เมื่อทนายตั้มเข้าคุก คนที่ได้รับผลกระทบจากวีรกรรมทนายดังเปิดหน้า เพจออยศรีฯ จิกทุกเม็ด ส่วนทนายนิด้าโพสต์ที่มาที่ไปที่มีปัญหากับทนายตั้ม แถมเผยวิชาทนายโจรทนายด้วยกันเผยวิชามาร ด้อยค่า-บูลลี่-ข่มขู่ มีครบ ร้องกรรมการมรรยาทก็เงียบยอมรับถอดใบอนุญาตฯ ทนายดังไม่มีผล เพราะไม่ได้ว่าความเอง ส่วนการรวมทีมทนายดังเป็นการตลาดอีกแบบหนึ่งแต่ไม่เกี่ยวกับฝีมือว่าความ ชี้ใครจะขึ้นไปเป็น Deal Maker ต้องซื่อสัตย์
ข่าวใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ทั้งคดีดิไอคอน กรุ๊ป และคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เริ่มขยายวงไปยังบุคคลข้างเคียง คดีดังเหล่านี้มีทนายความเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งการรวมตัวของทนายความพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี หรือทนายความเป็นผู้ถูกกล่าวหาเสียเอง อย่างทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายคนดังของไทยเกี่ยวพันกับทั้งดิไอคอนและคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท จนถูกจับกุมเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2567 จนถูกผู้คนในสังคมพูดถึงอาชีพทนายความในทางลบกันมากขึ้น
“ทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เพียงแต่ช่วงนี้เรื่องของทนายความมาแรง เพราะเห็นได้ตามข่าวหรือเป็นผู้มาให้ความรู้ทางกฎหมายตามรายการต่างๆ ที่มีให้เห็นแทบทุกช่อง” นักกฎหมายอาวุโสรายหนึ่งกล่าว
ก่อนหน้านี้ เราอาจเห็นแค่ทนายพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นแขกรับเชิญตามรายการ Hard Talk ตามช่องต่างๆ แต่ตอนนี้ทนายกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเอง จากข้อมูลที่ฝ่ายผู้เสียหายเปิดเผยออกมา ทำให้เห็นและทราบถึงพฤติกรรมของทนายความในบางมุมที่คนทั่วไปไม่ทราบมาก่อน
ออยศรีฯ+ท.นิด้า
แต่ครั้งนี้เราได้เห็นผู้ที่เคยอึดอัดกับสถานการณ์ที่ผ่านมา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างเปิดเผย เช่น เพจออยศรีและผองเผือกที่เป็นคู่ปรับกับทนายตั้มมาก่อน ตามติดคดีทนายตั้มทุกเม็ด เช่นเดียวกับเพจของทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ ที่ออกมาโพสต์หลายข้อความ ตั้งแต่ก่อนที่ทนายตั้มจะถูกจับกุม
19 ตุลาคม 2567 ทนายนิด้าโพสต์ สะท้อนให้เห็นถึงการกระทบกระทั่งกันกับทีมทนายตั้มและทนายเดชา
จุดเริ่มต้นที่ตั้มเกลียดด้าคงเริ่มมาจากที่นิด้ารับเป็นทนายความให้ลูกความฝ่ายตรงข้าม นิด้าก็เจอจิกกัด เหน็บแนม ในทำนองไม่มีความรู้กฎหมาย บลัฟใส่ในทำนองว่าตัวเองไม่แพ้หรอก ทั้งที่นิด้าทำหน้าที่ในฐานะทนายความไปตามปกติ และตามปกติของทนายความไม่เคยมีปรากฏว่าใครเขาทำกันแบบนี้ ไม่เคยมีใครบอกใครเก่งกว่าใครโง่กว่า ทุกคนให้เกียรติกันในการทำงาน และนิด้ากล้ายืนยันว่า นิด้าไม่เคยทำหน้าที่ให้ทนายตั้ม รวมถึงทีมทนายทั้งหมด ที่กล่าวมาข้างต้นได้รับความเสียหายใด หรือไม่ทีมารยาทต่อเขา
