“ยุคทนายครองเมือง” พลิกเกมฟ้องฝ่ายตรงข้ามเป็นจำเลย

ทนายประมาณจัดหนักพาฟิล์ม รัฐภูมิ แจ้งความอี้แทนคุณ-หนุ่มกรรชัย ส่วนปู มัณฑนาแจ้งทนายแก้ว-หนุ่มกรรชัยทำให้เสียหาย งานนี้มอบให้ทนายธรรมราชคู่ปรับกรรชัยว่าความให้ พลิกฝ่ายตรงข้ามเป็นจำเลย ด้านหนุ่มสวนคดีปูขี้ผง เน้นที่ฟิล์มย้อนไม่ผิดแล้วขอโทษทำไม นักกฎหมายชี้ ยุคนี้ทนายครองเมือง เผยเทคนิคทำให้ดังเร็ว

จะเรียกว่าเป็นสงครามย่อยๆ ก็ว่าได้ สำหรับการขับเคี่ยวทางด้านคดีความของคนดังในสังคม โดยที่หวยมาออกที่พิธีกรดังจากรายการโหนกระแสอย่างหนุ่ม กรรชัย โดยหลังจากเทศกาลตรุษจีนโดนแจ้งความไปแล้ว 2 คดี เริ่มจาก 31 มกราคม 2568 

ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ แจ้งความดำเนินคดีกับหนุ่มกรรชัยและอี้แทนคุณ จิตอิสระ ตามมาด้วย 3 กุมภาพันธ์ 2568 ปู มัณฑนา หิมะทองคำ อดีตนางเอกสาวแจ้งความหนุ่ม กรรชัย และทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ข้อหาหมิ่นประมาท

งานนี้มีกุนซือด้านกฎหมายอย่าง นายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช มาบัญชาการ ด้วยการดันลูกสาวอย่างทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช เข้ามารับงานว่าความให้ปู มัณฑนา ที่มีคดีฟ้องร้องกับลูกหมี น.ส.รัศมี ทองศิริไพรศรี ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567

แถมทนายประมาณได้พา ฟิล์ม รัฐภูมิ ไปแจ้งความหนุ่ม กรรชัย และอี้ แทนคุณ ที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ส่วนคดีล่าสุดที่ปู มัณฑนา ฟ้องหนุ่มกรรชัยและทนายแก้วนั้น มีการเปิดทางให้ทนายธรรมราชคู่ปรับหนุ่มกรรชัย และอี้แทนคุณเข้ามาเป็นทนายให้

คดียืมเงินแจ้งความกลับ

หลายคนอาจตั้งข้อสังเกตว่า ดูเหมือนจะเป็นความจงใจหรือไม่ ทำไมทุกอย่างมันพอดีกันไปหมด ตรงนี้ไม่มีใครพิสูจน์ได้ เพียงแต่ดูเหมือนมันเป็นการบังเอิญที่ลงตัวพอดี ส่วนผลของคดีจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องรอกันอีกระยะหนึ่ง

คดีกู้ยืมเงินระหว่าง น.ส.รัศมี ทองสิริไพศรี แจ้งความนางมัณฑนา หิมะทองคำ โดยฝ่ายปูมีทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช ลูกสาวอาจารย์ประมาณเป็นทนายให้ ส่วนฝั่งลูกหมี มีทนายกุ้ง น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายในสังกัดของทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เป็นทนายความให้ตั้งแต่ราวกลางปี 2567

จากนั้นฝ่ายปู มัณฑนา ได้แจ้งความกลับต่อลูกหมีและทนายความ ข้อหาหมิ่นประมาท เพราะการทวงหนี้ผ่านสื่อนอกจากอาจเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา นับเป็นการพลิกเกมของทีมทนายความของปู มัณฑนา


ฟิล์มแจ้งความอี้-หนุ่ม

จากนั้น 31 มกราคม 2568 ที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ พร้อมด้วยนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความเอาผิด 2 บุคคล ที่มีการนำชื่อ ฟิล์ม รัฐภูมิ เผยแพร่ต่อสาธารณะชนทำให้เกิดความเสียหาย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

บุคคลแรกคือนายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรืออี้ แทนคุณ จะแจ้งดำเนินคดี 8 กรรม ที่มีการกล่าวอ้างว่ามีหลักฐานซึ่งไม่เป็นความจริง

ส่วนบุคคลที่สอง ที่จะดำเนินการเอาผิดคือ นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่มกรรชัย พิธีกรชื่อดัง ประมาณ 3-4 กรรม จาก 6 กรรม ที่มีการนำคลิปเสียงระหว่าง น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน ดิไอคอน กับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ และมีการเชื่อมโยงมาถึงฟิล์ม รัฐภูมิ โดยอ้างว่า ฟิล์ม รัฐภูมิมีการตบทรัพย์เหล่าบอสดิไอคอน กรุ๊ป จำนวน 20 ล้านบาท เรื่องนี้ทำให้ฟิล์ม รัฐภูมิเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก

