‘อดีตแม่ทัพภาคที่ 2’ แจง รัฐบาลหมดโอกาสจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แบบเบ็ดเสร็จ เพราะความไม่จริงใจ ปล่อยกองทัพไทยสู้ฝ่ายเดียว ทำให้ต้องทนอยู่แบบนี้ต่อไป ชี้เขมรชอบเล่นใต้โต๊ะ หยุดยิงแต่จะส่งคนรุกคืบมายึดเหมือนเดิมมั่นใจอีก 10 ปี‘ไทย-เขมร’ รบกันหนัก โอกาสไทยแพ้ได้ เพราะเขมรไม่หยุดนิ่ง แถมเรากำลังมอบมรดกความขัดแย้งให้รุ่นลูกรุ่นหลาน มั่นใจรบครั้งนี้หากไทยชนะ เขมรแพ้ จะกำหนดกติกาได้ ด้านอดีตทหารคุมกำลังชายแดน ย้ำความขัดแย้งจบยาก เพราะมหาอำนาจเข้ามาแสวงผลประโยชน์ เชื่อทหารรับจ้างรบมีอยู่จริงและการที่กองทัพไทยยึดพื้นที่‘สูงข่ม’ ได้ ทำให้ได้เปรียบมองเห็นการรุกคืบทั้งกำลังทหารและอาวุธของเขมรได้ทุกมุม!
หลังผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้ทำข้อตกลงในการแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.หยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขโดยมีผลภายใน 24.00 น. ของคืนวันที่ 28 ก.ค. 2. จัดให้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้บังคับบัญชาทางทหารในพื้นที่ 3.จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา (General Border Committee - GBC) ในวันที่ 4 ส.ค. โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
ทำให้หลายฝ่ายต่างจับตาดูว่าการหยุดยิงนั้นจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่? โดยเฉพาะผู้ที่รู้จัก ‘ฮุนเซน’ และติดตามเรื่องราวของเขมร หรือเหล่าทหารเก่าที่เคยปฏิบัติการป้องกันอธิปไตยไทยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จะฟันธงว่าเขมรจะเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง ‘หยุดยิง’ แน่นอน และสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ต่อไป!
ในทางการทหาร ก่อนที่จะถึงเวลาหยุดยิง ตามหลักการรบคือจะเป็นเวลาที่ต่างฝ่ายต่างต้องเร่งปฏิบัติการช่วงชิงพื้นที่ให้ได้ วันนั้นเราจึงได้เห็นฝ่ายทหารกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธยิงถล่มฝั่งทหารไทยอย่างหนัก อาวุธที่ใช้นอกจากปืน ปืนใหญ่ คือ ใช้จรวดติดหลายลำกล้อง BM-21 Grad หรือ "BM-21" ปรากฏว่า ‘ฮุนเซน’ ได้ส่งหน่วยรักษาความปลอดภัยระดับสูงติดอาวุธหนัก หรือ BHQ ที่เข้าปะทะกับทหารรบพิเศษของไทย ที่ปราสาทตาควาย
“หน่วยBHQ น่าจะแทรกซึมอยู่นานแล้วเราจะเห็นช่วง 10 นาทีสุดท้ายจะปะทะกันหนักใช้อาวุธหนักโจมตี หน่วยรบพิเศษเราก็เข้าปฏิบัติการได้รวดเร็วเพราะถูกฝึกและพร้อมพลีชีพอยู่แล้ว ส่วนกองทัพอากาศใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 บินปฏับัติการทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา พื้นที่ภูผี ปราสาทตาเมือนธม , ตาควาย จนเรายึดมาได้ ซึ่งหน่วยรบพิเศษนี้ไม่มีการสูญเสียแม้แต่คนเดียว ส่วนพื้นที่ตราด จันทบุรี กองทัพเรือก็ส่งกำลังพิทักษ์ไว้ ต้องยอมรับ แผน "ยุทธบดินทร์" น่าจะประสานกันไว้นานแล้ว ทุกอย่างออกมาตอบโต้อย่างเหมาะสม” อดีตนายทหารหัวหน้าหน่วยกำลังรบพื้นที่ชายแดน ระบุ
