรเหล่านี้ไว้ก่อนเพราะเราต้องทำงานเชิงรุก ” รศ.ดร.ปณิธาน


ส่วนการที่มีประเทศอื่นเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น “รศ.ดร.ปณิธาน” มองว่ามีทั้งผลดีและผลเสีย

ผลดีก็คือ

1. เป็นการเพิ่มน้ำหนักในการพูดคุยให้มากขึ้น เนื่องจากมีหลายฝ่ายกดดันกันอยู่ โดยมีทั้งประเทศที่สนับสนุนไทย
และกัมพูชา แต่ประเทศที่หนุนกัมพูชาดูจะมีมากกว่า โดยเฉพาะสหรัฐฯซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับกัมพูชา

2. การเข้ามาในอาเซียนของประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯก็จะทำให้นานาชาติให้ความสนใจว่าไทยกับ
กัมพูชาตกลงอะไรกัน จีนกับสหรัฐฯจะขัดแย้งกันหรือไม่ จะเกิดสงครามตัวแทนไหม และหากไทยแจ้งว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงก็จะได้รับความสนใจจากนานาชาติ

ส่วนผลเสีย คือ

1. การเข้ามาของสหรัฐฯ จีน และอีกหลายประเทศที่อาจจะเข้ามาในอนาคตอาจจะนำความขัดแย้งของมหาอำนาจ
เข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะแต่ละประเทศก็ต้องเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ในสมรภูมิยุโรปเขาก็เข้าไปแล้ว ในตะวันออกกลางเขาก็เข้าไปเต็มตัวอยู่แล้ว ขณะที่ในอาเซียนเมื่อเขาเห็นว่ามีสถานการณ์ความขัดแย้งเขาก็เข้ามาแทรกแซง

2. การเข้ามาของมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศในภูมิภาคอาเชียนด้วยกันในครั้งนี้นั้นไม่มีความเป็นกลาง ต่างจากการ
เจรจาข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา ในปี 2554 ที่อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนเป็นตัวกลางในการเจรจา ซึ่งครั้งนั้นมีความเป็นกลางมากกว่านี้ โดยอินโดนีเซียไม่เข้ามาชี้นำ และไม่เปิดโอกาสให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซง ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าในการทำหน้าที่เป็นตัวกลางครั้งนี้มาเลเซียน่าจะมีวาระซ่อนเร้น

อีกประเด็นที่หลายฝ่ายกำลังวิตกคือหากหลังจากที่มีการทำข้อตกลงใน GBC แล้วกัมพูชายังเปิดฉากโจมตีไทย ทางประเทศไทยควรดำเนินการอย่างไรนั้น “รศ.ดร.ปณิธาน” ชี้ว่า ในกรณีเช่นนี้ทหารไทยสามารถตอบโต้ได้ตามหลักการป้องกันตนเอง หรือ self-defense โดยเราอาจตั้งรับ รอให้เขายิงก่อนไทยค่อยตอบโต้ หรือถ้ารู้ว่ากัมพูชากำลังจะยิงไทยแล้วไทยยิงก่อนเพื่อป้องกันความสูญเสียของพลเรือนก็สามารถทำได้ ไม่ถือเป็นความผิดเพราะเราป้องกันตัวเอง

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ขณะที่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่า เชื่อว่าการเจรา GBC ระหว่างไทย-กัมพูชาครั้งนี้ทั้งสองประเทศน่าจะตกลงกันได้เนื่องจากมีข้อตกลงเรื่องการลดอัตราภาษีกับสหรัฐฯซึ่งแสดงความจำนงว่าต้องการให้ไทยกับกัมพูชาเจรจาสงบศึก แต่คงเป็นการหยุดปะทะกันชั่วคราว หลังจากนั้นทางกัมพูชาก็คงจะสร้างเรื่องขึ้นมาใหม่เพื่อจุดชนวนให้เกิดการปะทะกันอีกเพราะเป้าหมายของกัมพูชาคือดึงไทยไปสู่ศาลโลก โดยกัมพูชาก็จะกล่าวหาว่าถูกไทยโจมตีก่อนเหมือนครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างคะแนนนิยมให้ ฮุน มาเนต