ปูแจ้งความทนายแก้ว-หนุ่ม

จากนั้น 3 กุมภาพันธ์ 2568 นางมัณฑนา หิมะทองคำ ผู้เสียหาย ได้มาร้องขอความเป็นธรรมต่อสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อและแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับ

1.นายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือทนายแก้ว (ผู้ต้องหาที่ 1)
2.นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่มกรรชัยพิธีกรชื่อดัง (ผู้ต้องหาที่ 2)
3.บริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด (ผู้ต้องหาที่ 3) และกับพวก ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

จากการพูดคุยกันในรายการโหนกระแสเมื่อ 29 มกราคม 2568 ทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียงถูกสังคมเข้าใจผิด ดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง


หนุ่ม กรรชัย ออกมาสวน

ถัดมา 4 กุมภาพันธ์ 2568 หนุ่ม กรรชัย ได้แถลงข่าวในเรื่องดังกล่าว เป็นสิทธิของคุณปู แต่สุดท้ายถ้าเกิดว่ามันถูกพิสูจน์ไปแล้ว ว่าผมไม่ได้หมิ่นประมาทคุณ เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้ปล่อยผ่านนะครับ ผมจะใจดีกับคนที่มีเหตุและผล แต่ถ้าคนไม่มีเหตุและผล ผมไม่ใจดีด้วยนะครับ ผมคงจะต้องมีการดำเนินคดีกลับ ในข้อหาที่คุณไปแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา

เรื่องของคุณปูเนี่ยขี้ผง ผมไม่ได้สนใจ แต่เรื่องของคุณฟิล์มเนี่ยผมสนใจ ในวันที่มีการเปิดคลิปเสียง วันนั้นผมไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยว่าเป็นใคร ผมดูดเสียง ผมไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยว่าเป็นนักร้องท่านหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นจำกันได้ใช่ไหมครับ พอผมเปิดคลิปนั้นไป ไม่เกิน 2-3 ชม. คุณฟิล์มเองเป็นคนวิ่งไปที่ช่อง 8 เอง แล้วไปขอสัมภาษณ์ที่ช่อง 8 กับอาจารย์ยิ่งศักดิ์ (ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์) และออกมาแถลงข่าว คุณได้ยินใช่ไหมว่าคุณฟิล์มพูดว่าอะไร คุณฟิล์มบอกว่าผมต้องขอโทษพี่หนุ่มด้วยครับ ที่ผมเอาชื่อพี่หนุ่มไปพูด ทุกคนได้ยินหมดนะครับ

ผมถามว่าวันนั้นขอโทษ ถ้าคุณไม่ผิดคุณขอโทษผมทำไม ผมถามกลับไปนะคุณฟิล์ม คุณขอโทษผมทำไมถ้าคุณไม่ได้ผิด

รายการทีวีปั้นทนายดัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ทนายความดังจำนวนหนึ่งกลายเป็นแขกประจำรายการทีวีประเภท Hard Talk ที่มีเกือบทุกช่อง แต่ละช่องก็มักมีทนายเข้ามามีส่วนให้ความรู้ทางกฎหมายในเรื่องที่พูดคุยกัน

นี่จึงกลายเป็นเวทีให้ทนายความเหลานี้จึงสร้างตัวขึ้นมาให้มีชื่อเสียง ได้ลูกความตามเข้ามาอีกมากมาย โหนกระแสก็เป็นอีกหนึ่งรายการที่สร้างทนายจนดังขึ้นมาหลายคน ทนายตั้ม หรือษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่โด่งดังขึ้นมา แต่ภายหลังถูกจับทั้งในคดี The iCon Group และคดีฉ้อโกงพี่อ้อย ทนายอีกหลายท่านที่ผ่านเวทีใหญ่อย่างโหนกระแสต่างก็มีลูกความให้ต้องว่าความกันไป บางรายก็ย้อนกลับมาเป็นแขกร่วมรายการบ้าง แต่ระยะหลังของโหนกระแสจะมีทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล เป็นทนายหลัก มีทนายท่านอื่นผลัดเปลี่ยนบ้าง เช่น ทนายไพศาล หรือทนายสายหยุดบ้างสลับกันไป

นักกฎหมายรายหนึ่ง กล่าวว่า ที่จริงแล้วขึ้นอยู่กับทางรายการว่าต้องการเชิญทนายคนไหนมาร่วมรายการ เพราะทนายความมีทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย ทนายบางท่านก็มีลูกความที่เป็นคดีความที่น่าสนใจในมือ พาลูกความมาออกรายการ จบรายการนี้วิ่งไปออกอีกรายการหนึ่งก็มี ไม่ต่างไปจากการเวียนเทียนบุคลากรแค่ย้ายช่อง