จากนั้นกองทัพไทย สามารถยึดคืนและตรึงกำลังในพื้นที่สำคัญตามแนวชายแดนได้ทั้งหมด 11 พื้นที่ ประกอบด้วย 1. ภูมะเขือ 2. ช่องอานม้า 3. ปราสาทตาเมือนธม 4. ปราสาทตาควาย 5. แนวเขตแดนช่องบก 6. โดนตวล 7. สัตตาโสม 8. ช่องจอม 9. ช่องสายตะกู บ้านกรวด 10. พระวิหาร 11. พลาญยาว
อดีตนายทหารคนเดิม บอกว่า พื้นที่ตลอดแนวชายแดนพบว่ามีลักษณะทั้งเป็นภูเขาสูง พื้นที่ชัน พื้นที่ราบสลับซับซ้อน แต่ในทางยุทธศาสตร์ในทางการทหารและการสู้รบ เราต้องยึด หรือครอบครอง ‘พื้นที่สูงข่ม’ ให้ได้ เราจะมองเห็นได้ไกล กว้าง และควบคุมพื้นที่ด้านล่างได้ อย่างเช่นเวลาเขมรรุกรานเข้ามา เราอยู่พื้นที่สูงข่ม เราจะรู้ทันทีว่ากำลังทหารมาอย่างไร มีอาวุธหนัก อาวุธเบา อะไรมาบ้าง
นอกจากนี้การมองเห็นยังทำให้เราสามารถประเมินการต่อสู้ได้อย่างดี เช่นทหารกลุ่มนี้ฝึกมาอย่างไร และในทางการรบมันจะสามารถมีทหารรับจ้างปะปนมาได้ ซึ่งทหารรับจ้างเหล่านี้ก็ยังอ่านได้อีกว่าเป็นทหารจากประเทศไหน
“ทหารรับจ้าง อาจเป็นทหารอาชีพเดิม หรือทหารปลดประจำการของประเทศใดก็ได้ มารับจ้างรบให้ ซึ่งเรามีสิทธิ์สงสัยเขมรมีทหารรับจ้างผสมมาด้วยหรือไม่ ก็ต้องตามดูต่อไปว่าใช่หรือไม่”
ส่วนพื้นที่สูงข่ม ที่ทหารไทยยึดมาได้นั้น เช่นที่ช่องอานม้า ภูมะเขือ ปราสาทตาควาย เขาสัตตะโสม เป็นต้น เราจะเห็นว่าฝ่ายเขมรใช้อาวุธปืนขนาดเล็กก่อกวนอยู่ตลอด ทำให้ฝ่ายทหารไทยจะนิ่งเฉยไม่ได้ เชื่อว่ากองทัพไทยต้องส่งกำลังทหารตรึงไว้หมดแล้วและเป็นการตรึงในลักษณะผลัดเปลี่ยนกำลังแนวหน้าและแนวหลังได้ด้วย
“ไทยยึดพื้นที่สูงข่มมาได้แล้ว อย่างภูมะเขือเราก็ทำลายกระเช้าไปแล้วเขมรก็ขึ้นไม่ได้ ส่วนการเจรจาเรื่องพื้นที่และเขตแดนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งค่อยมาเคลียร์กันเพราะใช้แผนที่คนละฉบับ เราใช้ 1:50,000 เขมรใช้ 1:200,000 คุยกันไม่รู้เรื่อง ก็จะเป็นแบบที่ผ่านมา เขมรยิงใส่เรา ไทยก็ยิงตอบโต้ สมน้ำสมเนื้อ ก็ต้องปะทะกันไม่จบไม่สิ้น”
อดีตนายทหารคนเดิม บอกอีกว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา จะจบได้ยาก ตราบใดที่ประเทศมหาอำนาจยังแสวงหาผลประโยชน์จากประเทศที่ด้อยพัฒนา หรือด้อยกว่า ไปดูได้กัมพูชาเวลานี้ใครเข้ามายึดครองพื้นที่และเศรษฐกิจไว้แล้ว อย่างท่าเรือเรียม (Ream Naval Base) เป็นฐานทัพเรือของกองทัพเรือกัมพูชา ตั้งอยู่บนชายฝั่งอ่าวไทยในจังหวัดพระสีหนุ ซึ่งมหาอำนาจอย่างอเมริกาก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงต้องลงมาเล่นด้วย
“ถ้ามหาอำนาจไม่หนุนช่วยเหลือทั้งอาวุธ ฝึกคน มันจะจบง่าย แต่ถ้ายังเป็นเช่นนี้คนไทยก็ต้องทำตัวเป็นศรีธนญชัยในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อไว้ป้องกันอธิปไตย กองทัพก็ต้องเฉลี่ยเพราะมหาอำนาจเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ แต่หลักการคือซื้อมาแล้วต้องใช้ได้ด้วย”
