ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ชี้ 3 ประเด็นร้อนทางการเมือง ทั้งฮั้ว สว. เรื่องร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 หลัง ครม.มีมติตัดงบ 35,000 ล้านบาท และกรณี ‘ป่วยทิพย์’ จะนำไปสู่การล้างบางนักการเมืองครั้งใหญ่ ‘ทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์’ ก็ไม่รอด สส. สว. ที่เกี่ยวข้องถูกถอดถอน แม้กระทั่ง ‘เสี่ยหนู’ บอกหนูไม่อยู่ แต่หลักฐานยันว่า ‘รับทราบ’ ก็ตายได้ แจงพรรค ปชป.รอดแค่ 4 คน ยอมรับคดีฮั้วสว.หาก 2 นายใหญ่จูบปากกันเพราะผลประโยชน์กาสิโนลงตัว โดย ‘ดีเอสไอ-กกต.’ สรุปผลสอบไม่มีอะไร เตรียมลุยต่อ ยันมีเอกสารฮั้ว สว.ทั้งระบบอยู่ในมือ ขณะที่ชั้น 14 หากศาลฯ ตัดสินส่งกลับเข้าคุก 1 ปี อำนาจต่อรองจะแผ่ว จับตาหากทักษิณดีดลูกคิดมีโอกาสกลับมามีอำนาจจะยุบสภาทันที คาดเลือกตั้งครั้งหน้าซื้อเสียงดุเงินสะพัดกว่า 50,000 ล้านบาทแน่
เรื่องร้อน ๆ ทางการเมืองที่สังคมต้องจับตาเพราะแต่ละเรื่องล้วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะ 3 ประเด็นหลัก ตั้งแต่ ‘ฮั้ว สว.’ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘สว.สายสีน้ำเงิน’ ของครูใหญ่บุรีรัมย์ที่ถูกโยงไปกับพรรคภูมิใจไทย โดย กกต.ผนึกดีเอสไอ เรียก สว.มารับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือก สว. ล็อตแรก 53 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ออกปิดหมายตามบ้านพักของ สว.ดังกล่าวแล้ว
ประเด็นนี้ ทั้ง สว.สายสีน้ำเงินและนักวิเคราะห์ทางการเมืองต่างก็มองว่าเป็นการเอาคืนแบบสุดซอยของ ‘นายใหญ่’ แห่งพรรคเพื่อไทยผ่านรัฐมนตรียุติธรรมที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากหลากหลายประเด็นที่มีการเจรจาไม่ลงตัว โดยเฉพาะเรื่องไม่หนุนกาสิโนที่ลูกชาย ‘เนวิน ชิดชอบ’ เลขาพรรคภูมิใจไทย ฉีกหน้ารัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร
ประเด็นที่สอง กรณีที่ภาคประชาชนนำโดย นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ , นายสมชาย แสวงการ อดีต สว., นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นักเคลื่อนไหว และ ร.ศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้ตรวจสอบการกระทำผิดฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่บัญญัติไว้ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประ จำปี 2568 หลัง ครม.มีมติตัดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่มีการให้ไปกู้ตามมาตรา 28
และให้ชดใช้ดอกเบี้ยพร้อมเงินกู้ ทั้งที่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ห้ามมิให้แตะต้องเงินงบประมาณดังกล่าว โดยขอให้ ป.ป.ช.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในยุค “เศรษฐา ทวีสิน” และ “แพทองธาร ชินวัตร” โดยแถมพ่วงไปยัง สส.- สว.ชุดปัจจุบัน ทำผิดปรับงบ 68 ส่วนใช้หนี้มาแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตแทน
ทั้งนี้หาก ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาถือเป็นเรื่องใหญ่และศึกหนักของรัฐบาล กระทบต่อ ครม.ชุดนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร อาจจะถูกรีเซตยกชุด
ประเด็นที่สาม กรณีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร แม้ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะไม่รับคำร้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ศาลฯดำเนินการไต่สวนฯและออกหมายจับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาขังไว้ตามหมายศาลฯ เนื่องจากนายทักษิณไม่ได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษา และถูกส่งตัวไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ เพราะศาลวินิจฉัยว่านายชาญชัยมิใช่คู่ความ
โดยศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร จึงเห็นควรให้โจทก์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และจำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร) แจ้งต่อศาลว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กับสำเนาคำร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์และนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล โดยนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย. 2568 เวลา 09.30 น.
