xs
xsm
sm
md
lg

กูรูความมั่นคงแนะวิธีแก้เกมกัมพูชา “พล.ท.กนก” ชี้ ต้องเล่นใต้ดินกลับ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ 3 กูรูด้านความมั่นคง” เผยแนวทางแก้เกม“กัมพูชาป่วน” ชี้ ต้องปรับกำลังทหาร สื่อสารต่อประชาคมโลกแฉหลักฐานกัมพูชารุกรานไทย พาสื่อต่างประเทศลงพื้นที่พิสูจน์แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ล้ำเส้นสันปันน้ำเข้ามาในเขตแดนไทย “ดร.ปณิธาน” ยัน เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดชาวเขมรที่เข้ามาแสดงสัญลักษณ์ ในข้อหา“ภัยความมั่นคง” ด้าน “พล.ท.พงศกร” แนะ ล็อบบี้ประเทศมหาอำนาจให้หนุนไทยแลกความร่วมมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ฟอกเงิน ขณะที่ “พล.ท.กนก” ลั่น เขมรเล่นใต้ดินได้ ไทยก็เล่นใต้ดินกลับ !

สร้างความเดือดดาลให้แก่คนไทยไม่น้อยทีเดียวสำหรับกรณีที่กัมพูชาส่งคนเข้ามาป่วนในพื้นที่ 3 ปราสาทของไทย ซึ่งมีข้อพิพาทกับกัมพูชามาอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายครา โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่หญิงชาวกัมพูชาถึงขั้นชี้หน้าด่าทหารไทยและกล่าวหาว่ารุกล้ำเขตแดนเขมร กระทั่งหวิดจะเกิดการปะทะของทหารทั้งสองฝ่าย

หลายคนจึงอยากรู้ว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะสกัดหรือตอบโต้เพื่อไม่ให้กัมพูชาก่อเหตุในลักษณะนี้ซ้ำอีก ซึ่งบรรดา“กูรูด้านความมั่นคง”หลายท่านก็ได้ให้คำแนะนำไว้อย่างน่าสนใจ

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ได้แนะวิธีแก้เกมกัมพูชาซึ่งมักส่งคนเข้ามาสร้างสถานการณ์บริเวณพื้นที่ปราสาทของไทยที่มีข้อพิพาทกับกัมพูชา ว่า ควรดำเนินการดังนี้

1. ไทยต้องปรับการวางกำลังทหารให้เข้มแข็งและเหมาะสมมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมากัมพูชาใช้โอกาสจากช่องว่างตรงนี้ขยับเข้ามา พร้อมทั้งจัดตั้งกลุ่มเข้ามาสร้างสถานการณ์ในหลายรูปแบบ ดังนั้นการวางกำลังของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทหาร ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทั้งกำลังหลักและกำลังสำรอง รวมถึงการดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดนก็ต้องวางระบบที่ดีกว่านี้ เพราะบางคนก็อาศัยการเข้าออกที่ทางการไทยอนุญาตมาสร้างความได้เปรียบทางยุทธวิธี

2. พูดคุยทำความเข้าใจกับผู้นำทหารของกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาทหารไทยก็ทำได้ดีพอสมควร แต่พอเกิด
ปัญหาในระดับผู้นำและปัญหาเชิงนโยบาย ฝ่ายปฏิบัติก็ทำงานยากขึ้น

3. รัฐบาลต้องสื่อสารกับประชาคมโลกและประชาชนคนไทยถึงข้อเท็จจริงในกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ที่สำคัญ
ต้องสื่อสารไปยังนานาชาติเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดที่เกิดจากการให้ข้อมูลเท็จของกัมพูชา และนำคลิปเหตุการณ์จริงเหล่านี้มากดดันกัมพูชาอีกทีหนึ่ง

4. อาจใช้วิธีผ่อนปรนในบางเรื่อง ขยับข้อต่อรองเพื่อให้กัมพูชารู้สึกว่าไม่ถูกกดดันมากนัก ทำให้ไม่เกิดการ
เผชิญหน้า ที่ผ่านมากัมพูชาเลือกที่จะเสียในระยะยาวแต่ได้ในระยะสั้น ดังนั้นการยื่นข้อเสนอหรือดำเนินการเชิงรุกในระยะยาวอาจทำให้เกิดการเจรจา

