xs
xsm
sm
md
lg

“พระ-ฆราวาส” ศีลเสมอกันจ้างสอบ-หวังลาภยศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ถึงยุคพระจ้างคนอื่นสอบเปรียญธรรม 5 ประโยคแทน ถูกจับได้คาสนามสอบ ถูกเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ปลดจากเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบล สะท้อนต้องการลาภยศเงินทอง ไม่ต่างไปจากนักการเมืองที่เคยจ้างคนอื่นสอบแทน วัดสามพระยาเตือนอย่าคิดท้าทายกับระบบการสอบของสนามสอบส่วนกลาง นักวิชาการชี้วุฒิพระเป็นใบเบิกทางเติบใหญ่ แต่สายสัมพันธ์สำคัญที่สุด

ถือว่าเป็นเรื่องที่พูดถึงกันไม่น้อยสำหรับกรณีสนามสอบเปรียญธรรม 5 สำหรับสนามการศึกษาของพระสงฆ์ไทย ที่กรรมการคุมสอบพบว่าผู้สอบกับผู้สมัครสอบเป็นคนละบุคคลกัน เรียกง่ายๆ ว่าจ้างบุคคลอื่นมาสอบแทน

ส่งผลให้วันที่ 2 มีนาคม 2568 พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ออกคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ที่ 02/2568 เรื่องปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ (ศิวภัช ภทฺรญาโณ, ปธ 4 ศศบ.) จากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าดงงิ้ว และเจ้าคณะตำบลมะขุนหวาน อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่

ด้วยปรากฏว่าพระครูภัทรญาณวิโรจน์ (ศิวภัช ภทฺรญาโณ, ปธ 4 ศศบ.) อายุ 35 พรรษา 15 เจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลมะขุนหวาน ได้กระทำการอันเป็นความผิดร้ายแรง และเป็นเหตุเสื่อมเสียแก่พุทธศาสนา ด้วยการว่าจ้างให้พระภิกษุรูปอื่น เข้าสอบบาลีสนามหลวง ประโยค ป.ธ.5 แทนตน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ และประกาศของมหาเถรสมาคม อีกทั้งยังเป็นการทุจริตในการสอบบาลีสนามหลวง อันเป็นกิจการสำคัญของสงฆ์

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 และข้อ 33 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงมีคำสั่งให้ปลดพระครูภัทรญาณวิโรจน์ จากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดงป่างิ้ว และตำแหน่งเจ้าคณะตำบลมะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 2 มีนาคม 2568 ลงนามโดย พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่

การสอบบาลีดังกล่าว เกิดขึ้นที่สนามสอบหลวงวัดสามพระยาวรวิหาร (วัดบางขุนพรหม) เขตพระนคร กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ.2568 เป็นสนามสอบใหญ่ที่มีความเข้มงวดมากจนถูกคณะกรรมการสงฆ์ที่คุมสอบจับได้คาสนามสอบ

ด้านเพจ "ไพรวัลย์ วรรณบุตร" หรือ “แพรรี่” ได้ออกมาพูดถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อความว่า “เรื่องจ้างสอบบาลีมันมีมานานแล้วค่ะ ต่างจังหวัดก็ทุจริตกันฉ่ำ ข่มขู่พระอนุจรที่เอาข้อสอบไปเปิดก็มี พวกนี้เป็นพวกที่อยากได้ยศได้ศักดิ์เฉยๆ ไม่ได้สนใจเรื่องความรู้อะไร สรุปคือโง่ แต่อยากได้อยากมีอย่างเขา จบ”


สนามสอบวัดสามพระยา

โดยเพจของวัดสามพระยาได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า วัดสามพระยา เป็นสนามสอบบาลีสนามหลวงชั้นเปรียญเอก ประโยค ป.ธ.๗-๘-๙ และบาลีศึกษา จากทั่วประเทศ แม้พระภิกษุรูปใดอยู่ต่างประเทศ ถ้าจะสอบบาลีสนามหลวงในชั้นเปรียญเอกดังกล่าวจะต้องบินกลับมาสอบที่สนามสอบวัดสามพระยา รวมถึงเป็นสนามสอบบาลีประโยค ป.ธ.๕ ของสำนักเรียนบางแห่ง ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และของบาลีศึกษา ๕ จากทั่วประเทศ โดยอนุมัติแม่กองบาลีสนามหลวง