ด้าน พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ระบุว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะจบได้อย่างไรก็เห็น ๆ อยู่ว่าต่างก็ใช้กำลังทหารตรึงกำลังกันอยู่ ทั้ง 11 จุด ซึ่งกองทัพรู้ดีที่สุดเพราะทุกอย่างมันไม่เบ็ดเสร็จ ไม่เด็ดขาด แล้วจะให้จบได้อย่างไร
“บอกตรง ๆ มันไม่เด็ดขาด มันไม่จบ เราจะซัดเขมรให้อยู่ก็คือต้องให้มันยอมแพ้ งั้นเขมรไม่ยอมหรอก เมื่อเขมรไม่ยอมจะจบกันได้อย่างไร สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องรู้คือ เขมรมันหยุดยิง แต่มันไม่หยุดเดิน ขณะที่เราไม่กล้ายิง เพราะเราเป็นสุภาพบุรุษรักษากติกา ไม่ละเมิดสั่งให้หยุดก็หยุด”
ทำไมถึงบอกว่า เขมรมันไม่หยุดเดิน เพราะนี้คือยุทธวิธีที่เขาทำกันตั้งแต่สมัยที่พล.ท.กนก ยังคุมกำลังดูแลเขาพระวิหาร เขมรกระทำแบบนี้จริง ๆ เป็นวิธีการเก่า ๆ แต่ทำแล้วได้ผล
“เขมรตีมึนมากๆ เดินเข้ามาประชิดพื้นที่ ทีละคน 2 คน สามารถทำให้เราตกใจได้มันเข้ามาได้อย่างไร สุดท้ายก็ยึดพื้นที่เพิ่มไปได้ ตราบใดที่เรารบไม่เบ็ดเสร็จ รบไม่จบ ไม่ชนะ ก็จะเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ไปเจรจาที่มาเลเซีย กำหนดเวลาหยุดยิง อยากถามว่าฝ่ายกองทัพไทย รู้ตัวมั้ยว่าจะหยุด 24 น.คืนวันที่ 28 กค. ส่วนกัมพูชา น่าจะเตรียมตัวไว้แล้วเอาหน่วยรบพิเศษ BHQ ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่าง เข้ามาที่ภูมะเขือ”
อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า เสียดายโอกาสในครั้งนี้มาก เพราะถ้ารัฐบาลทำแบบเต็มที่ ทั้งเรื่องการประกาศตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำอย่างจริงจังหรือเปล่า ตรงกันข้ามปล่อยให้กองทัพรบอย่างเดียว จริง ๆ แล้วรัฐบาลควรร่วมมือกับกองทัพ เพราะรถถัง หรือรถขนกำลังพล ขนอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่างล้วนต้องใช้น้ำมันเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าไม่มีน้ำมันเติมก็วิ่งไปวิ่งมาในการรบไม่ได้
ดังนั้นเมื่อโอกาสที่จะจัดการเอาชนะเขมรได้เบ็ดเสร็จ มันหมดไปแล้ว เพราะเรากำลังถูกแทรกแซงจนหมดอำนาจในการต่อรอง การจะไปจัดระเบียบชายแดนจึงเป็นเรื่องยาก ทั้งเรื่องการเปิด-ปิดด่าน การกำหนดให้มีตลาดขายของได้อย่างเดียว ไม่มีปัญหาการบุกรุกดินแดน เป็นผลให้แต่ละด่าน จะมีแต่เจ้าหน้าที่ประจำด่าน คอยตรวจตราและกำหนดเวลาเปิด-ปิดเท่านั้น
ขณะเดียวกันต้องรอดูว่าวันที่ 4 ส.ค.ที่มีการประชุมทวิภาคี GBC เป็นเรื่องของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปที่ประสานกันนั้นจะมีการพูดเรื่องอะไรกันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการหยุดยิงจะมีผู้สังเกตการณ์เข้าร่วม ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็อยู่ที่การตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย และฝ่ายเขมรก็อาจจะหาทางโดดหนีไม่ประชุมเรื่องความขัดแย้งพื้นที่ชายแดนก็ได้
