xs
xsm
sm
md
lg

หวั่น! “สรรพากร”เปิดช่อง ใช้ตั๋ว P/N เลี่ยงภาษี-จ่ายใต้โต๊ะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทัวร์ลง “ปิ่นสาย สุรัสวดี”อธิบดีกรมสรรพากร หลังแจงกรณี“นายกฯอุ๊งอิ๊ง” ซื้อหุ้นด้วย ตั๋ว P/N “ธีระชัย” กังขา เหตุใดอธิบดีฯไม่ตรวจสอบว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ ทั้งที่พบพิรุธหลายประการ อีกทั้ง“ตระกูลชิน”มีประวัติซุกหุ้น-เลี่ยงภาษี ขณะที่สังคมหวั่นเกิดความเอนเอียง เหตุ“ปลอดประสพ”ผู้เป็นพ่อ มีตำแหน่งในพรรคเพื่อไทย ด้าน “รศ.ดร.เจษฎ์” ชี้ อาจเป็นการเปิดช่องให้เกิดการ“เลี่ยงภาษี” และใช้ตั๋ว P/N จ่ายใต้โต๊ะ

เกิดคำถามตามมาไม่น้อยทีเดียว เมื่อ“นายปิ่นสาย สุรัสวดี”อธิบดีกรมสรรพากร ออกมาชี้แจงว่ากรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซื้อหุ้นจากเครือญาติโดยจ่ายค่าหุ้นเป็นตั๋ว P/N ยังไม่เข้าเกณฑ์ที่ผู้ขายจะต้องเสียภาษี เนื่องจากยังไม่มีการชำระเป็นเงินสด ทั้งที่การซื้อขายหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นมานานกว่า 9 ปีแล้ว โดยหุ้นส่วนหนึ่ง น.ส.แพทองธารรับโอนมา เมื่อปี 2559 หรือประมาณ 9 ปี ที่ผ่านมา และอีกส่วนหนึ่งรับโอนเมื่อปี 2566 ทำให้สังคมมองว่านี่เป็นเปิดช่องให้เกิดการ“เลี่ยงภาษี”หรือไม่

ที่สำคัญสังคมยังพุ่งเป้าไปที่การปฏิบัติหน้าที่ของ นายปิ่นสาย ในฐานะอธิบดีกรมสรรพากร ว่าเป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่นายกฯแพทองธาร หรือไม่ อย่างไร ?

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่ของ“นายปิ่นสาย สุรัสวดี” ว่า ในขณะที่สังคมไทยตั้งคำถามเกี่ยวกับจริยธรรมของนายกฯแพทองธารว่ามีความครบถ้วนในเจตนาที่จะเสียภาษีหรือไม่ ไม่น่าเชื่อว่าอธิบดีสรรพากร ผู้เป็นลูกหม้อของกรมฯจะรีบร้อนออกมาการันตี ทำนองว่าเป็นธุรกรรมปกติ กรณีของนายกฯแพทองธารนั้น มีข้อถกเถียงกันว่า นายกฯได้สำแดงยื่นภาษี อันเป็นการแสดงรูปแบบ (form) ว่าเป็นการซื้อหุ้น แต่แท้ที่จริงเป็นนิติกรรมอำพรางความจริง (substance) จากที่นายกฯ ได้รับหุ้นฟรีโดยเสน่หาหรือไม่? ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนโยบายภาษี อาจจะดูเพียงผิวเผิน ตามรูปแบบที่แสดงอยู่ต่อหน้า อันอาจเป็นการหลงกลไปตามที่ผู้ทำนิติกรรมอำพรางต้องการให้คิด แต่ผู้ที่มีประสบการณ์และทำหน้าที่ดูแลปกป้องผลประโยชน์ของชาติ จะต้องไม่ดูเพียงผิวเผิน แต่จะต้องตั้งข้อสงสัยเพื่อเจาะลึกเข้าไปถึงความจริง