และทนายที่เป็นเมียน้อยมันเริ่มมาจากตรงนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อประสงค์ปิดปากให้ทนายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียน้อยนั้นยุติการต่อกรด้วย หรืองดการให้ความเห็นทางกฎหมายที่แตกต่าง แต่หน้าที่คือหน้าที่ นิด้าทำงานไปไม่เคยตอบโต้เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงหยุดไปเอง
จนมันถึงวันนี้ วันที่นิด้าให้ความเห็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความผิดของพระวอ กรณี the icon ที่ทนายอแวนเจอร์เห็นว่าเข้าข้อกฎหมายที่เป็นความผิด แต่นิด้าเห็นว่าไม่ผิดจึงแชร์มุมมองของนิด้าออกไป สิ่งที่เกิดขึ้นอีกก็เป็นเหมือนเดิม
นิด้ามาโพสต์เพื่อจะบอกว่าที่ทุกคนพยายามกล่าวหานิด้ามันไม่เป็นความจริง มันกระทบต่อคนอื่น มันกระทบต่อลูกนิด้าที่เพิ่งจะอายุ 5 ขวบ ซึ่งทนายที่ทำเพื่อประชาชนจะมุ่งทำลายคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงเด็กวัยแค่นี้ไม่ได้ คือจะไม่คิดถึงจริงๆ หรอ
ถ้าย้อนกลับไป นิด้าให้ความเห็นเกี่ยวกับ the icon ว่าเข้าข่ายเป็นความผิดมาตั้งแต่ต้น ทั้งที่ตนเองมีลูกความเป็นหนึ่งในเครือข่าย the icon ด้วยซ้ำ แต่ยังจะเลือกให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาได้ แต่ในมุมของพระวอ นิด้ามีความเห็นต่างออกไปจริงๆ และนิด้าเห็นว่าการแชร์มุมมองข้อกฎหมายที่นิด้าเห็นว่าถูกต้อง ย่อมเป็นสิ่งที่ชอบธรรมที่จะทำได้ แต่พอความเห็นต่างนิด้าก็จะเจอแบบนี้ทันที
นิด้าไม่ได้กลัวสิ่งนี้ อย่าหยุดนิด้าด้วยวิธีแบบนี้อีกเลย นิด้าตัวคนเดียว ไม่มีแก๊ง ใครที่มีอิทธิพลต่อสื่อ ชี้นำสังคมไม่ได้เท่าระดับทนายตามหลักล้าน เลิกรวมหัวกันรังแกคนอื่นได้แล้ว มันไม่น่ารักและไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อสังคมเลยแม้แต่นิดเดียว
วิชาทนายโจร
หลังจากที่ทนายตั้มถูกตำรวจจับกุม 11 พฤศจิกายน 2567 ทนายนิด้าโพสต์ วิชาทนายโจร วางรูปคดีใหม่ให้ผิดไปจากข้อเท็จจริงเดิม
1.นำพยานหลักฐานที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ มาเป็นตัวตั้งก่อน เช่น สัญญา แชตไลน์ จำนวนเงินที่ได้รับ สลิปการโอนมาจาก สลิปการโอนไปจาก ข้อมูลการใช้โทรศัพท์ การติดต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง
2.นำพยานหลักฐานทั้งหมดมาเล่าเรื่องใหม่ ให้สอดคล้องกับรูปคดีที่ตนเองวางไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตน ซึ่งจะต้องให้สอดคล้องกับพยานหลักฐานที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ในข้อ 1.