“ การสื่อสารที่เข้มแข็งและเป็นระบบ ไทยยังทำได้ไม่เท่าเขา กัมพูชาสื่อสารเชิงรุกและทำสงครามจิตวิทยา เขาปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลาซึ่งตรงนี้ทำให้เขาได้เปรียบโดยเฉพาะในระดับนานาชาติ ไทยเองก็เริ่มไล่ตามเขาโดยทีมไทยได้ไปชี้แจงที่สหประชาชาติแล้ว ที่ผ่านมาเรามีปัญหาความเป็นผู้นำในงานด้านความมั่นคงตลอด 2 ปีของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านยังไม่สามารถทำงานด้านความมั่นคงได้ดี ทำให้กัมพูชาจับสัญญาณได้ว่าตรงนี้เป็นจุดอ่อน เขาเห็นว่าไม่มีรองนายกฯที่กำหนดนโยบายด้านความมั่นคง ไม่มีการประชุมสภาความมั่นคงฯที่กำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ระดับนโยบายไม่มีความชัดเจนซึ่งส่งผลต่อระดับปฏิบัติในพื้นที่ รวมถึงการทำงานของรัฐบาลกับเหล่าทัพก็ไม่เป็นเอกภาพ กัมพูชาจึงเริ่มดำเนินการเชิงรุก ซึ่งกว่าไทยจะตอบโต้เขาก็รุกไปไกลแล้ว ทำให้กัมพูชาโจมตีเราอย่างต่อเนื่อง ยิ่งศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีก็ยิ่งเกิดสุญญากาศ กัมพูชาก็เริ่มเปิดโปงเพื่อต่อรองในเรื่องที่เขายังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ” รศ.ดร.ปณิธาน กล่าว


ส่วนกรณีที่กัมพูชาส่งคนมาป่วนในบริเวณพื้นที่ปราสาทของไทยที่มีข้อพิพาท ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของกัมพูชา การประกอบพิธีกรรมต่างๆนั้น “รศ.ดร.ปณิธาน” ชี้ว่า หากมีชาวกัมพูชาเข้ามาป่วนในลักษณะแสดงสัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่ของไทยก็สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ เนื่องจากถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของไทย อีกทั้งตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง ปี พ.ศ. 2522 เราก็สามารถเนรเทศออกจากประเทศไทยได้เลย แต่ก่อนจะทำการเนรเทศก็ต้องตรวจสอบด้วยว่ามีความเชื่อมโยงกับทางการกัมพูชาหรือไม่ อย่างกรณีของหญิงกัมพูชาที่ชี้หน้าด่าทหารไทย ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่าชื่อนโรดม แพน โมนิกา เป็นหลานสาวของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นการกระทำภายใต้การจัดการของทางการกัมพูชาหรือไม่

“ แม้จะไม่มีกฎหมายห้ามต่างชาติแสดงสัญลักษณ์แต่ก็สามารถวินิจฉัยได้ว่าพฤติกรรมเช่นนี้เป็นภัยต่อความมั่นคง ของประเทศ เป็นภัยต่อความสงบสุขของประชาชนโดยรวมเพราะมันก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตร ทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างคนไทยและคนกัมพูชา ก็สามารภใช้ พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง ปี 2522 เนรเทศออกไปได้ หรือกรณีของหลานสาวของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ที่มาชี้หน้าด่าทหารไทย หากเราตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำภายใต้การจัดการของทางการกัมพูชา ประเทศไทยก็สามารถนำเรื่องนี้ไปร้องต่อนานาชาติได้ว่ากัมพูชาอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุเพื่อนำไปสู่การปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาเพราะต้องการนำเรื่องนี้ไปสู่เวทีโลก ” รศ.ดร.ปณิธาน ระบุ