ทั้ง 3 ประเด็นหากศาลฯ มีคำสั่งออกมาประการใด ย่อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ตัวอย่างเช่น ตามที่ สว.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฯ กรณีที่ รมว.ทวี สอดส่อง มีการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา วันนี้ (14 พ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะที่คุมดีเอสไอและรองประธานกรรมการคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย..
พร้อมให้จับตาดูทีเด็ดของ สว.สีน้ำเงิน ที่กำลังขุดคุ้ยเพื่อเอาผิดอธิบดีดีเอสไอในเร็วๆ นี้เพื่อเป็นการเอาคืนฐานไล่ล่า สว.
อย่างไรก็ดี นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า ได้ศึกษาข้อกฎหมายและแลกเปลี่ยนกับปรมาจารย์ด้านกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปกครองบ้านเมือง เห็นว่าอีกไม่นานโฉมหน้าการเมืองจะเปลี่ยนไปโดยธรรมชาติ นักการเมืองที่ยึดโยงผลประโยชน์ของตัวเองตระกูลต่าง ๆ ในพรรคการเมืองจะถูกล้างบาง จากการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน
“เราจับมือกันเคลื่อนไหวทีละขั้น เมื่อได้ 1 ก็ต่อด้วย 2, 3 ทำแบบไม่ใจร้อน ในที่สุดเรื่องของจริยธรรมนักการเมือง จะเข้ามาช่วยล้างบางนักการเมืองที่คิดแต่โกงบ้านโกงเมืองให้สูญพันธุ์ ถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ ครั้งต่อไปจะใช้เงินกันดุมาก ประเมินกันที่ 5 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างต่ำ เพราะจ่ายแบบเหมาคือ สส.บวกประชาชนในเขต ตกชุดละ 100 ล้าน มี สส.500 คิดดูว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ พอเข้ามาได้ก็โกงไม่จบไม่สิ้น”
ทั้ง 3 ประเด็นที่กำลังร้อนแรงอยู่นั้น ส่งผลกระทบเพราะกลายเป็นคดีอาญา คดีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีถูกตัดสิทธิ์ และอื่น ๆ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมที่พวกเขากระทำขึ้นมาเองทั้งสิ้น จนทำให้บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อการเมือง
สำหรับกรณีการฮั้ว สว.สายสีน้ำเงินนั้น เป็นกระบวนการได้มาของ สว.โดยไม่ชอบ เพราะเมื่อได้มาโดยไม่ชอบก็ยอมไปกระทบกับการแต่งตั้งบุคคลสำคัญ ๆ เพราะ สว.มีอำนาจให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ ทั้ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, คณะกรรมการการเลือกตั้ง, ผู้ตรวจการแผ่นดิน ,คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน , คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
“กระบวนการได้มาไม่ชอบแล้วมีอำนาจ แต่งตั้งองค์กรอิสระ เป็นเรื่องที่อันตรายมาก ไม่ว่าใครจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้เกิดการฮั้ว สว.และได้ สว.ที่มาจากการฮั้วก็ตาม เพราะอำนาจ สว.ไม่ใช่แค่พิจารณาและกลั่นกรองกฎหมาย ตามที่เข้าใจกัน ผมเคยเห็นหลักฐานเหล่านี้ หากดีเอสไอ ทำตามกฎหมายจริง ๆ ผมไม่ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้ง แต่เป็นการทำให้ทุกอย่างถูกต้องถือเป็นเรื่องที่ดี”
นายชาญชัย ย้ำว่า ดีเอสไอ ไปกลั่นแกล้งไม่ได้หรอก เพราะ สว.มีมือมีไม้ มีสมองไว้ต่อกรได้ หากไปกลั่นแกล้งฟ้องเขา ก็จะถูกฟ้องกลับได้ทันที ที่สำคัญ สว.แต่ละคนรู้ตัวดีว่า มีที่ไปที่มาอย่างไร แต่เรื่องนี้คงจะมีผลประโยชน์ซ่อนเงื่อนกันอยู่ เขาโกรธกัน เดี๋ยวก็มาจูบกันได้