3.ระมัดระวังข้อเท็จจริงที่จะเล่าใหม่ ต้องไม่ไปเจือสมกับข้อกล่าวอ้างของฝ่ายคู่กรณีในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ
4.สร้างพยานหลักฐานให้เกิดขึ้น/เล่าหรือพิมพ์ข้อเท็จจริงไว้ล่วงหน้า ให้ปรากฏเผื่อเหตุการณ์ในอนาคตจะถูกดำเนินคดี เช่น แจ้งความรอไว้ เล่าเรื่องบางประเด็นไว้ล่วงหน้าก่อน เผื่อไว้นำไปใช้เป็นพยานแวดล้อมในศาล เพื่อพิสูจน์เจตนาของตน หากไม่มีคดีก็แล้วไป ทำแล้วไม่ได้ใช้ดีกว่าใช้แล้วไม่ได้ทำ
ทนายที่ต้องการบิดข้อเท็จจริงจะมีเทคนิคอย่างน้อยประมาณนี้ ยังมีอีกหลายข้อ เล่าแค่นี้พอเพื่อให้อ่านเกมคนทัน
ทุกข้อที่กล่าวมาเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย มีโทษจำคุก ไม่ว่าจะแจ้งความเท็จ ฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ นำสืบพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ
วิชาโจรรู้ไว้จะได้ทันคน อ่านเกมคนทันก็สู้คดีได้ง่ายขึ้น ไม่มีเจตนาส่งเสริมให้ผู้ใดปฏิบัติตาม
ทนายยุคใหม่ต้องใช้ Social
ยุคนี้ทนายต้องใช้ Social Media ให้เป็นประโยชน์ พาผู้เสียหายเข้าร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ Live ให้ความรู้ทางกฎหมาย พยายามสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง เข้าร่วมให้ความเห็นทางกฎหมายตามรายการดังๆ ทาง TV ซึ่งไม่ต่างไปจากการทำประชาสัมพันธ์ให้ตัวเองและสำนักงานทนาย
เมื่อทนายความสร้างตัวเองให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาได้ จนเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ บางคนก็ไม่ได้ว่าความเอง แต่วางตัวเป็น Celeb ทางกฎหมาย ช่วยเหลือประชาชน แค่นี้ก็ช่วยหาลูกค้าเข้าสำนักงานทนายตัวเองได้ไม่ยาก ยิ่งคนรู้จักมากเท่าไหร่ ค่าจ้างของสำนักงานทนายความนั้นก็แพงขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่มีทนายอีกกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะทำงานอย่างเงียบๆ แม้ลูกความอาจจะมีน้อยแต่ทำงานแบบมีความสุข ซึ่งคนทั่วไปไม่มีใครรู้ว่าทนายที่ท่านเห็นทาง TV นั้นเก่งจริงหรือไม่ ขนะมากกว่าแพ้หรือแพ้มากกว่าชนะ แต่คนเห็นมันเป็นภาพจำ เวลานึกอะไรไม่ออกก็นึกถึงทนายเหล่านี้ ลองคิดดูว่าทนายที่มาว่าความให้ทนายษิทรา ทำไมเป็นทนายสายหยุด ที่อดีตเคยร่วมงานที่ษิทราลอว์เฟิร์มมาช่วงหนึ่ง ทำไมทนายตั้มไม่ใช้ทนายในบริษัทตัวเอง ก็ลองคิดก็เอาเอง
ทนายเดี่ยวหรือทีมทนาย
แหล่งข่าวกล่าวว่า วันนี้ในวงการทนายความมีทั้งทนายความเดี่ยวและการรวมทีมทนายความในกรณีเกิดคดีใหญ่ ย่อมมีผลต่อการดึงดูดความสนใจจากสื่อได้มาก และมีผลในทางจิตวิทยาต่อลูกความในอนาคต อาจทำให้เกิดความเข้าใจไปเองว่าถ้าใช้
บริการทนายดังในข่าวแล้วจะมีเครือข่ายของทนายดังคนอื่นอาจเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
ตรงนี้ต้องอธิบายว่านั่นเป็นเพียงภาพที่สาธารณะเห็น แต่การสู้กันในคดีก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและความสามารถของทนายความ บางครั้งที่ทนายในสังกัดของทนายดังที่เป็นพวกเดียวกันเป็นทั้งทนายโจทก์และทนายจำเลยต้องมาสู้กันก็มี