“คาดว่าการปะทะครั้งใหม่ทางกัมพูชาจะสร้างสถานการณ์ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อดึงไทยเข้าสู่ UNSC (คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ)อีกรอบ เพราะการปะทะกันครั้งที่แล้ว UNSC มองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เขาจึงไม่รับคำร้อง ครั้งนี้กัมพูชาจึงต้องสร้างเรื่องที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้ไทยเข้าสู่ UNSC และให้ UNSC สั่งไทยให้ไปศาลโลก เบากว่านั้นก็คือถ้าในเดือน ส.ค.หรือ ก.ย.ไทยมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ กัมพูชาก็จะประกาศชัยชนะ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของตระกูลฮุนไม่ใช่ดินแดน แต่ต้องการให้ประชาชนชาวกัมพูชาชื่นชมฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาเท่านั้น เพราะฮุน เซน อยากให้ฮุน มาเนต สืบอำนาจต่อ ก็ต้องสร้างภาพความเป็นนักรบ แต่เมื่อเกิดการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา กลายเป็นว่ากัมพูชาเสียหายมากกว่าไทย ดังนั้นถ้าเขาไม่สร้างสถานการณ์ให้เกิดชัยชนะบางอย่าง ฮุน มาเนต ก็จะไม่มีบารมีเลย สุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ ” พล.ท.พงศกร ระบุ

พล.ท.พงศกร กล่าวต่อว่า หากทางกัมพูชาเปิดฉากโจมตีเพื่อสร้างสถานการณ์ สิ่งที่กองทัพไทยควรดำเนินการก็คือตั้งรับและโต้กลับ แล้วก็รวบรวมหลักฐานเพื่อร้องต่อนานาชาติว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงโจมตีไทยก่อน ซึ่งการปะทะครั้งที่แล้วรัฐบาลไทยพลาดมากเพราะเราเงียบทำให้ไทยเสียเปรียบ แต่ตอนนี้เราปรับตัวแล้วเราก็ต้องเล่าในนานาชาติฟังว่ากัมพูชาเป็นอันธพาลยังไง เราต้องส่งเสียงให้มากขึ้น ซึ่งถ้าเสียงเราดังมากพอจะทำให้กัมพูชาไม่สามารถดันเรื่องเข้าสู่ UNSC ได้ เขาก็จะเลิกราไป หรือถ้าถึงที่สุดแล้วไทยต้องไป UNSC แต่ถ้าเราสามารถทำให้นานาชาติส่วนใหญ่ทั้งที่อยู่ในและนอก UNSC เชื่อว่าไทยถูกกัมพูชารุกรานก่อน ก็จะมีประเทศต่างๆช่วยวีโต้ให้ไทย ขณะเดียวกันประเทศใน UNSC ซึ่งหนุนกัมพูชาก็จะไม่กล้าโหวตสวนกระแสประชาคมโลก

“ ถ้ามีการปะทะกันอีกกัมพูชาก็จะอ้างว่ามีการเจรจาและตกลงลงหยุดยิงในที่ประชุม GBC ซึ่งเป็นการเจรจาในระดับทวิภาคีแล้วแต่ไม่สำเร็จ ไทยกับกัมพูชาก็ยังรบกันอยู่ดี จึงจำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่ UNSC ให้ UNSC ช่วยสั่งหน่อย เพื่อให้ไทยแพ้มติใน UNSC เพราะเขามั่นใจว่าเขามีบางประเทศหนุนหลังอยู่ เขาต้องการแค่นี้ แต่จริงๆแล้วแม้ไทยจะไม่ไป UNSC แล้วที่ประชุมลงมติให้กัมพูชาชนะก็ปล่อยเขาไป เราไม่ต้องสนใจ แต่ที่สำคัญคือไทยต้องป่าวประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่าไทยถูกกัมพูชารุกราน ” พล.ท.พงศกร กล่าว