“ ผมขอย้ำว่า สังคมกำลังถามหามาตรฐานจริยธรรมของนายกฯ และการพิจารณาของกรมสรรพากร จะเป็น jigsaw สำคัญในมหากาพย์การโอนทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน ซึ่งผู้ที่มีเอกสิทธิ์จะตัดสินว่าธุรกรรมเหล่านี้เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ คือกรมสรรพากร แต่มาถึงวันนี้ เมื่อได้ฟังอธิบดีแถลงข่าว ทำให้ผมขาดความเชื่อมั่นในการทำงานของกรมสรรพากรอย่างมาก
ผมจึงย้ำว่า สังคมจะยอมรับการตัดสินของกรมสรรพากรก็ต่อเมื่อกรมฯแสดงได้ว่าได้มีการทำงานที่รอบคอบ ครบถ้วนแล้วเท่านั้น ต้องไม่ให้ประชาชนระแวงสงสัยว่ามีขบวนการทำตาพร่ามัว ทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่ตำตาอยู่ข้างหน้า หรือไม่? ” นายธีระชัย ระบุ


ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่านายปิ่นสายเป็นบุตรชายคนโตของ “นายปลอดประสพ สุรัสวดี” ซึ่งมีความผูกพันกับพรรคเพื่อไทยมายาวนาน โดยนายปลอดประสพเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในสมัยรัฐบาล“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เคยดํารงตําเเหน่งสำคัญภายในพรรคเพื่อไทย อาทิ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค อีกทั้งเคยได้รับความไว้วางใจให้ขึ้น“รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย”อยู่ 10 วัน โดยปัจจุบันนายปลอดประสพดํารงตําเเหน่งที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งจากสายสัมพันธ์ดังกล่าวทำให้สังคมอดตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่อธิบดีกรมสรรพากรของนายปิ่นสายผู้เป็นบุตรชายไม่ได้ว่าอาจจะมีความเอนเอียงหรือให้การช่วยเหลือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือไม่อย่างไร


นายธีระชัย กล่าวต่อว่า มีข้อมูลบ่งชี้หลายอย่างที่คนระดับอธิบดีสรรพากรจะต้องตั้งข้อสงสัย ฉุกคิด และตรวจสอบไว้ก่อนว่าการซื้อหุ้นด้วยตั๋ว P/N ของนายกแพทองธารนั้นเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ โดยประเด็นที่อธิบดีกรมสรรพากรควรพิจารณา มีดังนี้ คือ

1. เคยมีคำพิพากษาเกี่ยวกับตั๋ว P/N ที่ใช้เป็นเครื่องมือนิติกรรมอำพราง หรือไม่? ซึ่งตามประวัติ นายปิ่นสาย อธิบดีกรมสรรพากรมีประสบการณ์ด้านภาษี และมีความรู้ด้านธุรกิจ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคยรับรู้ว่าศาลฎีกาฯ ซึ่งพิจารณาคดียึดทรัพย์ เคยวินิจฉัยว่ามีการใช้ 'ตั๋วเงิน' อำพรางโอนหุ้นระดับหมื่นล้านมาแล้ว ดังนั้นการที่อธิบดีไม่ตั้งข้อสงสัยกรณีตั๋ว P/N ของนายกฯแพทองาร จึงเป็นเรื่องที่แปลก

2. บุคคลในครอบครัวของนายกฯแพทองธารเคยมีประวัติในทำนองทำนิติกรรมอำพราง หรือไม่? ซึ่งเรื่องนี้อธิบดีกรมสรรพากรสามารถหาข้อมูลได้ไม่ยาก เพราะในประวัติศาสตร์ไทย ศาลฎีกาฯ วินิจฉัยคดีเกี่ยวกับตั๋ว PN เพื่อนิติกรรมอำพราง เกี่ยวข้องกับหุ้นระดับหมื่นล้านบาท มีน้อยคดี การที่อธิบดีดูเสมือนทำตัวไม่รับรู้เรื่องคดีนี้จึงเป็นเรื่องที่แปลก