รายการประเภท Hard Talk ส่วนหนึ่งอาจมีเรื่องการฟ้องร้องตามาภายหลัง เจ้าของรายการมักมีทนายความจำนวนหนึ่งอยู่ในมือเพื่อช่วยแก้ปัญหา บางส่วนก็เคยเป็นทนายความของคู่กรณีอีกฝั่งหนึ่งที่เคยมาออกรายการก็มี ถือว่าเป็นเรื่องของผู้ว่าจ้าง ว่าจะเลือกใช้บริการของทนายความท่านใด


อ.ประมาณทนายมือเก๋า

อาจารย์ประมาณถือว่าเป็นนักกฎหมายมือเก๋า ไม่ได้ใช้รายการทีวี Hard Talk เพื่อสร้างตัวเองให้ดังเหมือนทนายรุ่นใหม่ๆ ก่อนหน้านี้อาจารย์ประมาณเคยมีการให้ความรู้ทางกฎหมายกับประชาชน จัดรายการร่วมกับนายวันชัย สอนสิริ จนเป็นที่รู้จักของผู้คนมาก่อน วันนี้ดูเหมือนจะส่งต่องานให้ลูกสาวอย่างทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช เข้ามาทำหน้าที่ทนาย

ถ้าลองสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่าลูกความทั้ง 2 ราย มีการฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาทภายหลังทั้งสิ้น แม้น้ำหนักของคดีจะแตกต่างกัน แต่เป็นการพลิกเอาโจทก์มาเป็นจำเลย ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีต่อสู้ของทนายความ

การเป็นทนายดัง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นทนายเก่งว่าความชนะเสมอไป การได้ออกรายการทีวีแค่นี้ก็ทำให้คนทั่วไปรู้จักมากขึ้น ยิ่งมี Evant ประกอบพาผู้เสียหายไปแจ้งความตามหน่วยงานต่างๆ ถ้าเข้าตารายการก็เชิญมาร่วมรายการ ถ้าไม่เชิญสื่อก็ทำข่าวให้อยู่แล้ว ที่แน่ๆ คือ คุณได้ลูกความเพิ่มขึ้นแน่นอน แพ้หรือชนะในด้านคดีความเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ทนายบางท่านไม่ต้องผ่านรายการทีวีมากนัก แค่เลือกยืนในฝั่งตรงข้ามกับกระแสสังคม ยอมฟ้องหรือรับว่าความสวนกระแส แค่นี้ชื่อของทนายนั้นก็จะเป็นที่รู้จักขึ้นมาทันที ยิ่งรับว่าความให้ลูกความฝั่งตรงข้ามเรื่อยๆ ก็ยิ่งดัง มันขึ้นอยู่กับการเลือกใช้จังหวะ

ทางลัดทำให้ดัง

การรบกับคนดังถือว่าเป็นทางลัดของทนายความที่ต้องการเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว บางท่านยอมสวนกระแสฟ้องคนดังว่าหมิ่นประมาท เพียงแค่นี้ทุกสายตาก็เหลียวไปค้นหาคำตอบแล้วว่าคุณเป็นใคร ผลของคดีไม่ใช่เรื่องสำคัญแพ้ก็เงียบๆ แต่คนรู้จักแล้วเกือบทั้งประเทศ

ถามว่าคุณฟ้องหนุ่มกรรชัยกับฟ้องตามียายมา คนจะหันมามองข่าวไหนมากกว่ากัน เรื่องการร้องมรรยาททนายนั้นใช้เวลาอีกนานกว่าจะมีการพิจารณา ที่สำคัญทนายผู้นั้นต้องผิดจริงจนคดีสิ้นสุด บางคนมีเส้นสายก็ยืดเรื่องกันออกไป ที่สำคัญคือระบบของทนายความยุคนี้เขาเปิดสำนักงานกัน ทนายคนดังมักมีหน้าที่หาลูกค้าเข้ามาเพิ่มด้วยการออกรายการทีวี แม้จะถูกพักใช้ใบอนุญาตก็ไม่กระทบ เพราะให้ทีมทนายว่าความแทนอยู่แล้ว

บางคดีมีทนายที่มีความรู้ความชำนาญในสายนั้นน้อย เช่น สายพระ ทนายบางกลุ่มก็โดดเข้ามาชิงพื้นที่ก่อนจึงเป็นการสร้างความได้เปรียบ แต่จะเข้ามาก่อนหรือหลังไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอให้เข้ามาแล้วดังเป็นใช้ได้ ส่วนเรื่องผลของคดี เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันหลายเดือน แพ้ก็อยู่เงียบๆ ชนะก็คุยโตได้ เป็นเรื่องปกติของทนายความ

ที่คุณหนุ่มกรรชัยพูดไว้ก็เป็นเรื่องจริง คือ ติดคุกหรือไม่ติดคุกนั้นเป็นเรื่องของโจทก์และจำเลย ทนายความไม่ได้ติดคุกด้วย คดีเสร็จรับเงินแล้วจบ ไม่ว่าผลของคดีจะแพ้หรือชนะคดี ดังนั้นทั้งโจทก์และจำเลยต้องไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีๆ ไม่ใช่ฟังแต่คำแนะนำของทนายความเพียงอย่างเดียว

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j