ทหารกัมพูชาซึ่งเข้ายึดปราสาทตาควายพร้อมทั้งวางระเบิดรอบตัวปราสาท
ส่วนกรณีที่กัมพูชาส่งโดรนเข้ามาบินก่อกวนในเขตแดนไทยโดยเฉพาะในพื้นที่ทหารซึ่งหลายฝ่ายวิตกว่าจะเป็นการบินสำรวจเพื่อล็อคเป้ายิงหลังการเสร็จสิ้นการเจรจา GBC นั้น “พล.ท.พงศกร” มองว่า ศักยภาพโดรนของกัมพูชาไม่น่าจะสูงขนาดนั้น โดรนของกัมพูชาบินเข้ามาได้แค่ 10-20 กิโลเมตร แม้จะยิงพุ่งเป้ามาที่คลังแสงของกองทัพไทยก็คงจะยิงไม่ตรงเป้าหมายเนื่องจากโดรนของกัมพูชายังไม่มีระบบนำวิถี ขณะที่กองทัพไทยสามารถตรวจจับยุทโธปกรณ์ที่ล้ำแดนเข้ามาและยิงทำลายได้ รวมถึงสามารถส่งโดรนเข้าไปสำรวจกองกำลังและคลังแสงของกัมพูชาและล็อคเป้ายิงได้ จึงไม่มีอะไรน่าห่วง ซึ่งโดยภาพรวมประสิทธิภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาสู้ไทยไม่ได้ ในการปะทะกันครั้งที่แล้วทหารกัมพูชาจึงสูญเสียไปถึง 10%ของกองกำลังทั้งหมด หรือไม่ต่ำกว่า 3,000 นาย

“ ในการปะทะกันครั้งที่แล้วกองทัพไทยยิงถล่มแค่กองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาที่อยู่ในส่วนหน้า คือจุดที่ห่างจากชายแดนไทยเค่ 20-40 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ครั้งนี้ถ้ามีการปะทะกัน เพื่อจบปัญหาอย่างเด็ดขาด กองทัพไทยควรจะโจมตีลึกเข้าไปถึง 100 กิโลเมตรซึ่งเป็นจุดที่ตั้งกองกำลังส่วนหลังของกัมพูชาและทำลายคลังอาวุธหลักของเขา ซึ่งอาวุธที่อยู่ในส่วนหน้า อย่างจรวดหลายลำกล้อง หรือปืนใหญ่ของกัมพูชา เราทำลายหมดแล้ว ครั้งนี้ถ้าเราทำลายคลังแสงหลักของกัมพูชาทั้งหมดได้กว่าเขาจะสะสมใหม่ได้ก็ต้องใช้เวลาถึง 10-20 ปี ตอนนั้นฮุน เซน ก็อาจจะจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่มีใครสั่งแล้ว ” พล.ท.พงศกร ระบุ

พล.ท.พงศกร ยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ว่า ทั้งทหารและประชาชนกัมพูชาถูกปิดหูปิดตาจากรัฐบาลเนื่องจากข้อมูลข่าวสารที่เขาได้รับมาจากรัฐบาลกัมพูชาเท่านั้น อีกทั้งการต่อต้านรัฐบาลยังถือเป็นกบฏ ใครที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจะถูกจำคุกหรือประหารชีวิต คนกัมพูชาจึงไม่รู้ข้อมูลข่าวสารจากภายนอก รัฐบาลกัมพูชาจึงดึงแรงงานกัมพูชากลับประเทศ ถึงขั้นขู่ยึดที่ดินและเพิกถอนสัญชาติเพื่อตัดการรับข่าวสารจากฝั่งไทย ดังนั้นเราจึงต้องพยายามให้ข้อมูลกับชาวกัมพูชาที่ทำงานในฝั่งไทยว่าคนไทยไม่ได้เห็นชาวกัมพูชาเป็นศัตรู แต่ศัตรูของคนไทยคือฮุน เซน เพื่อให้ชาวกัมพูชาที่กลับไปนำข้อมูลเหล่านี้ไปบอกญาติพี่น้องที่อยู่ในกัมพูชา

“ เราต้องทำให้คนกัมพูชาเป็นแนวร่วมกับเรา ถ้าคนกัมพูชาที่อยู่ในประเทศเขารู้ว่าข้อมูลที่แท้จริงเป็นอย่างไร ตระกูลฮุนทำอะไรกับชาวกัมพูชาบ้าง อีกหน่อยคนกัมพูชาก็จะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลตระกูลฮุนซึ่งสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยด้วย ” พล.ท.พงศกร กล่าว

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น