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ด้าน พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ชี้ว่า แนวทางที่จะแก้เกมกัมพูชานั้นมี 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่

1. การดำเนินการของทหารในพื้นที่ ทหารไทยต้องสื่อสารระหว่างทหารและประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงซึ่งจะ
เข้าทางกัมพูชา ที่สำคัญเวลาเกิดเหตุการณ์ต่างๆทหารไทยอย่าเพียงแค่แถลงให้สื่อในประเทศรับทราบเท่านั้น แต่ต้องเก็บข้อมูลต่างๆเพื่อเป็นหลักฐานว่ากัมพูชาเข้ามาหาเรื่องและรุกรานไทยก่อนและส่งข้อมูลตรงไปยังสื่อต่างประเทศด้วย อาทิ บางกอกโพสต์ เนชั่นภาคภาษาอังกฤษ รอยเตอร์ เอเอฟพี รวมถึงสื่อต่างประเทศที่นำเสนอข่าวในลักษณะบทวิเคราะห์ เช่น อัลจาซีรา สำนักข่าวบีบีซี นอกจากนั้นก็ต้องส่งข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เกิดจากกัมพูชา เช่น สแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้แก่บรรดาสำนักข่าวต่างประเทศด้วย

2. การดำเนินการของรัฐบาลไทย ต้องปฏิบัติการข่าวสารเพื่อให้นานาประเทศเห็นว่ากัมพูชารุกรานไทย รวมทั้งทำ
ให้กัมพูชาเห็นว่าความพยายามของกัมพูชาไม่มีทางสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการยั่วยุให้เกิดการปะทะกันหรือความพยายามที่จะนำไทยขึ้นสู่ศาลโลก เพื่อให้กัมพูชาเลิกรุกรานไทย

3. การดำเนินการของทีมไทยแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ ทหาร ฝ่ายความมั่นคง
ต้องมีการหารือกันและทำงานอย่างมีเอกภาพ โดยทีมไทยแลนด์มีภารกิจหลักที่ต้องทำคือ

1) ทำให้นานาชาติเห็นว่าปราสาทต่างๆที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์นั้นล้วนเป็นของไทย เช่น แสดงหลักฐานว่าปราสาทตาเมือนธมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของไทยตั้งแต่ปี 2478 ก่อนที่กัมพูชาจะได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสด้วยซ้ำ ซึ่งทางฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชาก็ไม่เคยคัดค้านแต่อย่างใด หรือการที่กัมพูชาสละสิทธิ์การประชุมเจบีซีซึ่งจะมีการหารือข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ก็แสดงว่ากัมพูชาปฏิเสธที่จะปักปันเขตแดน และปฏิเสธการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของพื้นที่บริเวณปราสาท ซึ่งชี้ให้เห็นว่าปราสาทที่เป็นข้อพิพาทนั้นเป็นของไทย

2) เจรจาล็อบบี้ให้ 5 ประเทศผู้มีอิทธิพล อันได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา ให้การสนับสนุนประเทศไทยในกรณีที่เกิดข้อพิพาทกับกัมพูชา ขณะเดียวกันสหรัฐฯนั้นเล่นงานกัมพูชากรณีฟอกเงินอยู่แล้ว ไทยก็สามารถประสานความร่วมมือกับสหรัฐในเรื่องนี้เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯจะให้การสนับสนุนไทย ขณะที่จีนนั้นกำลังดำเนินนโยบายปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งทางกัมพูชาก็เพิ่งประกาศเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทางไทยก็สามารถร่วมมือกับจีนและกัมพูชาในเรื่องนี้ ซึ่งจะทำให้จีนไม่กล้าสนับสนุนกัมพูชาแม้จะมีความสนิทสนมกัน และมีโอกาสที่จะหันมาสนับสนุนไทย