วัดสามพระยา ภายใต้การบริหารของพระเดชพระคุณพระพรหมดิลก กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสและเจ้าสำนักเรียนวัดสามพระยา ในฐานะประธานสนามสอบส่วนกลางสนามใหญ่ มุ่งเน้นความสำคัญในการรักษาความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ในเรื่องการสอบ และได้มอบนโยบายให้คณะกรรมการผู้ปฏิบัติงานทุกรูปเข้มงวด กวดขัน ไม่ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตใดๆ ขึ้น

จากกรณีการทุจริตจ้างสอบนี้ วัดสามพระยาขอเตือนไปยังผู้ที่กำลังทำหรือคิดจะทำว่า "อย่า" โปรดเห็นแก่พระศาสนา โปรดเห็นแก่พระอุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์ของท่าน โปรดเห็นแก่คณะสงฆ์ส่วนรวม

และคำเตือนสุดท้ายที่จะขอฝากถึงทุกท่านที่กำลังจะเข้าสอบพระบาลี ก็คือ “อย่าคิดท้าทายกับระบบการสอบของสนามสอบส่วนกลาง” เตือนแล้วนะ


หวังลาภ-ยศ
แหล่งข่าวจากวงการพุทธศาสนามกล่าวว่า     สนามสอบที่วัดสามพระยาถือว่าเป็นสนามสอบใหญ่สำหรับเปรียญธรรมในลำดับสูงๆ

การสอบเปรียญธรรมในระดับต้น 1-4 ส่วนใหญ่มักจะสอบกันตามต่างจังหวัด พระหรือเณรผู้สอบ ผู้คุมสอบก็คุ้นหน้าค่าตากันทั้งนั้น บางท่านก็เป็นเพื่อนกัน บางทีข้อสอบก็หลุด ดังนั้นจะพูดกันเสมอว่าระดับนี้หละหลวม

รอบนี้ ปธ.5 ที่ถูกจับได้ว่าส่งพระรูปอื่นมาสอบแทนนั้นต้องมาสอบในกรุงเทพฯ ที่วัดสามพระยา นี่ถือว่าเป็นการทุจริตในสายพระสงฆ์ที่ชัดเจนที่สุด การจ้างคนอื่นมาสอบแทนสะท้อนให้เห็นว่าผู้ว่าจ้างมีเป้าหมายบางประการในเส้นทางของพระภิกษุสงฆ์ ปธ.5 คือวุฒิการศึกษาของพระ ย่อมมีผลต่อการพิจารณาตำแหน่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต

ยกตัวอย่างถ้าได้รับตำแหน่งในทางปกครอง ระหว่างพระที่มีวุฒิกับไม่มีวุฒิ แต้มต่อจะไปอยู่กับคนมีวุฒิทันที เพียงแต่ไม่มีใครมาตรวจว่าวุฒิที่ได้มานั้นมาด้วยวิธีใด

นั่นหมายถึงทรัพย์สินเงินทองที่ตามเข้ามาในอนาคต พูดง่ายๆ คือพระเหล่านี้หวังแค่ลาภ ยศ สักการะ ไม่ได้มุ่งมั่นดำเนินรอยตามวิธีทางที่ควรเป็น

นักการเมืองส่งคนสอบแทน

สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ต่างกับโลกมนุษย์ ก่อนหน้านี้มีนักการเมืองจ้างคนอื่นมาสอบแทนเช่นกัน อย่างกรณีของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่ให้บุคคลอื่นไปสอบภาษาอังกฤษในระดับปริญญาเอกแทน จนพรรคพลังประชารัฐมีมติเอกฉันท์เมื่อ 2 พฤษภาคม 2564 ปลดนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม และผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจากหน้าที่ทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ และสุดท้ายห้ามไม่ให้นายสามารถใช้ตราเครื่องหมายของพรรคพลังประชารัฐ เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากพรรค

ทั้งนี้ เหตุเกิดจากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เคยทำการทุจริตโดยการส่งลูกน้องของตัวเองไปเข้าเรียนและสอบหลักสูตรภาษาอังกฤษระดับปริญญาเอกแทนตัวเอง เป็นผลให้ถูกตัดสิทธิจากวิชาเรียนดังกล่าว

จากนั้นนายสามารถกลับเข้ามามีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง “ผมต้องขอขอบคุณท่านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตั้งให้ผมเป็นโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป

จนมาถึงคดีของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ที่มีชื่อนายสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องจนมีการออกหมายจับข้อหาว่าร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินและถูกควบคุมตัว

“ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นบนทางโลกกับทางธรรมเริ่มจะไปในทางเดียวกัน ฆราวาสจ้างคนอื่นสอบแทน โลกของสงฆ์ก็มีเช่นกัน แล้วมันต่างกันตรงไหนระหว่างคนถือศีลกับคนธรรมดา พระถือศีล 227 ข้อ ต้องสร้างศรัทธาให้คนกราบไหว้แล้วมาประพฤติตัวเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่น่าห่วงสำหรับวงการพระสงฆ์ไทย”


แล้วแต่บุคคล

พระสงฆ์ถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีเรื่องของ โลภ โกรธ หลงอยู่ในใจ พระดีๆ ก็มีมากมาย แต่พระที่มุ่งไปในทางแสวงหาลาภยศ ชื่อเสียงเงินทองก็มีเช่นกัน วุฒิการศึกษาก็ส่วนหนึ่งที่มีผลต่อตำแหน่งในอนาคต และอีกส่วนที่จะทำให้พระภิกษุเติบโตขึ้นได้อีกคือสมณศักดิ์ ตามลำดับชั้น

แหล่งข่าวกล่าวว่า การเติบโตในสายพระมีด้วยการหลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับว่าจะพอใจในระดับใด บางรูปได้เปรียบธรรม 4 ก็พอ ขอให้อยู่ในวัดอารามหลวง เพื่อจะได้มีกิจนิมนต์บ่อยๆ บางรูปก็พยายามเข้าหาพระผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่ง เผื่อมีโอกาสได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรม หรือเป็นเลขาพระผู้ใหญ่ก็มีเงินเดือนตามมาอีก

แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีสูตรตายตัว บางรูปวุฒิทางพระไม่ได้สูง แต่ได้รับตำแหน่งสูงก็มี ทั้งหมดอยู่ที่บารมี ที่ผ่านมาพระผู้ใหญ่ของเราส่วนหนึ่งมาจากพระเลขา ที่ทำงานให้พระชั้นสมเด็จมาเป็นเวลานาน จึงได้รับโอกาสเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งถ้าสายสัมพันธ์ดี รู้จักพระผู้ใหญ่หลายวัดมักได้รับการสนับสนุน

สายสัมพันธ์ถือว่ามีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นและต้องมีพระผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน ยิ่งยาวนานยิ่งมีมีบารมีมาก อย่างยุคสมเด็จเกี่ยว พระใกล้ชิดท่านขึ้นมาเป็นใหญ่กันหมด เฉพาะกรณีนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องวุฒิการศึกษา

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า พระที่หวังเติบโตทางสายปกครอง ส่วนใหญ่นั้นหวังผลในระยะยาว อาจต้องใช้เวลาในการสร้างบารมี แต่ถ้าได้แล้วกินยาว บางส่วนไม่เน้นที่สายปกครองไปเน้นที่ความโด่งดังทางด้านอื่นตรงนี้เสี่ยง หากไม่เกิดหรือเกิดได้ไม่นานทุกอย่างก็จบ อะไรที่ทำให้มีลาภยศเพิ่มขึ้นมา พระที่แสวงหาลาภยศในแนวทางนี้ ย่อมต้องพยายามหาทางเพื่อให้ตัวเองได้สมหวัง ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วพระที่ดีก็ยังคงมีมากกว่า

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น