3. เป็นการโอนหุ้นระหว่างบุคคลที่เข้าข่ายน่าสงสัย หรือไม่? อธิบดีที่มีประสบการณ์สูงน่าจะตระหนักว่าการโอนหุ้นระหว่างบุคคลในครอบครัวและเครือญาติที่มีความใกล้ชิด สามารถจะทำให้รูปแบบทางกฎหมายบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงได้ง่าย เป็นการเลี่ยงภาษีมรดกหรือเปล่า การที่อธิบดีดูเสมือนไม่รับรู้เรื่องความใกล้ชิดของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่แปลก

4. เป็นการโอนหุ้นที่มูลค่าสูงจนคุ้มค่าที่จะหนีภาษี หรือไม่ ? เพราะต้องไม่ลืมว่า มูลค่าหุ้นที่แลกเปลี่ยนกันในกรณีนี้ สูงถึง 4.4 พันล้านบาท และถ้าเสียภาษีรับให้ก็จะเป็นเงินกว่า 220 ล้านบาท จึงคุ้มค่าที่จะหนีภาษี จึงน่าแปลกที่อธิบดีฯไม่มีการตรวจสอบเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดผลเสียหายต่อรัฐและประชาชน

5. ฐานะของนายกฯแพทองธารในวันที่ได้รับหุ้น มีความขัดสนเงินทองจนไม่สามารถชำระเงินได้ทันที ต้องชำระเป็นตั๋ว P/N หรือไม่ โดยเรื่องนี้กรมสรรพากรสามารถสั่งให้นายกแสดงฐานะการเงินย้อนหลังได้

6. พี่น้องและญาติสนิทที่โอนหุ้น ซึ่งสำแดงว่าเป็นการขายนั้น ได้หุ้นมาอย่างไร โดยกรมสรรพากรสามารถสั่งให้ผู้โอนขายหุ้น แสดงที่มาของการได้หุ้นเหล่านี้ได้ เพื่อค้นหาว่าใครเป็นผู้โอนหุ้นให้แก่บุคคลเหล่านี้ และบุคคลเหล่านี้มีการชำระเงินค่าหุ้นหรือไม่ หรือได้หุ้นฟรีจากการซุกหุ้น หรือมีต้นทุนหุ้นเท่าไหร่ และถ้ามีหลักฐานปรากฏว่ามีลักษณะเป็นการซุกหุ้น กรมสรรพากรก็มีหน้าที่ต้องส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบ

7. การที่นายกฯแพทองธารระบุว่าจะมีการชำระตั๋ว PN ในปีหน้านั้น เกิดจากจนมุมในการอภิปรายหรือไม่? และการที่อธิบดีสรรพากรแถลงข่าวสอดรับกับนายกฯ ว่าจะมีการชำระเงินตามตั๋วในปีหน้า โดยไม่ตั้งคำถามก่อนว่าเหตุใดผ่านมา 9 ปี ไม่มีการชำระเงิน จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติ

8. เหตุใดตลอด 9 ปีที่ผ่านมา น.ส.แพทองธารซึ่งมีฐานะที่สามารถชำระดอกเบี้ยตั๋ว P/N ได้ แต่เจ้าหนี้ก็ไม่ใส่ใจเรียกให้ชำระดอกเบี้ย ทั้งที่ถือเป็นประโยชน์พึงได้ของเจ้าหนี้ และเป็นรายได้ที่พึงเสียภาษี ดังนั้นกรมสรรพากรจึงต้องตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าการไม่ชำระดอกเบี้ยดังกล่าวอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการนิติกรรมอำพราง

รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
ขณะที่ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ให้ความเห็นว่า กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบกรณีการซื้อหุ้นโดยจ่ายเป็น ตั๋ว P/N แต่ยังไม่มีการชำระเงิน ของ น.ส.แพทองธาร ว่ามีเจตนาเลี่ยงภาษีหรือไม่ โดยดำเนินการดังนี้