“ รัฐบาลไทยไม่เคยพูดเลยว่ากัมพูชารุกรานไทย แค่พูดว่าไทยต้องรักษาอธิปไตย แล้วก็ปล่อยให้กัมพูชาพูดอยู่ฝ่าย
เดียวว่าไทยรักรานกัมพูชา ซึ่งสาเหตุที่รัฐบาลไทยไม่กล้าพูดคงเพราะระดับผู้นำประเทศยังเกรงใจกัน ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาคือรัฐบาลชุดนี้ควรลาออกเสีย แล้วเอาใครก็ได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร ไม่กลัวฮุน เซน แบล็กเมล์ มาเป็นรัฐบาลแทน มันถึงจะจบ ไม่งั้นไทยก็เป็นเบี้ยล่างกัมพูชาอยู่นร่ำไป อย่างไรก็ดีประชาชนต้องพยายามส่งเสียงเพื่อกดดันไม่ให้รัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองไปแสดงตนต่อศาลโลก หรือแม้แต่หากศาลโลกมีหนังสือมายังรัฐบาลไทย รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องหนังสือตอบ แม้ว่าจะเป็นการตอบปฏิเสธก็ตาม เพราะจะทำให้บางฝ่ายเอาไปอ้างได้ว่าไทยยอมรับอำนาจศาลโลก สิ่งเดียวที่รัฐบาลต้องทำคือแสดงท่าทีเพิกเฉยต่อศาลโลกเท่านั้น ” พล.ท.พงศกร ระบุ

พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2
ขณะที่ พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มองว่า กรณีที่เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างคนไทยและคนกัมพูชาที่เข้ามาเยี่ยมชมปราสาทต่างๆของไทยนั้น ผบ.หน่วยทหารในพื้นที่ทั้งของไทยและกัมพูชาก็ควรจะพูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งขณะนี้ทหารไทยก็เริ่มดำเนินการแล้วโดยมีการคัดกรองนักท่องเที่ยวกัมพูชาที่จะเข้ามาเยี่ยมชมปราสาท หรือหากพบว่ามีคนของประเทศใดก่อเหตุก็ให้เจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นมาควบคุมตัวไป ส่วนทหารที่ดูแลพื้นที่ก็ควรจะใช้ชุดประสานงานเป็นหลัก ไม่ใช้ชุดกองหนุน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างกันได้

ขณะเดียวกันก็ส่งทหารไทยไปเฝ้าช่องทางที่ทหารกัมพูชาจะเข้ามาฝั่งไทยเพื่อสกัดไม่ให้เข้ามา ซึ่งการสกัดนั้นทหารไทยไม่จำเป็นต้องยิงสกัดซึ่งจะเป็นประเด็นให้กัมพูชาเอาไปอ้างได้ว่าทหารไทยยิงก่อน แค่ใช้ก้อนหินขว้างก็สามารถสกัดทหารกัมพูชาได้แล้ว ไม่ใช่ว่าให้ทหารกัมพูชาขึ้นมาลาดตระเวนร่วมซึ่งเป็นการเปิดช่องให้เขาเพิ่มกำลังทหารเข้ามา

“ ที่จริงทหารเขามียุทธวิธีอยู่ กัมพูชามันเล่นใต้ดินกับเรา เราก็เล่นใต้ดินกับมันบ้างสิ ซึ่งผมไม่บอกหรอกว่าต้องทำยังไง เพราะเรื่องนี้ทหารเขารู้อยู่แล้ว ” พล.ท.กนก ระบุ

พล.ท.กนก ยังแนะนำว่า ไทยควรพาสื่อนานาประเทศไปพิสูจน์พื้นที่ว่ากัมพูชาล้ำดินแดนไทย โดยชี้ให้เห็นว่าหากเป็นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 กัมพูชาจะล้ำเข้ามาเกินแนว“สันปันน้ำ” ซึ่งถูกระบุให้เป็นเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ดังนั้นเมื่อเส้นเขตแดนตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ได้อยู่บนแนวสันปันน้ำ แผนที่ดังกล่าวก็ไม่สามารถใช้ได้ อีกทั้งการพาสื่อต่างชาติลงพื้นสำรวจดังกล่าวจะทำให้คนทั่วโลกรู้ว่ากัมพูชาพยายามรุกล้ำเขตแดนไทยอย่างไรบ้าง

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น