พล.ท.กนก บอกว่า เมื่อทุกอย่างเข้าสู่จุดเดิมคือเขมรจะค่อย ๆ รุกล้ำอธิปไตยของไทยที่ละนิด ๆ แล้วก็ต้องอยู่ร่วมกันไปแบบนี้ กองทัพไทย ต้องเร่งพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ กำลังพล ฝึกให้เก่ง รบให้เป็นตามหลักยุทธวิธี เพราะกัมพูชาไม่หยุดนิ่งแต่จะเร่งพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพล ซึ่งอาวุธของเขมรที่ใช้ก็เป็นของจีนและรัสเซีย ซึ่งก็คงต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน เช่นการไปตั้งฐานทัพเรือเรียมก็เห็นจีนฝึกให้เขมรทางทะเลเหมือนกัน หากเราไม่เตรียมพร้อมให้ดี การต่อสู้อีก 10 ปีข้างหน้าบริเวณแนวชายแดน จะสาหัสกว่าปัจจุบัน กองทัพไทยก็มีโอกาสที่จะแพ้กัมพูชาได้
อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า เมื่อเรามองเห็นภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้น หากการเจรจาไม่สามารถหาข้อยุติได้ เรื่องเก่า ๆ ที่เคยเกิดขึ้น เคยต่อสู้กันมาก็จะกลับมาปรากฏอีกครั้ง จากวิธีการของเขมรที่จะรุกล้ำอธิปไตยไทย แล้วก็ถึงจุดที่ต้องต่อสู้ด้วยการใช้กองกำลังทหารในอีก 10 ปีข้างหน้า เมื่อต่างฝ่ายต่างพัฒนาประสิทธิภาพ ความสูญเสียก็มีมาก ส่งผลกระทบกับประชาชน ความเดือดร้อนก็เพิ่มขึ้น ตราบใดที่ยังไม่มีการยอมแพ้กัน
“เขมรทำได้ทุกอย่าง กล้าละเมิดหลักการทำสงคราม มีแผนที่ก็รู้ว่า บริเวณไหนเป็นที่ตั้ง โรงเรียน ชุมชน โรงพยาบาล หรืออย่างกรณีที่ยิงร้านเซเว่นจนมีเด็กเสียชีวิต เพื่อให้สื่อกระจายไปทั่วโลก เพื่อดึงประเทศที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้องและกดดันกองทัพไทยให้หยุดยิง และการออกมายั่วยุ เยาะเย้ย ก็ล้วนแต่เป็นแผนของเขมรเพื่อให้เกิดเรื่อง”
อีกทั้งการปะทะกันครั้งนี้ก็เพราะเขมรพยายามที่จะนำข้อพิพาทชายแดนทั้งปราสาทตาเมือนธม ตาควาย ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ “ศาลโลกและพยายามที่จะไปยึดภูมะเขือ ที่วันนี้กองทัพไทยชักธงสู่ยอดเสาได้แล้ว ก็เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ ทั้งภูมะเขือ ที่มองไปทางทิศตะวันออก และภูสัตตะโสมที่มองไปทางทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นจุดที่มาบรรจบกันพอดี เขมรมาอย่างไรเราอยู่จุดสูงข่ม ก็จะเห็นทั้งหมด
จากนี้ไปประชาชนคนไทยคงต้องมาลุ้นกันตลอดว่า วันนี้เขมรจะรุกรานและใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาพื้นที่ตรงไหนบ้าง หากปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่สามารถจัดการเบ็ดเสร็จได้ เรายังต้องเรียนรู้ว่าเรากำลังส่งมอบปัญหานี้เป็นมรดกของลูกหลานสืบไป!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j