1. ต้องดูว่าการที่นายกฯแพทองธารระบุว่าเป็นการซื้อขายหุ้นนั้น ในข้อเท็จจริงเป็นการซื้อขายหุ้นกันจริงหรือเปล่า หรือเป็นการยกหุ้นให้เฉยๆ กรมสรรพากรก็ต้องไปตรวจสอบว่าเป็นการซื้อขายเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือเปล่า ถ้าเป็นการซื้อขายเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อผู้ขายโอนหุ้นให้ผู้ซื้อ ทางผู้ซื้อก็ต้องให้สิ่งตอบแทนแก่ผู้ขาย ซึ่งการที่ น.ส.แพทองธาร บอกว่าจ่ายค่าหุ้นเป็นตั๋ว P/N ก็ต้องไปตรวจสอบรายละเอียดในตั๋ว P/N ดังกล่าว

2. ต้องถามว่าเหตุใดถึงจ่ายเป็นตั๋ว P/N น.ส.แพทองธารไม่มีเงินสดที่จะจ่ายค่าหุ้นหรือ หรือว่ามีความจำเป็นอื่นใด ถ้าบอกว่าตอนนั้นเป็นผู้เยาว์และยังไม่รู้เรื่อง ถามว่าแล้วปัจจุบันล่ะเหตุใดยังไม่มีการจ่ายเงิน การที่ น.ส.แพทองธารบอกว่าใครๆก็ทำแบบนี้ สรรพากรก็ต้องไปสำรวจดูว่าคนทั่วไปใช้วิธีจ่ายค่าหุ้นเป็นตั๋ว P/N จริงหรือไม่

3. ต้องไปดูว่าผลลัพธ์ของการซื้อขายหุ้นด้วยตั๋ว P/N คืออะไร เท่าที่เห็นยังไม่มีการจ่ายชำระเงินสด และยังไม่มีการเสียภาษีเลย ทั้งที่มีการโอนหุ้นตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ ถามว่าแล้วจะเสียภาษีเมื่อไหร่ ถ้าผู้ซื้อและผู้ขายเสียชีวิตไป หุ้นตกเป็นของใคร ถ้าตกเป็นของทายาทผู้ซื้อ ถามว่าทายาทของผู้ซื้อยังต้องชำระเงินให้แก่ทายาทของผู้ขายอยู่หรือไม่ และมีเรื่องอายุความในการติดตามทวงถามหรือฟ้องร้องกันหรือเปล่า ถ้าปล่อยให้ขาดอายุความไปเฉยๆก็อาจเป็นช่องให้มีการซื้อขายหุ้นด้วยตั๋ว P/N เพื่อตบตาว่าเป็นการซื้อขาย ทั้งที่จริงๆเป็นการยกหุ้นให้เฉยๆ

“ ถ้าปกติคนทั่วไปซื้อขายหุ้นด้วยตั๋ว P/N โดยไม่มีการจ่ายเงินกันเลย ไม่มีรายได้เกิดขึ้นเลย สรรพาการจะเก็บภาษีใครไม่ได้เลยนะ นี่ยังไม่ได้มองในมุมว่าเขาขายหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาพาร์ หรือถ้าขายแล้วไม่ได้กำไร ก็ไม่เสียภาษีเหมือนกันนะ และถ้าเจตนาจริงๆในการโอนหุ้นให้คุณแพทองธารเป็นการให้ เหตุใดจึงทำเป็นซื้อขาย เอารูปแบบการซื้อขายมาอำพรางการให้โดยใช้ตั๋ว P/N เป็นเครื่องมือหรือเปล่า ซึ่งผลลัพธ์ก็คือไม่ต้องเสียภาษี คือถ้าเป็นการขายหุ้น ฝั่งคนขายต้องเสียภาษี แต่หากเป็นการยกหุ้นให้เฉยๆ ฝั่งคนรับหุ้นต้องเสียภาษี แต่ถ้าเป็นการรับโอนหุ้นโดยจ่ายเป็น ตั๋ว P/N และไม่มีการชำระเงินสดเลย ก็ไม่มีใครต้องเสียภาษี ถามว่าแบบนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือเปล่า คนที่ใช้ช่องโหว่นี้ในการเลี่ยงภาษีก็ต้องถูกตั้งคำถามถึงความซื่อสัตย์สุจริตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว

นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร
ส่วนที่อธิบดีกรมสรรพากรออกมาชี้แจงว่ากรณีการซื้อหุ้นด้วยตั๋ว P/N แต่ยังไม่มีการชำระเงินของนายกฯแพทองธารไม่มีความผิดนั้น “รศ.ดร.เจษฎ์” มองว่า เรื่องนี้ประชาชนทั่วไปคงต้องถามอธิบดีกรมสรรพากรว่าใช่หน้าที่ของอธิบดีฯหรือไม่ แล้วคนอื่นๆที่มีปัญหาในการจ่ายภาษีอธิบดีฯออกมาชี้แจงให้เขาหรือเปล่า อย่าบอกว่าเป็นการชี้แจงเพราะ น.ส.แพทองธารมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งไม่เกี่ยวกับการบริหารบ้านเมือง

“ ถ้าสิ่งที่อธิบดีกรมสรรพากรชี้แจงมันไม่ใช่ อธิบดีฯพร้อมที่จะรับความผิดทางอาญาตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเปล่า ก็มีข้อสงสัยว่าทำไมอธิบดีต้องออกมาแก้ต่างแทนนายกฯ แล้วถ้าคุณแพทองธารบอกว่าใครๆเขาก็ทำกัน ทำไมอธิบดีไม่แก้ต่างให้คนอื่นๆด้วย คุณเป็นข้าราชการ คุณทำงานให้ใคร เหตุใดจึงรีบชี้แจงโดยไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดและข้อเท็จจริงก่อน คุณเห็นตัวอย่างข้าราชการที่ออกรับแทนนักการเมืองในกรณีรับจำนำข้าวหรือไม่ว่าผลสุดท้ายเป็นอย่างไร ติดคุกติดตารางกันไปเท่าไหร่ มันอาจเป็นแค่การแก้ต่าง แต่หนักกว่านั้นอาจจะกลายเป็นรับสมอ้าง หนักกว่านั้นอาจจะกลายเป็นสมรู้ร่วมคิด หนักกว่านั้นอาจเป็นดำเนินการให้ ถามว่าคุณจะรับผิดระดับไหนล่ะ” รศ.ดร.เจษฎ์ ตั้งคำถามไว้อย่างน่าสนใจ

รศ.ดร.เจษฎ์ ยังแสดงความวิตก ว่า หากพื้นฐานความคิดในการเสียภาษีของคนในชาติคือการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการหลีกเลี่ยงภาษี ต่อไปอาจไม่ใช่แค่ไม่มีใครเสียภาษีมรดก การให้รวมถึงการซื้อขายทรัพย์สินทุกรูปแบบก็สามารถใช้ตั๋ว P/N เป็นเครื่องมือในการเลี่ยงภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทรัพย์สินกันในหมู่ญาติพี่น้อง คู่สมรส คู่ค้า แม้แต่การซื้อเสียง คอร์รัปชั่น ให้เงินใต้โต๊ะ โดยอาจจะอ้างว่ามีการซื้อขายหุ้น ที่ดิน รถยนต์ อัญมณี หรือพระเครื่อง โดยจ่ายเป็นตั๋ว P/N ก็สามารถทำได้หมด

“ นายกฯแพทองธารบอกว่าใครๆเขาก็ทำกัน ถามว่าถ้าทุกคนพากันทำแบบนี้ บ้านเมืองเราจะอยู่กันยังไง ? ” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว


ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น