“คนทำก็เป็นคนในรัฐบาล ต่างคนต่างรู้ ถ้าฆ่ากันได้ เขาก็ฆ่ากันไปนานแล้ว ที่ชัด ๆ ที่เดือดมากก็เพราะเรื่องผลประโยชน์ตัวเอง เรื่อง entertainment complex รับเงิน ตีตั๋วกันแล้ว จะให้ สว.ค้าน คนที่ไปรับเงินมาแล้ว ก็เจ๊งซิ คนที่คุม สว. บอก ต้องการจะเอาลงพื้นที่ ของผมกับเพื่อนผม อีกใบหนึ่ง ขอโปรเจกต์ได้มั้ย 2 พันล้าน ไอ้นี่บอกไม่ได้ ต้องตีตั๋วเต็ม 2 หมื่น คือใบละหมื่น ก็ทะเลาะกันซิคราวนี้ เพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัว”
ที่สำคัญหากทุกอย่างคุยกันลงตัวได้สิ่งที่ต้องการกันทั้งคู่ ผลสอบของการฮั้ว สว.ก็จะสรุปออกมาแบบไม่มีมูล ทุกอย่างทำมาถูกต้องใครจะมาตรวจสอบการกระทำเหล่านี้
“ถ้าผลสอบออกมาไม่มีมูล ผมมีหลักฐานที่จะจัดการตามหลัง เพราะผมเห็นหลักฐานและเก็บรวบรวมไว้หมดแล้ว เพราะเป็นการฮั้วทั้งระบบ ผมจะเดินต่อศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ต้องโดนถอดถอนแน่ เพราะเป็นเรื่องที่ผิดร้ายแรง ขณะนี้เราต้องดูว่าดีเอสไอ ทำจริงหรือไม่จริง เพราะทั้งทวี สอดส่องและภูมิธรรม เป็นตัวตั้งตัวตี ซึ่งทั้ง 2 คนส่วนตัวไม่เชื่อว่า ที่เขาทำเพราะมองเห็นความยุติธรรม อย่างกรณีชั้น 14 ชัดเจนเป็นการทำลายระบบยุติธรรม ประเทศเสียหายยับเยิน”
ขณะเดียวกันเรื่องการฮั้ว สว.นั้น มีคนเตรียมการไว้แล้ว ซึ่งเป็นคนที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เขาไม่เห็นด้วยกับความไม่ถูกต้องของการเมือง อีกทั้งกระแสคนที่ต้องการมาช่วยให้เกิดความถูกต้องมีจำนวนมากเพราะพวกเขาเห็นนักการเมืองทำประเทศเสียหายมาก
นายชาญชัย ระบุว่าในส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 หลัง ครม.มีมติตัดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่มีการให้ไปกู้ตามมาตรา 28 นั้นมันผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญชัด ๆ ซึ่งรัฐบาลกล้าทำปรับลดงบจำนวนนี้ไปเป็นงบกลาง เพื่อหวังแค่เอาเงินไปแจกในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เติมเงินหมื่นบาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ทุกอย่างมีหลักฐาน อยู่ในเอกสารทั้งหมดใครเกี่ยวข้องบ้าง ประกอบด้วย ครม.ทั้งสองชุดทั้งของนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมถึง สว.และ สส.ด้วย สส.จำนวน 309 คน และสว.173 คน ที่ร่วมโหวตผ่านงบประมาณปี 2568 ในวาระ 2 และวาระ 3 แม้จะถกเถียงกันแต่ไม่ยับยั้งก็ต้องโดนทั้งหมด
“ที่ว่าคุณอนุทินรอด เพราะไม่ได้อยู่ในวันประชุม แต่ในรัฐธรรมนูญ เขียนว่า ถ้าไม่อยู่ในที่ประชุม ถือว่าไม่ผิด แต่ถ้ารับทราบและลงมติตามหลังและไม่ยับยั้ง ตรงนี้ก็เป็นเรื่องในฐานะเป็นสมาชิก อันนี้ก็อีกรอบหนึ่ง ซึ่งผมเห็นหลักฐานที่ได้มา มีรายละเอียดแจ้งคุณอนุทิน ด้วย โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะมีการจัดทำมติ แจ้งไปให้ทราบและยืนยันว่า มติ ครม. ออกมาแบบนี้ จะแจ้งให้รัฐมนตรีทราบทุกคน และ ข้าราชการผู้ใหญ่ ที่จะนั่งหรือไม่นั่งอยู่ในนั้น รับทราบหมด 68 หน่วยงาน”
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะรอดเพียงแค่ 4 คน คือ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และนายสรรเพชญ บุญญามณี ซึ่งได้ออกมาคัดค้านตลอดไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
“รัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุไว้ชัดเจน หาก ครม.รู้ว่ามีการกระทำดังกล่าว แต่ไม่ระงับยับยั้งก็ให้ถอดถอน ครม.ทั้งคณะ และเป็นครั้งแรกที่ให้อำนาจ ป.ป.ช.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอน ครม. สส. และสว. หากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีมูล ถูกตัดสิทธิ์ 10 ปี และเรากำลังดูภาคต่อไปคาดว่าจะยื่น ป.ป.ช.ในเรื่องจริยธรรมเพื่อให้ตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต คือล้างบางกันไปเลย ถ้า ป.ป.ช.ไม่ทำอะไร ก็ระวังโดน 157 แล้วกัน และถ้าไปถึงศาล รธน ออกมา 5:4 ก็คอยดูว่าเราจะทำอย่างไรกับศาลฯ ต่อไป”
ดังนั้นประเด็นนี้จึงเป็นศึกที่ใหญ่หลวงของรัฐบาล และองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องจับตาดูกันว่าจะล้างบางนักการเมืองกันได้จริงๆ หรือไม่
ส่วนกรณีชั้น 14 ‘ป่วยทิพย์’ ของนายทักษิณ ชินวัตร บิดานายกฯ อิ๊งค์นั้น แพทยสภามีมติลงโทษ 3 แพทย์ คดีจริยธรรมที่เกี่ยวกับ "ทักษิณ" พบให้ข้อมูลทางการแพทย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าป่วยวิกฤตถึงขนาดต้องนอนชั้น 14 ถึง 180 วันนั้น นายชาญชัย ระบุว่าการไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ต้องเข้าองค์ประกอบมาตรา 246 ทวิอาญาจะต้องให้ศาลเท่านั้นอนุญาตให้ทุเลาโทษและการอ้างมาตรา 6 ของกฎหมายราชทัณฑ์ ต้องอยู่ภายใต้แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาควบคู่กันในการพิจารณาส่งไปรักษาข้างนอกที่อ้างว่าวิกฤตและโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่มีเครื่องมือรักษาผู้ป่วยวิกฤต และข้อมูลที่ราชทัณฑ์อ้างเมื่อส่งไปแพทยสภา เขาก็สรุปมาแล้วอย่างที่เป็นข่าว
“ทั้งหมดก็ต้องรอศาลตัดสินชี้ขาดในวันที่ 13 มิย. หากศาลเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ต้องกลับเข้าคุกไป 1 ปี และถ้าทักษิณติดคุก 1 ปีอำนาจการต่อรองทางการเมืองที่เคยถือไผ่เหนือกว่าก็อาจจบไปด้วย เวลานี้ภาคประชาชนเกาะติดเพื่อปกป้องความถูกต้อง”
นายชาญชัย บอกอีกว่า ต้องติดตามเรื่องชั้น 14 เพราะอาจมีการชิงยุบสภาก่อน หากนายใหญ่ประเมินจากที่มีการทำโพลส่วนตัว ว่ามีโอกาสกลับมาบริหารประเทศได้อีกครั้ง เม็ดเงินจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการซื้ออำนาจ เขาก็ต้องรีบจัดระบบ คัดเลือกตัวผู้สมัคร แต่ถ้ายุบแล้วเขาเชื่อว่าจะเจอของแข็งอำนาจที่มีอยู่จะหมดไป เขาจะไม่เลือกยุบสภา
“การจะยุบสภา อำนาจอยู่ในมือของลูกเขาคือนายกอิ๊งค์ แต่ก็เสี่ยง ว่า ถ้ายุบไปแล้ว มันไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ก็จะเกิดการแปรผันทางการเมือง เพราะช่วงที่ยุบหากต้องกลับเข้าไปอยู่ในคุก และลูกสาวเจอศาลตัดสิทธิ์ทางการเมือง จะป่วนควบคุมไม่ได้ทันที”
อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าเงินสะพัดแน่ ซื้อเสียงกันดุ จะเป็นแบบเหมาคือค่าตัว สส.บวกที่ต้องจ่ายประชาชน หมายความว่า สส. 1 คนน่าจะใช้ถึง 100 ล้าน รวมแล้วใช้เงินไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท จะส่งผลเสียต่อประเทศเพราะเมื่อใช้เงินซื้อเสียงก็ต้องเข้ามาถอนทุนกันเป็นวงจรอุบาทว์ไม่จบไม่สิ้น
ทั้งนี้โดยส่วนตัวนายชาญชัย เชื่อว่าการเมืองกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติ เพื่อนำไปสู่ความดีความงามความถูกต้อง นำไปสู่ความเจริญที่แท้จริง หากจะถามว่าสถานการณ์ต่างๆ จะนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ ในทางส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ แต่มั่นใจกำลังจะเกิดสิ่งดี ๆ กับบ้านเมือง!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j