ทุกวันนี้วงการทนายทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ฝ่ายของตัวเองเป็นผู้ชนะ วิชามารงัดมาใช้กับฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคู่ความกัน เป็นเรื่องที่คนในวงการทนายความทราบกันดี การข่มขู่ เหยียด ด้อยค่าทนายฝ่ายตรงข้ามรวมไปถึงตัวโจทก์คู่กรณีจนถึงพยาน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งวิธีการเหล่านี้มันผิดอยู่แล้ว แต่มันก็เกิดขึ้นจนแทบจะเป็นเรื่องปกติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาแก้ปัญหา
ถอนใบอนุญาตทนายดังไม่มีผล
ทนายความรายหนึ่งให้ความเห็นว่า การพักใบอนุญาตทนายความ หรือเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ มองเผินๆ อาจเป็นโทษหนักสำหรับอาชีพทนายความ ถ้าเป็นทนายความที่ต้องว่าความเอง ตรงนี้ถือว่าหนักเพราะกระทบต่อรายได้ แต่ในระดับสำนักงานทนายความแล้ว ถ้าเป็นหัวหน้าสำนักงานแล้วถูกพักใบอนุญาต ตรงนี้อาจไม่มีผลกระทบ เพราะส่วนใหญ่ให้ลูกน้องในทีมว่าความแทนอยู่แล้ว ตัวหัวหน้ามีหน้าที่ทำประชาสัมพันธ์ ในรูปของการให้ความรู้ทางกฎหมาย หรือมีกิจกรรมพาผู้เสียหายไปแจ้งความ ที่จะมีผลต่อลูกความที่จะเข้ามาในอนาคตก็ยังทำได้อยู่
ส่วนทนายดังบางท่านถูกร้องเรียนเยอะ แต่ยังไม่ถูกลงโทษจากกรรมการมรรยาท สภาทนายความ หรือทนายบางคนถูกต้องเรียนมากแต่แค่เรียกไปตักเตือน แถมเมื่อถูกทำร้ายตามที่เป็นข่าว เย็นวันเดียวกันสมาคมฯ ก็ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรง ตรงนี้สภาทนายฯ ต้องตอบข้อสงสัยนี้ให้ได้
ก้าวไปถึงขั้น Deal Maker
วันนี้เราได้เห็นของพัฒนาการของทนายความได้ใช้ความรู้ทางกฎหมาย ทำงานที่ไม่ใช่เพียงการว่าความเท่านั้น แต่ยังก้าวข้ามไปถึงขั้นไปเป็น Deal Maker หรือการเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ทำงานตามความต้องการของลูกค้าในทางธุรกิจ ซึ่งในวงการธุรกิจมีมานานแล้ว
ทนายที่จับคดีของความเดือดร้อนประชาชนมาตลอด ถึงวันหนึ่งมีแสงฉายมาที่ตัวเองตลอดเวลา ขยับอะไรเป็นข่าวดัง ยิ่งถ้ามีผู้ให้การสนับสนุนที่เป็นบุคคลที่มีอำนาจมีผลในทางคดีความอยู่เบื้องหลังด้วยแล้วทุกอย่างก็จะง่ายไปหมด ถึงจุดหนึ่งการว่าความอาจเป็นเรื่องที่ไม่ท้าทายอีกต่อไป การใช้ความรู้ด้านกฎหมาย บวกด้วยคอนเน็กชันระดับบิ๊กๆ ที่มีอยู่ อาจผันตัวไปเป็นผู้ประสานงานให้โครงการใหญ่ หรือบุคคลที่ร่ำรวยได้
ปกตินักธุรกิจใหญ่มักมีทนายความของตระกูลอยู่เสมอ เช่นเดียวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ก็มีทนายความประจำบริษัทเช่นกัน หรือทนายของบริษัทการเงินต่างประเทศ ทนายเหล่านี้รายได้สูง ส่วนใหญ่ไม่เปิดเผยตัวทำงานเงียบๆ
คนที่ทำคดีของทุกข์ร้อนของประชาชนทั่วไป เมื่อก้าวขึ้นมาดูแลบุคคลที่มีฐานะหรือองค์กรที่มีรายได้สูง ความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพถือเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งถ้าเห็นว่านายจ้างไว้ใจ หรือไม่มีความรู้ในบางเรื่อง จึงมีเรื่องของส่วนต่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันในชั้นศาล
ยิ่งเป็นคนอยู่ในความสนใจของประชาชน โอกาสที่จะถูกจับผิดหรือถูกตรวจสอบย่อมมีมากกว่าปกติ และเมื่อเกิดเป็นคดีขึ้นมาส่งผลให้ดึงความสนใจของคนในสังคมได้เป็นวงกว้าง รวมไปถึงผู้ที่เคยได้รับผลกระทบด้านลบจากการทำงานในวิชาชีพทางกฎหมายในอดีต จึงพร้อมใจกันออกมาแฉถึงพฤติกรรมที่เคยทำมาในอดีต
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j